弥勒佛 “神奇的文明时代”
ในยุคสมัยของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือในยุคของพวกเรานั้น พระพุทธศาสนาจะยืนยาว และยังประโยชน์อันไพบูลย์ให้เกิดแก่โลกและจักรวาล ได้ยาวนานอย่างน้อย 5,000-ปี หลังจากนั้น พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาแห่งปัญญาและเหตุผล ก็จะค่อยๆเลือนหายไปจากโลก เพราะคนจะเริ่มเสื่อมจากศีลธรรมลงไปเรื่อยๆ
在释迦牟尼佛时代或者在我们这个时代,佛教非常的繁荣昌盛,寿龄长达至少5000年之久。在这之后,因为人们的道德开始慢慢下降,充满智慧的佛教就慢慢在世间消失了。
เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ถูกกิเลสครอบงำอย่างแรงกล้า จนทำให้มีปัญญาหยาบและไม่ตั้งอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาและคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะสูญสิ้นไปจากโลกใบนี้ในที่สุด และด้วยเหตุที่คนเสื่อมจากศีลธรรมนี้เอง จึงส่งผลทำให้อายุขัยของมนุษย์ในช่วงนั้น สั้นลงไปเรื่อยๆ จนอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ลดเหลือเพียงแค่ 10-ปี (ปัจจุบันอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์อยู่ที่ 75 ปี)
人类都将被烦恼所强烈的控制着,使得他们没有道德心,智慧减少,到那时,佛教和佛陀的教诲便最终会在这个世间中销声匿迹。因为道德退化的缘故,人类的寿命也会逐渐的减少,让人类的平均寿命变的只有十年而已。(现今人类的平均寿命为75年)
เมื่อใดที่อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ลดลงจนเหลือเพียงแค่ 10-ปี เมื่อนั้นโลกของเราก็จะเข้าสู่ช่วงกลียุค ซึ่งเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่บนโลกจะถูกอกุศลกรรมครอบงำจิตใจ และในช่วงนี้เอง คนที่ถูกอกุศลกรรมครอบงำจิตใจ หรือพูดสั้นๆง่ายๆว่า “คนชั่ว” ก็จะออกมาฆ่าฟันกันเอง ส่วนคนดีหรือคนที่ประกอบแต่กุศลกรรม ซึ่งถือเป็นชนกลุ่มน้อยในยุคนั้น ก็จะพากันหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่า เมื่อคนชั่วได้เข่นฆ่ากันเองจนตายเกือบหมดสิ้น คนดีก็จะกลับออกมา ครั้นกลับออกมาแล้ว เห็นคนชั่วนอนตายกันเกลื่อนเมือง คนดีก็จะเกิดอาการสลดใจว่า ทำไม…มนุษย์ต้องมาเข่นฆ่ากันเช่นนี้
当人类的寿命只剩下10年之时,我们人类的世界就会处于混乱之中,那时世间的人类将会被恶业控制内心,被恶业控制内心的人类或简单的称为“罪恶之人”,他们将相互的残杀。而对于那些好人或行善之人,将在那个时代成为仅有的一小股力量,这些少数的善人将一起逃进森林中。当那些罪恶的人结束相互的残杀后,善人才会返回,当他们回来后,看见罪恶的人相互残杀后的满城尸体,他们就会悲痛的感觉到:为什么人类会如此的相互残杀呢?
หลังจากนั้น ผู้ที่เหลือรอดจากสงคราม (ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนชั่ว) ในครั้งนั้น ก็จะเริ่มตั้งใจทำความดี เมื่อทำความดีกันมากเข้า…มากเข้า อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ก็จะเพิ่มมากขึ้นแบบทับทวีไปเรื่อยๆ คือ จากสิบจะเป็นยี่สิบ จากยี่สิบจะเป็นสี่สิบ จากสี่สิบจะเป็นแปดสิบ จากแปดสิบจะเป็นหนึ่งร้อยหกสิบ แล้วทับทวีเป็นเท่าตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ยาวนานถึงอสงไขยปีเลยทีเดียว
于是,那次战争的幸存者(罪恶之人的种族已经灭绝)便开始齐心做善事,当一起修的善事越来越多,人类的平均寿命就会开始慢慢地增长:也就是从十年增长为二十年,从二十年增长为四十年,从四十年增长到八十年,从八十年增长至一百六十,如此不断的翻倍增长,直到人类的平均寿命达到了阿僧祗年。
เมื่อใดที่อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ยืนยาวมากถึงอสงไขยปี มนุษย์ในยุคนั้นก็แทบจะไม่รู้จักกับความตาย และเมื่อความตายอยู่ไกลเกินกว่าที่มนุษย์ในยุคนั้นจะเข้าถึง มนุษย์ก็จะเริ่มดำรงชีวิตด้วยความประมาท และเริ่มถอยห่างจากศีลธรรมไปทีละเล็กละน้อย
什么时候人类的平均寿命达到了阿僧祗年,那么那个时代的人类就几乎不认识何为死亡了。当死亡远离了那个年代的人类后,那个年代的人类便开始以疏忽大意的态度去维持生活,从而人类的道德也就慢慢一点一点的退化了。
จากจุดนี้เอง ได้ส่งผลทำให้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์จากเดิมที่อายุยืนถึงอสงไขยปี ก็จะเริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ คือ จากอสงไขยปีจะค่อยๆลดน้อยถอยลงจนกลายเป็นเหลือโกฏิปี จากโกฏิปีจะค่อยๆลดน้อยถอยลงจนเหลือแสนปี จากแสนปีจะค่อยๆลดน้อยถอยลงจนเหลือแปดหมื่นปี
这个会影响让人类的平均寿命从原来的阿僧祗年,开始逐渐的下降。也就是将会从阿僧祗年下降为千万年,再从千万年下降为十万年,最后再从十万年下降为八万年。
เมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านไป จนอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ลดลงเหลือประมาณแปดหมื่นปี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้ ซึ่งมีพระนามว่า “พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า” ก็จะเสด็จอุบัติลงมาบังเกิดบนโลก ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ จัดเป็นพระพุทธเจ้าประเภท วิริยาธิกพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งด้วยความเพียร เพราะพระองค์ทรงสร้างบารมีมายาวนานถึง 80-อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งสร้างบารมีมายาวนานกว่าพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีมา 20-อสงไขยกับแสนมหากัป
直到人类的平均寿命下降为大约八万年时,贤劫中的最后一尊佛陀——“弥勒佛”,就会下凡来到世间。这位佛陀,属于精进佛类,是一位极其刻苦勤奋的佛陀。因为弥勒佛修波罗蜜的时间长达八十阿僧祗和十万大劫,比释迦牟尼佛所修波罗蜜二十阿僧祗和十万大劫的时间还要长许多。
ด้วยเหตุที่พระศรีอริยเมตไตรย์ทรงสร้างบารมีมายาวนานเช่นนี้ วงบุญของพระองค์จึงมีขนาดใหญ่และแวดล้อมไปด้วยผู้ที่มีบุญบารมีเป็นจำนวนมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมทำให้ในยุคที่พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าจะลงมาบังเกิด จึงกลายเป็นยุคที่มีความศิวิไลซ์เป็นที่น่าอัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง พูดได้เลยว่า คนในยุคปัจจุบัน เมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคสมัยของพระศรีอริยเมตไตรย์แล้ว จะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบนโลก”
也因为弥勒佛如此长时间修波罗蜜的缘故,使得佛陀的功德圈范围很大,他的身边也围绕着很多有功德波罗蜜的人。这便使得弥勒佛下凡来转世的那个时代,成为极其神奇和不可思议的文明时代。如果现今时代的人类,看到弥勒佛那个时代人类的生活时,一定会一齐惊叹道:“真不敢相信这样的现象居然可以在人间出现!”
ความอัศจรรย์แห่งยุคพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ได้มีปรากฏในคัมภีร์ไตรภูมิโลกวินิจฉัย ซึ่งสามารถจำแนกเป็นหัวข้อคร่าวๆ ได้อย่างน้อย 6 ประการ ดังต่อไปนี้
神奇的弥勒佛时代,在三藏典籍中的世界地理研究之篇幅中讲到,区分神奇时代有如下六大特征:
ความอัศจรรย์ลำดับที่ 1.ได้แก่เรื่อง สภาพเศรษฐกิจและสังคม
神奇的第一项特征为:经济和社会的情况
โลกในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้น ผู้มีบุญจะลงมาเกิดกันจนเต็มแผ่นดิน จนเป็นผลทำให้โลกในยุคนั้น มีแต่สันติสุขและจะไม่มีการรบราฆ่าฟันกันเลย เพราะผู้คนในยุคนั้น จะมีศีลธรรมประจำใจ และมีความรักใคร่ฉันพี่น้อง มองกันด้วยความเอื้ออาทร ภาพของโลกในยุคนั้น ประชากรบนโลกจะมีเป็นจำนวนมาก และจะสร้างอาคารบ้านเรือนอยู่ใกล้ๆกัน แต่ถึงกระนั้น อาหารการกินกลับอุดมสมบูรณ์ ไม่ขัดสนเลยแม้สักนิดเดียว พูดง่ายๆ คือ เหลือกินเหลือใช้นั่นเอง นอกจากนั้น…โลกในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ ยังปราศจากความเหลื่อมล้ำทางสังคมอีกด้วย
在弥勒佛时代的世界里,会有不计其数的有功德之人下凡来转世在人世间,让那个时代只有和平,没有战争。那个时代的人们,会非常重视道德,兄弟姐妹间相互关爱,相互援助。那时的世界,人口众多,人们相互间建起的房子也很接近,即便如此,食物还是非常的富足,用之不尽,总有盈余,一点也不缺乏。除此之外,在弥勒佛时代,也没有社会地位的悬殊区别。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 22
ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (2)
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第二十二集
“神奇的文明时代(二)”
梦中梦幼稚园编辑
โลกในยุคนั้น จะปราศจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม กล่าวคือ จะไร้ซึ่งอภิอัครมหาเศรษฐีผู้รวยล้นฟ้าอยู่เพียงผู้เดียว หรือไร้ซึ่งยาจกวณิพกผู้ยากไร้ เพราะทุกๆคนที่เกิดมาในยุคนั้น จะมีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ คือ แต่ละคนจะมีความหล่อ สวย รวย ฉลาด ไล่เลี่ยกันนั่นเอง
那个时代的世界,没有贫富差距,社会中只有富翁,没有穷人。因为生在那个时代的每一个人都拥有不会比对方少的色身财、金钱财和品行财。或者简单的说法便是,每个人都有平等的帅气、美丽、富有和聪明。
อีกทั้งโลกในยุคนั้น จะไม่มีคนอนาถาเข็ญใจไม่มีที่อยู่อาศัย เพราะของกินของใช้ ผ้านุ่งผ้าห่มในยุคนั้น จะสามารถบันดาลได้จากต้นกัลปพฤกษ์ที่มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง หากใครต้องการสิ่งใดก็จะไปที่ต้นกัลปพฤกษ์ เพื่อของสิ่งของต่างๆ ตามที่ตนเองปรารถนา ดังนั้น…คำว่า เศรษฐกิจตกต่ำ หรือ ภาวะข้าวยากหมากแพง ดังเช่นในยุคปัจจุบัน ย่อมไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนในยุคนั้น
此外,那个时代的世界没有人会无依无靠,贫苦的没有地方居住。因为日常的吃穿等用品将可以从每个角落的劫波树下得到,找谁或需要什么就可以去到劫波树下,各式各样的东西都将会如你所愿。因此,那个时代的人们不会体会到现如今这个时代经济衰退或者饥荒的悲哀。
นอกจากนี้ คนที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของพระศรีอริยเมตไตรย์ จะเป็นผู้ที่พรั่งพร้อมและบริบูรณ์ไปด้วยรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันประณีต ถ้าดูเผินๆก็จะมีรูปร่างลักษณะคล้ายๆดั่งชาวสวรรค์ (คือ แลดูงดงามคล้ายๆกันไปหมด) เพราะฉะนั้น คนในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ จะเป็นผู้ที่มีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม แลดูเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ตลอดเวลา แม้คนที่กำลังเข้าสู่วัยชราซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิต ร่องรอยแห่งวัย ประเภท…ตีนกา รอยยับรอยย่น หรือสิวฝ้า กระ จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
除此之外,出生在弥勒佛时代的人,将会具足和圆满色、声、香、味、触、法,其体型特征犹如天人一般(看上去都非常的相似和美丽)。因此,弥勒佛时代的人,都是相貌非常美丽之人,任何时候看上去都是一样的年轻,即便进入了晚年,即是生命的尽头,也很难辨别年龄。脸上不会有一丁点眼角和脸部的皱纹、粉刺和斑点。。
ในยุคนั้น จะไม่มีคนพิการทางร่างกาย และพิกลทางจิตใจ แม้สักคนเดียว ดังนั้น คนหูหนวก ตาบอด ง่อยเปลี้ยเสียขา ใบ้บ้าปัญญาอ่อน จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ทุกคนล้วนดูดี สมส่วน สง่างาม ดูเจริญตาพาเจริญใจเป็นอย่างยิ่ง
在那个时代,将不会有身体缺陷和心理异常的人,即便一个也不会有。因此,耳聋、眼瞎、腿瘸、疯癫弱智的人,也都将不会出现。那个时代的每个人都很漂亮、美丽、英俊,非常的令人赏心悦目。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 23
“ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (3)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第二十三集
“神奇的文明时代(三)”
梦中梦幼稚园编辑
อีกทั้งคนและสัตว์ต่างๆที่เกิดในยุคนั้น จะพูดจาภาษาเดียวกัน กล่าวคือ สัตว์สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ มีเมตตาจิตต่อกัน ไม่คิดทำร้ายกัน และจะตั้งมั่นอยู่แต่ในสุจริตธรรม เพราะมนุษย์ทุกคน รวมถึงสัตว์ทุกตัว ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น จะมีศีลห้าเป็นปกติ ดังนั้น พวกสัตว์ที่เป็นคู่เวรคู่กรรม อย่างเช่น กากับนกเค้า แมวกับหนู งูกับพังพอน เมื่อไปเกิดยุคนี้…ทั้งสองฝ่ายจะกลายเป็นมิตรกัน
而且生在那个时代的人与动物,将使用同一种语言,也就是动物可以说人类的语言。他们会相互同情对方,不会伤害对方,并致力于彼此间的坦诚相待。因为生在那个时代的所有人与动物,都会常持五戒。例如乌鸦和猫头鹰,猫和老鼠,蛇和獴等等这些天生的敌人,当生在那个时代后,彼此间就会转变为好朋友。
ความอัศจรรย์ลำดับที่ 2.ได้แก่ เรื่องสุขอนามัย
神奇的第二项特征为:卫生健康
มนุษย์ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้น จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ไร้ซึ่งโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอันตรายร้ายแรงมาเบียดเบียน ดังนั้น โรงพยาบาลหรือโครงการต่างๆที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บอย่างเช่นในยุคปัจจุบัน ก็จะหมดความจำเป็นไปเลย ที่เป็นเช่นนั้น…ทั้งนี้ก็ด้วยบุญญาบารมีของผู้คนในยุคนั้นนั่นเอง
在弥勒佛时代的人类,身体都非常的健康圆满。不会被疼痛与疾病所侵犯,所以,例如在当今时代中那些为预防和治疗疾病的各种医院或各种项目计划,在那个时代都不再存在了。这些都是因为那个时代的人们之功德波罗蜜所致。
แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่ามนุษย์ในยุคนั้นจะไม่มีโรคมาเบียดเบียนเอาเสียเลย เพราะในความเป็นจริงแล้ว ยังมีโรคที่มาเบียดเบียนผู้คนในยุคนั้นได้อยู่เหมือนกัน แต่ถึงจะมีก็มีเพียงแค่โรคสามประเภทเท่านั้น ได้แก่..
但是即便如此,也并不表示那个时代的人不被任何疾病所侵害。也有一些疾病会侵害那个时代的人,但是也只有以下三种类型的疾病而已:
โรคประเภทที่หนึ่ง คือ โรคหิวอาหาร สำหรับโรคหิวอาหารนั้น ถือเป็นโรคประจำขันธ์ของมนุษย์ทุกคน ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดมายุคใดสมัยใด มนุษย์ก็ต้องเป็นโรคนี้ด้วยกันทั้งนั้น
第一种类型的疾病为:饥饿。对于这个疾病,可以算是每个人类最为普遍的症状。因此,无论是生在哪个时代或哪个时期,所有的人类都一样会拥有这个症状。
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหิวอาหาร ทั้งนี้ก็เป็นเพราะกายหยาบต้องการอาหารนั่นเอง เมื่อไหร่ที่เราลืมบริโภคอาหาร เมื่อนั้นโรคหิวอาหารก็จะกำเริบและแสดงอาการออกมาให้เห็น เช่น อาการท้องร้อง
เป็นต้น
产生对食物感到饥饿的病症原因,是因为粗人身需要食物。当什么时候,我们忘记了饮食,饥饿的病症就会发生,呈现出来的症状,例如肚子叫等等。
โรคประเภทที่สอง คือ โรคที่เกิดจากความเมาอาหาร สำหรับโรคชนิดนี้มีสาเหตุมาจากการบริโภคมากจนเกินไป เมื่อไหร่ที่เราบริโภคมากจนเกินไป เมื่อนั้นโรคที่เกิดจากความเมาอาหารก็จะแสดงอาการออกมาให้เห็น เช่น ร่างกายจะรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายเนื้อสบายตัว เป็นต้น
第二种类型的疾病为:因贪爱食物而引起的疾病。这个疾病是由于饮食过量之缘故。当在什么时候我们吃的过多,那时因贪爱食物而引起的这个疾病,就会展现出的症状为:例如感觉身体透不过气来,或者全身都感到非常的不舒服,等等。
ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าอาหารในยุคนั้น ล้วนมีรสชาติกลมกล่อมชวนให้ลิ้มรสเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น เมื่อใครได้บริโภคอาหารเข้าไปแล้ว จึงเกิดอาการติดใจและยากที่จะห้ามใจได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาวะเมาอาหารจึงเกิดขึ้น
产生如此的症状,就是因为那个时代的食物,味道非常的美味。因此,当谁食用了那些食物之后,就会非常的迷恋,很难阻止自己的心。每当如此,贪爱食物的疾病就会产生。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 24
“ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (4)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第二十四集
“神奇的文明时代(四)”
梦中梦幼稚园编辑
โรคประเภทที่สาม ซึ่งถือเป็นโรคชนิดสุดท้ายที่จะมาเบียดเบียนผู้คนที่เกิดในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ นั่นก็คือ…โรคชรา ซึ่งโรคชนิดนี้ถือเป็นโรคประจำขันธ์ของมนุษย์ทุกคนเช่นเดียวกับโรคหิวอาหาร ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดมายุคใดสมัยใด มนุษย์ก็ต้องเป็นโรคนี้ด้วยกันทุกคน ถึงแม้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ในยุคนั้นจะยืนยาวถึงแปดหมื่นปี แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าทุกคนจะหลีกเลี่ยงโรคชราลงไปได้ ซึ่งโรคชราในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้น ไม่ได้หมายถึงวัยชรา หรือโรคที่ทำให้คนกลายเป็นคนแก่แล้วก็ตาย อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะในยุคนั้น คนแก่จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่เพียงคนเดียว
第三种类型的疾病,也是最后一种侵害生于弥勒佛时代人类之疾病,那就是:衰老症。这种病症跟饥饿的病症一样,也是普遍存在于每个人类的身上。因此,无论生在哪个时代或哪个时期,人类都会拥有这个症状。即使那个时代的人类的平均寿命长达八万年,最后每个人都还是无法避免衰老。弥勒佛时代的衰老症,意思不是大家所理解的年老或者使人年老后便死亡的疾病。因为在那个时代,无法从外表上分辨出人的衰老,即便一点也都看不出来。
เพราะฉะนั้น เมื่อวันเวลาแห่งวัยได้ล่วงเลยผ่านไปจนมาถึงช่วงเบื้องปลายของชีวิต สังขารร่างกายของมนุษย์ในยุคนั้นก็จะเริ่มอ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ เช่น จากที่เคยมีเรี่ยวแรงหรือมีกำลังมาก ก็จะเริ่มมีกำลังลดน้อยถอยลงไป เป็นต้น ถึงแม้คนที่เข้าสู่วัยชราจะมีกำลังหรือเรี่ยวแรงที่ลดน้อยถอยลงไปก็ตาม แต่ถึงกระนั้น สภาพร่างกายภายนอกกลับดูไม่มีความแตกต่างจากคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวเลย พูดง่ายๆว่า…คนในยุคนั้นจะมีลักษณะคล้ายๆกับชาวสวรรค์ กล่าวคือ…เวลาที่เทวดาองค์ไหนใกล้จะหมดบุญหรือใกล้จะจุติ สภาพร่างกายก็ยังคงดูเป็นปกติไม่ได้เหี่ยวย่นแต่อย่างใด ถ้าจะมีอาการให้เห็นก็แค่รัศมีกายเศร้าหมอง หรือเหงื่อออกตามรักแร้ เป็นต้น
但是随着时间的流逝,当那个时代中的人到了生命的尽头时,他们身体的各个部位便开始慢慢的衰弱退化。例如从前的强壮有力,开始逐渐的衰退等等。即便晚年的人体力和力量开始慢慢的减弱,但是他们身体的外表还是和年轻时没有任何的区别。简单的说就是:那个时代的人之特征与天人非常相似,当哪位天人的功德即将用完或将要往生,他们的身体状态看起来还是和平常一样,没有任何萎缩的迹象,只有从身体散发光芒的强弱或者腋下出汗的症状来区分。
พอถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนภพภูมิหรือถึงเวลาจุติ กายที่เป็นทิพย์ก็จะแวบหายไปในทันที ซึ่งช่วงบั้นปลายชีวิตของมนุษย์ในยุคนั้นก็จะมีลักษณะคล้ายๆแบบนี้
当转世或往生后,天人的身躯便会立即消失不见。而弥勒佛那个时代的人类,在生命晚年也跟这个特征相似。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 25
“ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์(5)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第二十五集
“神奇的文明时代(五)”
梦中梦幼稚园编辑
ความอัศจรรย์ลำดับที่ 3.ได้แก่ เรื่องชีวิตการครองเรือน
神奇的第三项特征为:婚姻生活
สำหรับชีวิตการครองเรือนของคนในยุคนั้น ผู้หญิงที่มีอายุเข้าสู่ปีที่ห้าร้อย จะเริ่มคิดถึงการมีครอบครัวและเข้าสู่วัยแห่งการแต่งงาน ซึ่งการมีครอบครัวของคนในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงล้วนสำรวมในกามด้วยกันทุกคน
那个时代人们的婚姻生活是:当女孩子到了五百岁时,便开始结婚并组建家庭了。对于那个时代里有了家庭的人,不管是男人还是女人,每个人在情欲方面都会懂得去节制。
เพราะทุกๆคนและทุกๆคู่ จะยินดีในการมีคู่ครองเพียงคนเดียวและจะไม่มีการนอกใจกัน เพราะมนุษย์ทั้งผู้ชายและผู้หญิงในยุคนั้น จะไม่มีความมักมากในกาม เรื่องราวประเภทหลงรักคนมีเจ้าของ หรือประเภทแอบรักแฟนชาวบ้าน ที่มีให้เห็นเกลื่อนกลาดในยุคปัจจุบัน จะไม่มีปรากฏในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์เลยแม้แต่น้อย ดังนั้น ผู้ชายเจ้าชู้ หรือผู้หญิงเจ้าชู้ คงหมดโอกาสที่จะไปเกิดร่วมยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้
他们不论个人和双方都非常乐意只拥有一位配偶,也不会对对方不忠。因为那个时代的男人和女人不会贪婪于情欲,也不会去喜欢已经有了配偶或已经有男女朋友的人。在当今年代中发生的很多那些贪婪于情欲的事,在弥勒佛时代都将不会再出现。因此,花心的男人或者花心的女人,将不会有机会转世到弥勒佛的那个时代。
นอกจากนั้น ทุกครอบครัวที่เกิดขึ้นในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ ล้วนเป็นครอบครัวที่อบอุ่นแทบทั้งสิ้น ประเภทครอบครัวอบอ้าว หรือประเภทครอบครัวที่มีการทะเลาะเบาะแว้งทุบตีกัน อย่างหลายๆครอบครัวในยุคปัจจุบัน จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลย เพราะแต่ละครอบครัวล้วนมีปิยวาจา คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ หรือด่าว่ากัน จะไม่มีปรากฏให้เห็น ดังนั้น ทุกครอบครัวจึงไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีการทำร้ายตบตีกัน
除此之外,组建于佛陀时代的每个家庭都非常温馨。像当今时代的那些生活的乏味或者互相争吵殴打,都不会出现在那个时代中。因为每个家庭都会使用悦语,那些使人心情变坏或者相互责骂的言语,则不会出现在那个时代。因此,那个时代的每个家庭都不会出现争吵责骂,或相互伤害的现象。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 26
“ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (6)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第二十六集
“神奇的文明时代(六)”
梦中梦幼稚园编辑
อีกทั้งที่สำคัญ บรรดาเพศที่สาม ชายไม่จริงหญิงไม่แท้ หรือชายที่อยากเป็นหญิง หรือหญิงที่อยากเป็นชาย หรือชายที่รักชาย หรือหญิงที่รักหญิง จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่คนเดียว เพราะในยุคนั้นจะมีแต่ผู้ที่เป็นชายจริงและหญิงแท้ และยังมีบุญมากๆ ลงมาเกิดกันทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ชายหรือผู้หญิงประเภทไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงหมดสิทธิที่จะลงมาเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ และไม่ใช่มีเพียงแต่คนเท่านั้น สัตว์ประเภทกลายเพศกลายพันธุ์ รวมถึงสิ่งของต่างๆที่ทำให้จิตใจของมนุษย์ เกิดอาการวิปริตผิดมนุษย์ หรือทำให้หมกมุ่นในกาม ก็จะไม่มีเกิดขึ้นในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์อีกด้วย
重要的是,第三种性别的人,也就是那些不男不女的人,或者男的想成为女的,女的想成为男的人,再或者那些男的喜欢男的,女的喜欢女的同性恋者,在那个时代都不会出现,哪怕一个也不会有。因为在那个时代出生的,都是那些拥有很多功德的真正男人或女人。因此,不是百分之百的男人或女人,将不会转世去跟弥勒佛同处在一个时代中。不单单只是人类,连能够繁殖后代的动物,或者会让人类的心产生异常或沉迷于情欲的各种事物,都将不会产生出现在弥勒佛的时代中。
ความอัศจรรย์ลำดับที่ 4.ได้แก่ เรื่องอาชญากรรม
神奇的第四项特征为:关于罪恶
สังคมในยุคนั้น จะเป็นสังคมที่มีแต่คนดีล้วนๆ เพราะทุกๆพื้นที่บนโลก จะไม่มีคนพาล ไม่มีคนชั่ว ไม่มีโจรผู้ร้ายที่คอยปล้นฆ่าผู้คน ไม่มีพวกมิจฉาชีพที่คอยจ้องฉกชิงวิ่งราวหรือคอยคดโกงหลอกลวงต้มตุ๋นทรัพย์ของผู้อื่นเลยสักคนเดียว
那个时代的社会,将是一个都是好人的社会。每个角落,都将没有卑劣之人,没有邪恶之人,没有抢劫杀人的强盗,也没有不正当职业的恶人或者那些贪污舞弊,欺骗敲诈之人,这些人一个也不会有。
แม้ในยามวิกาล ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับพักผ่อน บ้านเรือนในยุคนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดประตูหน้าต่างเพื่อกันขโมยแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ ในยุคสมัยของพระศรีอริยเมตไตรย์ จึงไม่มีเรื่องราวที่เป็นข่าวเด่นประเด็นร้อน หรือเรื่องราวที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ อย่างเช่นในยุคปัจจุบัน
即便是在夜晚,人们要进入梦乡之时,都不用为了预防小偷而关闭房子的大门。也因为如此,在弥勒佛的时代将不会有如今时代的各种热点新闻报道,或者那些让人不开心的事情产生。
สาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะผู้คนในยุคนั้น ล้วนหมั่นขวนขวายทำแต่กุศลกรรมเพียงอย่างเดียว จะไม่มีการเบียดเบียนหรือแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน และปราศจากการเข่นฆ่ากันโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ภาษิตในยุคปัจจุบันที่ว่า “จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน” ก็จะหมดความหมายในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์
这是因为在那个时代的人们只会一直全心全意的去做善行,相互间不会有侵扰,不会有竞争,更完全不会有残杀。因此当今时代的一句格言“我们要尽力做好,但不要锋芒毕露,因为没有人想看到我们如此的耀眼”。将会在弥勒佛的那个时代失去意义。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 27
“ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (7)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第二十七集
“神奇的文明时代(七)”
梦中梦幼稚园编辑
ความอัศจรรย์ลำดับที่ 5.ได้แก่ เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศและสิ่งแวดล้อม
神奇的第五项特征为:地势气候与环境
โลกในยุคนั้น บริเวณพื้นที่ราบจะมีลักษณะราบเรียบสม่ำเสมอกันเป็นหน้ากลอง ในทุกๆพื้นที่ พูดได้เลยว่า…ไม่มีพื้นที่ใดในโลกที่จะมีลักษณะขรุขระ หรือเป็นหลุมเป็นบ่อ เหมือนอย่างโลกในยุคปัจจุบัน
那个时代的世界,地面非常的平坦光滑,不会有像当今时代的地面那样崎岖不平,坑坑洼洼。
ส่วนสภาพภูมิอากาศในยุคนั้น จะไม่มีช่วงที่อากาศหนาวเกินไปหรือร้อนเกินไป จะมีอยู่เพียงฤดูเดียวเท่านั้น คือ ฤดูสบาย ตลอดทั้งปี ภูมิอากาศประเภท…อากาศวิปริต ฝนตกในช่วงหน้าร้อน หรืออากาศร้อนในช่วงหน้าหนาว ภาวะโลกร้อน หรือมหันตภัยทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม อย่างในยุคปัจจุบัน จะไม่มีให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
那个时代的天气将不会过于寒冷或者过于炎热,一整年都只有非常舒适的一个季节,天气根据气候而变幻,夏日有凉雨,冬日有骄阳。如当今时代的全球变暖或者自然灾害,例如地震、水灾等,在那个时代将再不会出现。
อีกทั้งในยุคนั้น ฝนจะตกทั่วถึงกันในทุกพื้นที่ คือ จะตกทุกสิบห้าวัน และจะตกในช่วงเวลาใกล้รุ่ง ดังนั้น วิกฤตการณ์ภัยแล้ง หรือคำพูดที่ว่า “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” จะไม่มีปรากฏให้เห็นในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์
每到第十五天的黎明时分,雨水就会均匀的降到每片土地上。因此,干旱的现象也不会在弥勒佛时代出现。
ส่วนสภาพของห้วย หนอง คลอง บึง ในยุคนั้น จะมีน้ำเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่มีวันพร่องหรือล้นท่วมให้ผู้คนต้องเดือดร้อนอย่างในยุคของเรา ส่วนบริเวณริมฝั่งน้ำก็จะเต็มไปด้วยหาดทรายสีขาวที่แลดูระยิบระยับ สวยงามสะอาดตา
那时的小溪、沼泽、河流、湖泊的水量都会刚好,不会像当今时代那样断流干枯或者洪水泛滥,让人们处于旱灾或者水灾之中。水岸边都会有白色的沙滩,看上去闪闪发光,非常的美丽。
นอกจากนั้น น้ำจากแหล่งต่างๆก็จะมีความใส เย็น สะอาดบริสุทธิ์ และมีรสหวาน สามารถดื่มกินได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านเครื่องกรองหรือเครื่องต้มเพื่อฆ่าเชื้อให้ยุ่งยากเหมือนในยุคปัจจุบัน
除此之外,各个地方的水源都非常的清澈、凉爽、纯净和甘甜,可以取来就直接饮用,不用像当今时代那样麻烦的使用过滤器或者锅炉来消毒。
ดังนั้น ประเพณีการแห่นางแมวขอฝน หรือพิธีเซ่นสรวงเจ้าพ่อเจ้าแม่เพื่อขอให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล อย่างเช่นในยุคปัจจุบัน ก็จะหมดความจำเป็นไปเลย เพราะในยุคนั้น ทุกพื้นที่จะมีแต่ความชุ่มชื่นและมีความอุดมสมบูรณ์พอๆกัน ต้นไม้ใบหญ้าต่างเขียวขจีแลดูงดงามไปทั่วทุกพื้นที่ ดอกไม้นานาพรรณต่างก็จะผลิดอกออกช่อส่งกลิ่นหอมรวยระรื่นชื่นใจไปตลอดทั้งปี
因此像在当今时代中的抬雌毛游行祈雨习俗,或者祭祀神灵以求按季节降雨的仪式,在那时将不再需要出现。那时的每一片土地都非常湿润、肥沃,处处长满了青草绿树,一整年都有各式各样的花朵盛开,并且清香怡人,让人心情舒畅。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 28
“ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (8)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第二十八集
“神奇的文明时代(八)”
梦中梦幼稚园编辑
ส่วนเรื่องการคมนาคมทางน้ำในยุคนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เพราะแม่น้ำแต่ละสายจะถูกแบ่งด้วยกระแสน้ำออกเป็นสองช่องทางตามธรรมชาติ กล่าวคือ แม่น้ำแต่ละสายจะมีช่องทางของกระแสน้ำขึ้นกับช่องทางของกระแสน้ำลง อยู่ในสายเดียวกัน
而那时的水上运输,可以算是一件非常值得称奇的事情。因为每条河流会自然的划分出两条河道,也就是说,每一条河流会自然的划分出一边往上流,一边往下流。
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นผลทำให้การเดินทางสัญจรทางน้ำในยุคนั้น ไม่มีความลำบากแต่อย่างใดเลย ดังนั้น การถ่อหรือการพายเรือให้เหนื่อยแรงจึงไม่มีความจำเป็น เพราะเรือจะแล่นไปเองตามช่องทางของกระแสน้ำที่ตนเลือก ใครอยากให้เรือของตนแล่นไปทิศทางไหนก็เลือกได้ตามชอบใจ
这使得那个时代的水上交通运输非常的便捷,都没有必要浪费力气去撑杆或者划桨,因为船会随着坐船的人之选择,自己顺流而行,想去哪里,都可以随意的选择路线。
ความอัศจรรย์ลำดับที่ 6.ได้แก่ เรื่องพืชพันธุ์ธัญญาหาร
神奇的第六项特征为:谷物种植
โลกในยุคนั้น ต้นไม้จะออกดอกออกผลและสุกงอมตลอดทุกฤดูกาล ข้าวกล้าเพียงเมล็ดเดียว หากตกลงบนพื้นดินก็จะสามารถเจริญงอกงามขึ้นเป็นต้น เป็นหน่อ เป็นกอใหญ่ๆ ที่ขยายตัวและออกดอกออกผลเป็นจำนวนมาก
那个时代的世界,果树在每个季节都会开花结果。只需要一粒稻谷种子,种到地里,它便可以生根发芽,长成禾苗,之后便茁壮的成长为一簇开满花结满谷子的稻谷。
พูดง่ายๆว่า…ไม่ต้องพึ่งปุ๋ยหรือสารเคมี เพื่อเร่งดอกเร่งผลกันเลยทีเดียว ดังนั้น ภาวะของการขาดแคลนอาหารอย่างเช่นในยุคปัจจุบันจะไม่ปรากฏให้เห็นในยุคนั้น ถ้าจะมี…ก็มีแต่ภาวะเหลือกินเหลือใช้เหลือไว้สร้างบารมีเท่านั้น
那时不用为了加快开花结果而施肥或者喷洒农药。如当今时代中粮食短缺的现象,将不会在那个时代出现。有的只是丰衣足食,并还有盈余拿去修波罗蜜。
ความอัศจรรย์ทั้งหกประการที่บังเกิดขึ้นเป็นอย่างน้อย ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้น ล้วนเป็นความอัศจรรย์ที่ยากต่อการจินตนาการของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน แต่ด้วยบุญของมนุษย์ในยุคนั้นมีกำลังมาก เพราะแต่ละคนล้วนเคยผ่านการสั่งสมบุญสร้างบารมี และเคยอธิษฐานจิตขอติดตามพระศรีอริยเมตไตรย์ มาเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระองค์มาก่อน สิ่งอัศจรรย์ทั้งหกรวมถึงบุคคลอัศจรรย์ที่โลกและจักรวาลรอคอย จึงได้บังเกิดขึ้น
当故事讲到这时,我们可以发现,在弥勒佛时代产生的这六项神奇的事情,都是当今时代的人类很难想象的。这是由于那个时代人类功德的威德力很大,因为每个人都曾经积累功德和修过波罗蜜,而且还曾发愿,能够跟随弥勒佛出生在同一个时代。因此才会产生这六项神奇的事情、那个时代的世界和世界中神奇之人。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 40
“ การสร้างบารมีของพระศรีอริยเมตไตรย์ ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第四十集
“弥勒佛修波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
สำหรับบุพกรรมที่ทำให้ยุคสมัยของพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า มีความบริบูรณ์เพียบพร้อมในทุกๆเรื่อง ทั้งนี้ก็เพราะบารมี 30-ทัศที่พระองค์ทรงสั่งสมมาอย่างเต็มที่เต็มกำลัง และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน โดยทำมาอย่างตลอดต่อเนื่องและยาวนานกว่า 80-อสงไขยกับอีกแสนมหากัปนั่นเอง
弥勒佛时代各个方面的事情都圆满齐全,是因为弥勒佛全心全力的修习圆满了三十项波罗蜜,而且还以生命作为赌注,如此一直勤修波罗蜜长达八十阿僧祗又十万大劫。
นอกเหนือจากบารมี 30-ทัศแล้ว ยังมีบุญพิเศษที่ทำให้เกิดสิ่งพิเศษอีกหลายประการ ซึ่งสามารถสรุปเป็นหัวข้อคร่าวๆได้ 9 ประการ ดังต่อไปนี้
除了勤修三十项波罗蜜之外,弥勒佛的多种特殊功德还让那个时代产生了许多特殊的现象,总结出来一共有九项,分别为:
สิ่งพิเศษประการที่ 1.โลกในยุคนั้นจะไม่มีคนบ้าใบ้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ที่มีวาจาสุภาษิต ไม่เคยพูดปดมดเท็จหรือหลอกลวงผู้อื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80-อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
第一项特殊的现象:在那个时代将没有疯癫和哑巴。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他是一位在言行方面非常严谨和有礼貌之人。不曾说谎,也不曾欺骗他人,即便一次也没有。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
ส่วนใครที่มีวิบากกรรมประเภทนี้ กล่าวคือ ชอบพูดจาโกหกมดเท็จ หรือชอบหลอกลวงผู้อื่น ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ อย่างแน่นอน
而如果谁在平常造下相反的业力,也就是说谎,或者欺骗他人,那么这种人就必定无法转世到弥勒佛时代中。
สิ่งพิเศษประการที่ 2.โลกในยุคนั้นจะไม่มีคนตาบอด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงมีปกติมองสมณะผู้มีศีลด้วยความเคารพรัก และเทิดทูนบูชาอย่างสูงสุด
第二项特殊的现象:在那个时代将没有盲人。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他对出家人非常的尊敬。
อีกทั้ง พระองค์ยังทรงมองยาจกวณิพกทั้งหลาย ด้วยนัยน์ตาและหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตาอยู่ตลอดเวลา โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80-อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
而且,大菩萨还一直以慈悲与关爱来对待穷苦之人。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 41
“ การสร้างบารมีของพระศรีอริยเมตไตรย์ (2)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第四十一集
“ 弥勒佛修波罗蜜(二)”
梦中梦幼稚园编辑
ส่วนใครที่มีปกติตรงกันข้ามจากนี้ กล่าวคือ…มีปกติไม่มองสมณะผู้มีศีลด้วยความเคารพ เป็นต้น ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์อย่างแน่นอน
而如果谁在平常造下相反的业力,也就是平常不尊敬出家人等等,那么这种人就必定无法转世到弥勒佛时代中。
สิ่งพิเศษประการที่ 3.โลกในยุคนั้น จะไม่มีคนง่อยเปลี้ย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ที่มีความซื่อตรง เลี้ยงชีพโดยสุจริต และไม่เคยคิดคดโกงผู้อื่น โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
第三项特殊的现象:在那个时代将没有残废的人。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他是一位正直的人,一直以正当的手段谋生,不曾想过要诈骗他人。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
ส่วนใครที่มีปกติชอบคิดคดหรือขี้โกง ชอบทุจริตคิดไม่ซื่อ หรือเป็นคนประเภทคดในข้องอในกระดูก เป็นต้น ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ อย่างแน่นอน
而如果谁在平常喜欢耍滑头或者欺骗,贪污而不诚实,再或者是奸诈之人等等,那么这种人就必定无法转世到弥勒佛时代中。
สิ่งพิเศษประการที่ 4.โลกในยุคนั้นจะไม่มีคนเจ็บไข้ได้ป่วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงเคยถวายยารักษาโรคแก่บรรพชิตหรือคฤหัสถ์ที่เจ็บป่วยไข้ เป็นทานอยู่เนืองนิตย์ โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
第四项特殊的现象:在那个时代将没有生病的人。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他时常向生病的出家人或者在家人供养药物。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
ส่วนใครที่ไม่เคยสั่งสมบุญด้วยการถวายยารักษาโรคแก่บรรพชิตหรือคฤหัสถ์ที่เจ็บป่วยไข้ เป็นทานเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ อย่างแน่นอน
而如果谁在平常不曾向生病的出家人,或者在家人供养药物的,哪怕一次也没有过,那么这种人就必定无法转世到弥勒佛同时代中。
สิ่งพิเศษประการที่ 5.โลกในยุคนั้นจะไม่มีการขู่อาฆาตมาดร้ายระหว่างกันและกัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ไม่เคยขู่อาฆาตมาดร้ายใคร และไม่เคยทำให้ใครต้องหวาดกลัวหรือสะดุ้งตกใจเลยแม้แต่สักคนเดียว โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
第五项特殊的现象:在那个时代将没有怀恨结仇的人。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他不曾与他人怀恨结仇,也不曾让他人畏惧与受到惊吓,即便一次也不会有。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
ส่วนใครที่มีวิบากกรรมชอบขู่อาฆาตมาดร้ายผู้อื่น และชอบทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวหรือสะดุ้งตกใจ ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ อย่างแน่นอน
而如果谁平常喜欢与他人结仇,或者使他人畏惧与惊吓,那么这种人就必定无法转世到弥勒佛同时代中。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 42
“การสร้างบารมีของพระศรีอริยเมตไตรย์ (3)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第四十二集
“ 弥勒佛修波罗蜜(三)”
梦中梦幼稚园编辑
สิ่งพิเศษประการที่ 6.โลกในยุคนั้น จะมีแต่ผู้คนที่มีรูปร่างสมส่วนงดงาม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงสละสิ่งของที่พระองค์รักเป็นทานให้แก่สมณพราหมณ์หรือยาจกวณิพกอยู่เสมอ โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
第六项特殊的现象:在那个时代将只有身材匀称美丽的人。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他总是喜欢舍弃自己心爱的物品,来供养给出家人或者贫苦之人。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
ส่วนใครที่เป็นคนตระหนี่ และไม่เคยสละสิ่งของที่ตนเองรักให้แก่สมณพราหมณ์หรือยาจกวณิพกเลย แม้สักครั้งเดียว ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ อย่างแน่นอน
而如果谁平常吝啬,从来也没有舍弃过自己的心爱物品,来供养给出家人或者贫苦之人,哪怕一次也没有。那么这种人就必定无法转世到弥勒时代中。
สิ่งพิเศษประการที่ 7.โลกในยุคนั้น ผู้คนจะมีความสะดวกสบายในการเดินทาง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงเคยสละช้าง สละม้า สละราชรถ หรือสละสิ่งที่ใช้เป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทางเป็นทาน โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
第七项特殊的现象:那个时代的人们在出行方面将非常的便利。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他曾经以大象、骏马和各种交通工具来为人提供出行,而修布施。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
ส่วนใครที่ไม่เคยสละยวดยานพาหนะ ไม่เคยสละช้าง ไม่เคยสละม้า ไม่เคยสละราชรถ หรือไม่เคยสละสิ่งที่ใช้เป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทางเป็นทานให้แก่ผู้อื่นเลย ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ อย่างแน่นอน
而如果谁平常不曾提供大象、骏马和各种交通工具来给他人出行提供便利。那么这种人就必定无法转世到弥勒佛时代中。
สิ่งพิเศษประการที่ 8.โลกในยุคนั้น แผ่นดินจะราบเรียบสม่ำเสมอไม่ขรุขระ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยทั่วถึง และทรงทำอย่างสม่ำเสมอ โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
第八项特殊的现象:在那个时代的地面将非常的平坦,而不会崎岖不平。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他对所有众生都非常的慈悲。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
ส่วนใครที่ขาดความเมตตา ไม่เคยแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายเลยแม้สักครั้งเดียว ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ อย่างแน่นอน
而如果谁平常缺少慈悲心,没有慈悲的对待众生,哪怕一次慈悲都没有。那么这种人就必定无法转世到弥勒佛同时代中。
สิ่งพิเศษประการที่ 9.โลกในยุคนั้น มนุษย์จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย และมีความสมบูรณ์พรั่งพร้อมไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในอดีตชาติที่พระพุทธองค์ทรงบังเกิดเป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงให้ทานด้วยทรัพย์และสิ่งของเงินทองตามที่ชนทั้งหลายปรารถนาโดยทั่วถึงกัน โดยที่พระองค์จะทรงทำเช่นนี้ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีกว่า 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
第九项特殊的现象:在那个时代人们的生活状况将非常的舒适幸福,各方面的物质非常齐全,应有尽有。因为在前世,弥勒佛曾经生为大菩萨时,他经常布施财富,如百姓所愿的去布施金钱。他一直如此的来修波罗蜜,长达八十阿僧祗又十万大劫。
ส่วนใครที่ไม่เคยบริจาคทานด้วยทรัพย์สมบัติ และสิ่งของที่คนอื่นปรารถนาเลยแม้สักครั้งเดียว ผู้นั้นก็จะไม่มีสิทธิ์มาบังเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระศรีอริยเมตไตรย์ อย่างแน่นอน
而如果谁平常没有如他人所愿的布施财富和物品,哪怕一次都没有。那么这种人就必定无法转世到弥勒佛同时代中。
弥勒佛
“大迦叶长老的身体之瓦解”
ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ยังมีเหตุการณ์ที่สำคัญๆ และน่าสนใจอยู่อีกเหตุการณ์หนึ่ง นั่นก็คือ…ในคราวที่พระศรีอริยเมตไตรย์พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ได้เสด็จเดินทางผ่านมาที่ภูเขาลูกหนึ่ง ที่มีชื่อว่า “กุกกุฏสัมปาตะ”
除了以上所讲到的九项特殊现象之外,在弥勒佛时代还有一件极其重要且有趣的事情。那便是当弥勒佛和大僧团路过一座名为กุกกุฏสัมปาตะ古孤三跋达山的山峰之时。
ทันใดนั้นเอง ภูเขากุกกุฏสัมปาตะก็จะแยกออกจากกัน แล้วเผยให้เห็นร่างของพระมหากัสสปเถระ ซึ่งท่านเป็นผู้เลิศทางด้านการอยู่ธุดงค์เป็นวัตร ในสมัยพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
突然那座名为กุกกุฏสัมปาตะ古孤三跋达山的山峰便裂成两半,之后看见大迦叶长老坐在裂开的山峰中间。他是一位于释迦牟尼佛时代,在修头陀方面非常卓越的长老。
หลังจากนั้น พระศรีอริยเมตไตรย์จะทรงยื่นพระหัตถ์ขวาช้อนเอาร่างของพระมหากัสสปะ ขึ้นมาไว้บนฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์
之后,弥勒佛伸出右手来将大迦叶长老放在自己的手心里。
เมื่อร่างของพระมหากัสสปะอยู่บนฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์แล้ว พระศรีอริยเมตไตรย์ก็จะทรงประกาศสรรเสริญคุณธรรมของพระมหากัสสปะ ท่ามกลางเหล่าภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
当大迦叶长老的身体在弥勒佛的手心上之后,弥勒佛便在僧团中赞美了大迦叶长老的德行。
หลังจากนั้น ไฟอัศจรรย์ที่มีความบริสุทธิ์และไร้ซึ่งเถ้าธุลี ก็จะพลันบังเกิดขึ้นแล้วลุกไหม้ไปตามร่างกายของพระมหากัสสปะ จนกระทั่งร่างของท่านสลายหายไปบนฝ่าพระหัตถ์ของพระพุทธองค์
之后,一团纯净无灰尘的神奇火焰,便迅速在大迦叶长老的全身燃烧和蔓延起来。最后大迦叶长老的身体便在弥勒佛的手掌中慢慢的消失了。
มาถึงตรงนี้ ทุกๆคนอาจจะสงสัยกันว่า พระศรีอริยเมตไตรย์สามารถช้อนร่างของพระมหากัสสปะไว้บนฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์ได้อย่างไร ถ้าทุกคนยังจำกันได้ ในตอนที่กล่าวถึงพระสรีระของพระศรีอริยเมตไตรย์ เราจะเห็นว่าพระพุทธองค์ทรงมีพระสรีระที่สูงถึง 88-ศอก หรือ 44-เมตร ซึ่งสูงกว่ามนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก
讲到这里,很多人都会好奇道:“弥勒佛怎么可以将大迦叶长老的身体,放在自己手掌中的呢?”如果大家还记得之前讲到的关于弥勒佛身材的内容,那么我们可以知道弥勒佛的身高达88索(约合44米),比现代人类的身高要高出很多。
ดังนั้น ฝ่าพระหัตถ์ของพระพุทธองค์จึงมีขนาดที่ใหญ่ตามสัดส่วนของพระสรีระด้วยเช่นกัน
因此,按照身材的比例来看,弥勒佛手的尺寸也就非常的大了。
ส่วนพระมหากัสสปะนั้น ท่านมาบังเกิดในยุคที่มนุษย์มีอายุเพียง 100-ปี ถ้าเทียบรูปร่างของท่านกับมนุษย์ในสมัยปัจจุบันนี้ ท่านจะมีความสูงประมาณฝรั่งร่างใหญ่ๆ
而大迦叶长老,他是转世在人类寿龄只有100年的时代中,如果拿他的身材与当今时代的人类的身材相对比,那么他的身高大约和高大的西方人一般高。
เพราะฉะนั้น เมื่อเทียบโดยสัดส่วนของพระศรีอริยเมตไตรย์กับพระมหากัสสปะเช่นนี้แล้ว การที่พระพุทธองค์ทรงช้อนร่างของพระมหากัสสปเถระไว้บนฝ่าพระหัตถ์ได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
把弥勒佛的身材与大迦叶长老身材做出对比之后,那么,弥勒佛将大迦叶长老放在自己的手掌中的这件事,就不会有什么稀奇的了。
ส่วนสาเหตุที่ทำให้พระศรีอริยเมตไตรย์ ต้องมาสลายร่างพระมหากัสสปะด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้เป็นเพราะพระพุทธองค์และพระมหากัสสปเถระ ได้มีบุพกรรมที่เคยกระทำร่วมกันมาก่อนในอดีต เรื่องก็มีอยู่ว่า…ในสมัยที่พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า เสวยพระชาติเป็น “พระเจ้าสัตตุตาปราชา”-พระองค์ทรงเป็นพระราชาที่โปรดปรานช้างเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทรงชอบสะสมช้างที่มีลักษณะดีเอาไว้อีกด้วย
弥勒佛要来瓦解大迦叶长老的身体,是因为在前世中,弥勒佛和大迦叶长老曾经的业力所致。在释迦摩尼佛转世成为沙堵达巴国王时代,他是一位非常喜欢大象的国王,同时还非常喜欢收集饲养一些有美好特征的大象。
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าสัตตุตาปราชาได้ทรงทราบข่าวว่า…มีคนพบเจอช้างเผือกที่มีลักษณะดีอยู่ในป่า เมื่อพระเจ้าสัตตุตาปะได้ทรงสดับเรื่องราวและลักษณะของช้างเผือกตัวประเสริฐนั้นแล้ว พระเจ้าสัตตุตาปะทรงรู้สึกดีพระทัยเป็นยิ่งนัก ดังนั้น พระองค์จึงไม่รอช้ารีบเสด็จออกจากปราสาทเพื่อไปจับช้างตัวนั้นมาทันที
有一天,沙堵达巴国王得到消息说,有人在森林中看见过一只具有美好特征的白象。当沙堵达巴国王听到有如此特征的白象后,他感到异常的兴奋和喜悦,之后他便迫不及待的离开宫殿,想去将那只白象捉回来。
ครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะทรงจับช้างเผือกตัวนั้นมาได้แล้ว พระองค์ก็ทรงรับสั่งให้นายหัตถาจารย์เป็นผู้ดูแลและฝึกช้างเผือกตัวนั้น เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงนำช้างเผือกตัวนี้มาเป็นช้างมงคลพระที่นั่งในงานมหรสพที่จะมีขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
在沙堵达巴国王将那只白象捉来之后,就吩咐饲养员细心的照料和训练白象。好在七天之后举行的游行活动中,作为自己的吉祥的坐骑。
เมื่อถึงกำหนดวันงานมหรสพ พระเจ้าสัตตุตาปะก็ทรงประทับช้างมงคลพระที่นั่ง (ซึ่งก็คือช้างเผือกที่พระองค์ทรงจับมา)-ออกว่าราชการ และเสด็จเที่ยวรอบเมืองเป็นที่สำราญพระราชหฤทัยยิ่งนัก จากนั้น พระองค์ก็ทรงเสด็จเลียบเลาะไปตามหนทาง เพื่อเข้าสู่เขตพระราชอุทยานอันงดงามและร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด
到了游行活动的当天,沙堵达巴国王便骑上那只吉祥的白象走出皇宫,准备在城中举行盛大的游行。沙堵达巴国王为了能够在充满绿荫的道路上行走到美丽的皇家园林,便沿着计划好的路线前行。
ด้วยความที่ค่ำคืนที่ผ่านมานั้น ได้มีช้างป่าโขลงใหญ่พากันบุกตะลุยเข้ามาหาอาหารภายในเขตพระราชอุทยาน จนส่งผลทำให้ต้นไม้ภายในเขตพระราชอุทยานจำนวนหลายต้นเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ซ้ำช้างป่าบางตัวยังถ่ายมูลทิ้งไว้เกลื่อนกลาดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด
而黄昏时分,有一群大野象突然闯进皇家园林中寻找食物,园林中的很多树木都被折断,有些野象还四处排便,使得园林非常的肮脏。
ครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะทรงช้างมงคลพระที่นั่ง ผ่านเข้ามาภายในเขตพระราชอุทยานแล้ว ทันใดนั้นเอง ช้างมงคลพระที่นั่งก็พลันได้กลิ่นมูตรและคูถของนางช้างพังตัวเมียซึ่งยังสดใหม่
于是当沙堵达巴国王骑着那只吉祥的白象进入到皇家园林时,吉祥白象突然闻到了一股母象新鲜的屎味和尿味。
ซึ่งกลิ่นสาบสางอ่อนๆของนางช้างตัวเมียนั้น ถือว่า…มีอำนาจเหลือคณาราวกับพายุที่โหมกระพือให้ไฟแห่งกามราคะ เผาผลาญดวงใจของช้างมงคลพระที่นั่ง ให้เกิดความกระสันซ่านทรวงและบีบเค้นบังคับให้ช้างมงคลพระที่นั่งถึงกับต้องหยุดเยื้องย่าง แล้วหันมาสูดหาแต่กลิ่นของนางช้างพังตัวนั้น
那只母象的味道,有如一道强烈的闪电,进入并燃烧着吉祥白象的心扉,想念之情占满了白象的整颗心,使得它立即停止了前行,转头去追寻那只母象的味道。
เมื่ออำนาจแห่งกามราคะท่วมท้นจนสุดที่จะระงับไว้ได้ จึงทำให้ช้างมงคลพระที่นั่งเกิดอาการคลุ้มคลั่งหรือพูดภาษาบ้านๆว่า “ตกมัน” (หรืออาการที่ช้างกำลังมีความต้องการทางเพศอย่างเต็มที่ ถ้าเป็นมนุษย์ก็คือ…อาการปวดกามนั่นเอง)-จากนั้น ช้างมงคลพระที่นั่งก็ได้สะบัดกายจนทำให้นายหัตถาจารย์พลัดตกลงมาจากหลังช้าง เหลือก็แต่เพียงพระเจ้าสัตตุตาปะเท่านั้นที่ยังทรงประทับค้างอยู่บนหลังของมัน
情欲占据了白象的整个心扉,让它狂暴不安(是大象发情时的症状,如果是人就是情欲产生时的症状)。之后,那只吉祥白象便直立起来,将背上的骑士都掀翻在地,背上只剩下了沙堵达巴国王一个人。
แม้ในขณะนั้น พระเจ้าสัตตุตาปะจะทรงตกพระทัยเพียงใด แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงครองพระสติเอาไว้ได้ โดยพระองค์ทรงใช้ขอเกี่ยวเหนี่ยวรั้งมิให้พระองค์ตกจากหลังของช้างมงคลนั้น
即便事发突然,沙堵达巴国王感到非常吃惊,但是他还是能够维持正念,紧紧的拉住缰绳,不让自己从象背上掉下来。
ฝ่ายช้างมงคลพระที่นั่งที่กำลังตกมันอย่างสุดขีด ก็พลันส่งเสียงร้องกึกก้องไปทั่วพระราชอุทยาน พร้อมกันนั้นก็ได้วิ่งถลาทำลายกำแพงของพระราชอุทยาน แล้ววิ่งเตลิดตามกลิ่นของนางช้างตัวเมียเข้าไปในป่าอย่างไม่ลดละ
这时的吉祥白象正处于极端的发情期,它发出的声音响彻了整个皇家园林。白象四处的乱跑,将园林的城墙给撞倒后,头也不回的跟随着那只母象散发出的味道追寻而去。
แม้พระเจ้าสัตตุตาปะจะทรงใช้พระแสงขออันคมกริบ สับลงไปที่หลังของช้างมงคลพระที่นั่งอยู่หลายครั้ง เพื่อหวังบังคับให้ช้างมงคลหยุดวิ่งด้วยพละกำลังของพระองค์ แต่ถึงกระนั้น ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากพระแสงขอ ก็ไม่อาจเอาชนะพลังอำนาจแห่งกามราคะที่กำลังห่อหุ้มดวงจิตของช้างมงคลพระที่นั่งได้เลย เพราะมันยังคงวิ่งตะบึงตามกลิ่นของนางช้างตัวเมียต่อไปโดยไม่สนกับสิ่งใดทั้งสิ้น
沙堵达巴国王为了能让大象停止奔跑,在宝座上用他那锋利的长矛在吉祥白象的背上刺了数次,但即便长矛刺来的疼痛,也无法让白象停止情欲,它就像灵魂已锁住一样,仍然跟随着那只母象散发出的味道追寻而去。
เมื่อพระเจ้าสัตตุตาปะทรงเห็นว่าหมดหนทางที่จะบังคับช้างมงคลพระที่นั่งของพระองค์ได้แล้วพระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยโหนกิ่งมะเดื่อที่ห้อยลงมาแล้วปล่อยให้ช้างนั้นวิ่งเตลิดหายเข้าไปในป่าตามลำพัง ฝ่ายพวกทหารราชองค์รักษ์ครั้นตามรอยช้างมาจนพบพระเจ้าสัตตุตาปราชาแล้วก็ได้ทูลเชิญพระองค์เสด็จกลับสู่พระนครในทันที
沙堵达巴国王看见无法让那只白象冷静下来之后,他便双手捉住树枝,将自己悬挂在大树上,任由那只白象飞奔进了丛林中。这时皇家卫士也紧跟着白象的脚印追寻而来,于是不久就遇见沙堵达巴国王,恭请其返回了宫殿。
ครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะทรงเสด็จกลับถึงพระนครแล้วพระองค์ก็ทรงรับสั่งให้เรียกนายหัตถาจารย์มาคาดโทษในฐานะที่ฝึกช้างพระที่นั่งไม่ดี
沙堵达巴国王回到皇宫之后,命令饲养员来受刑,因为他没有训练好吉祥白象。
แต่นายหัตถาจารย์กลับกราบทูลว่า “ที่ช้างมงคลพระที่นั่งเป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะอำนาจแห่งกามราคะที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายในใจของมันเมื่อไหร่ที่กามราคะของมันสงบลงหรือมันเสร็จสมความต้องการของมันแล้วช้างมงคลพระที่นั่งก็จะกลับมาหาพระองค์ภายในเจ็ดวันอย่างแน่นอนพระเจ้าข้า”
饲养员禀报说:“国王,您所骑坐的那只吉祥白象之所以这样,是因为它的内心正在被情欲所控制,什么时候它的情欲消除了,或者得到它所想要的之后。它便一定会在这七天之内回到您的身边。”
ส่วนช้างมงคลพระที่นั่งนั้นเมื่อได้อยู่ร่วมกับนางช้างพังจนสมความปรารถนาแล้วมันก็กลับมาสู่โรงช้างตามเดิมในวันที่เจ็ดนั้นเองครั้นนายหัตถาจารย์ทราบว่าช้างมงคลพระที่นั่งกลับมาแล้วจึงรีบไปเข้าเฝ้ากราบทูลถวายรายงานพระเจ้าสัตตุตาปะในทันทีเมื่อพระเจ้าสัตตุตาปะได้ทรงทราบเรื่องแล้ว พระองค์ก็ทรงดีพระทัยเป็นยิ่งนักจากนั้นก็รีบเสด็จสู่โรงช้างเพื่อทอดพระเนตรช้างมงคลพระที่นั่งด้วยพระองค์เองครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะทรงทอดพระเนตรเห็นช้างมีอาการสงบนิ่งจึงได้ตรัสถามนายหัตถาจารย์ว่า “เจ้าฝึกช้างได้ถึงเพียงนี้ แต่ทำไมในวันก่อนนั้นแม้เราจะเอาขอที่คมกล้าสับลงที่ตัวช้างสักเท่าไร ก็มิอาจบังคับควบคุมมันได้เล่า”
而当那只吉祥白象,得以如愿的和那只母象在一起之后,便真的在七天后返回了原先的大象园。饲养员看见吉祥白象回来之后,就立即去觐见禀报国王。沙堵达巴国王知道后,十分的喜悦,于是就立即赶到大象园,想亲眼看到那只吉祥白象,国王所看到那只白象,显得异常的平静。于是便问饲养员说:“你为什么能够将这只大象训练的如此安静,但是几天前我用锋利的矛去刺它也无法制服它呢?
นายหัตถาจารย์จึงทูลตอบว่า “ขึ้นชื่อว่ากามราคะซึ่งก็คือความกำหนัดยินดีในกามแล้วไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับคนหรือสัตว์ที่ถูกฝึกมาดีย่อมมีกำลังอันแรงกล้าเกินกว่าคมของพระแสงขอร้อยเท่าพันทวี…
饲养员便回答道:“我认为性欲,是情欲中的一种性冲动。无论是在人类或者接受过训练的动物,都会感觉那种欲望比长矛刺痛来得更加的强烈。
อีกทั้งกามราคะนั้นยังร้อนรุ่มสุมทรวงยิ่งกว่าไฟใดๆ และมีพิษที่ซึมซาบเร็วแรง ร้ายกาจยิ่งกว่าพิษของพญานาคทั้งสี่ตระกูลเป็นไหนๆ เพราะเหตุนี้เองพระองค์จึงมิอาจหยุดยั้งช้างเชือกนี้ด้วยพระแสงขอของพระองค์พระเจ้าข้า”
而且那种性欲,比任何一种火焰都还要炙热的燃烧着内心,同时有毒性强烈的渗透至心中,那种毒性比四只海龙的力量还要凶狠。基于此原因,国王您就无法在那天制服它了。”
เมื่อพระเจ้าสัตตุตาปะได้ฟังนายหัตถาจารย์กล่าวเช่นนั้นพระองค์จึงได้ตรัสถามต่อไปอีกว่า “แล้วทำไม…ช้างเชือกนี้จึงกลับมาหาเจ้าตามเดิมได้เล่า”-นายหัตถาจารย์ก็ทูลว่า “ที่ช้างกลับมาใช่ว่าจะมาโดยความตั้งใจของมันเองแต่มาเพราะอำนาจมนตรามหาโอสถของข้าพระองค์พระเจ้าข้า”
当沙堵达巴国王听到饲养员如此说之后,便接着问道:“那为什么这只白象能够寻找回来这里呢?”饲养员回答说:“它之所以能够回来,并不是它自己想要回来,而是因为我的符咒力量才回来。”
ครั้นนายหัตถาจารย์กล่าวประโยคนี้จบลงพระเจ้าสัตตุตาปะจึงตรัสสั่งให้นายหัตถาจารย์แสดงมนต์ดังกล่าวให้พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรในทันทีที่สิ้นเสียงรับสั่ง นายหัตถาจารย์ก็ได้สั่งให้คนนำก้อนเหล็กไปเผาจนร้อนแดงแล้วใช้คีมคีบออกจากเตามาให้
当饲养员如此说之后,沙堵达巴国王就立即吩咐饲养员按照所说的演示给他看。于是饲养员就命人把一块铁烧至通红,再用钳子把铁从炉中夹出。
จากนั้นจึงเรียกช้างมงคลพระที่นั่งมายืนอยู่ต่อหน้าพร้อมกับร่ายมนต์บังคับให้ช้างเอางวงจับก้อเหล็กแดงร้อนว่า “ช้างเอ๋ย…เจ้าจงเอางวงหยิบก้อนเหล็กร้อนแดงเดี๋ยวนี้ หากเรายังไม่ได้บอกให้วางเจ้าจงอย่าวางเด็ดขาด”
然后把吉祥大象叫唤到身前,同时念起咒语强迫大象用鼻子抓起那块通红炙热的铁块:大象啊,请你立即用鼻子抓起那块通红炙热的铁块吧,如果我还没有命令你把铁块放下,你绝对不能放下。
เมื่อนายหัตถาจารย์ได้ร่ายมนต์บังคับให้ช้างมงคลพระที่นั่งเอางวงจับก้อนเหล็กแดงร้อนแล้ว ด้วยอำนาจแห่งมนต์ของนายหัตถาจารย์ช้างก็ได้ยื่นงวงออกมาจับก้อนเหล็กแดงร้อนที่กำลังลุกโชนแม้ว่าความร้อนจากก้อนเหล็กจะทำให้งวงของช้างมงคลพระที่นั่งไหม้เกรียมเพียงใดก็ตามแต่ช้างก็ไม่อาจจะทิ้งก้อนเหล็กร้อนลงได้
当饲养员念起逼迫吉祥大象伸出鼻子抓住通红炙热的铁块的咒语后,受到咒力影响的大象就伸出鼻子抓住那块正被烧得通红炙热的铁块,而不管大象的鼻子被炙热的铁块烫得多么焦,大象都不能放下这块热铁。
ครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะได้ทอดพระเนตรเห็นช้างมงคลพระที่นั่งกำลังถูกทรมานด้วยอำนาจมนตราของนายหัตถาจารย์เช่นนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงรู้สึกสงสารเพราะเกรงว่าช้างจะตาย พระองค์จึงทรงรับสั่งให้นายหัตถาจารย์คลายมนต์ดังกล่าว พร้อมกับเปล่งอุทานด้วยความสลดสังเวชใจขึ้นมาว่า…
当沙堵达巴国王目睹到大象被咒力所折磨之后,就产生了怜悯之情,担忧大象会就此死去,他就命令饲养员解除之前的咒语,同时悲伤地感叹道:
“โอ…แม้มนต์ของนายหัตถาจารย์จะมีกำลังสามารถบังคับและควบคุมช้างได้ถึงขนาดนี้แต่ถึงกระนั้น…ก็มิอาจจะสู้กำลังแห่งความกำหนัดยินดีในกามได้เลยเพราะความกำหนัดยินดีในกามสามารถฉุดให้ช้างหลุดจากอำนาจมนต์ของนายหัตถาจารย์นี้ได้…
唉,饲养员的咒语都有足够的力量能够把大象控制到这种地步,但即使是这股力量,还是不足以降服情欲的力量,因为情欲竟能让大象摆脱饲养员的咒力。
ถ้าจะว่าไปแล้วสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนตกเป็นทาสแห่งอำนาจของกามราคะแทบทั้งสิ้นเพราะถูกกามราคะย่ำยีให้จมอยู่ในห้วงแห่งวัฏสงสารไม่มีที่สิ้นสุด
那么几乎所有的众生都将沦落为情欲的奴隶,因遭到情欲的蹂躏而永远沉沦在六道轮回之中。
แม้แต่บุตร-ธิดา บิดา-มารดาหรือสามี-ภรรยา ที่รักกันนักหนา ก็ยังต้องมาเบียดเบียนฆ่าฟันกันมากมายก็เพราะด้วยอำนาจแห่งกามราคะ
即使亲密如儿女、父母、夫妻,因受制于情欲之力而互相残杀的例子也不计其数。
หลังจากนั้นพระเจ้าสัตตุตาปะทรงได้มอบรางวัลให้แก่นายหัตถาจารย์ แล้วทรงดำริขึ้นมาว่า “สัตว์ทั้งหลาย…จะพ้นจากอำนาจแห่งกามราคะได้ด้วยประการใดหนอ”
在沙堵达巴国王赏赐了饲养员之后,就思索起来:“众生要如何才能脱离情欲之力呢?”
ในกาลเดียวกันนั้นเองพระองค์ก็ทรงเห็นแจ้งในพระราชหฤทัยขึ้นมาว่า “การได้บังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะพาตนเองและสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากห้วงแห่งวัฏสงสารนี้ได้”
与此同时,国王在自己的心中清楚地看到:只需成就佛果,才能够带着自己和众生脱离六道轮回。
เมื่อพระเจ้าสัตตุตาปราชาทรงมีดำริเช่นนั้นพระองค์จึงทรงตั้งปณิธานปรารถนาพุทธภูมิว่า “หากวันใดที่เราได้ตรัสรู้ธรรมเราก็จักสั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้รู้ในธรรมเหล่านั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราพ้นจากห้วงแห่งทุกข์ได้เมื่อนั้นเราก็จักพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากห้วงแห่งทุกข์ตามเราไปด้วย”
当沙堵达巴国王有了这样的想法后,就发下大愿:如果有一天我能够明了法,我就把那些法传授给所有众生,当我脱离这个苦难之圈时,我将带领所有的众生一起脱离苦难之圈。
ครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะทรงตั้งปณิธานเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วพระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติทั้งหมดของพระองค์ แล้วทรงออกบวชโดยพระองค์ทรงถือเพศเป็นดาบส บำเพ็ญพรตอย่างยิ่งยวดตราบจนสิ้นอายุขัย
沙堵达巴国王立愿成佛之后,就决意舍弃王位,然后出家修行直至寿命终结。
เมื่อพระเจ้าสัตตุตาปะทรงละจากโลกในภพชาตินั้นไปแล้ว ด้วยกำลังแห่งการบำเพ็ญพรตอย่างยิ่งยวดก็ส่งผลทำให้พระองค์ได้ทรงไปบังเกิดอยู่บนสุคติโลกสวรรค์
沙堵达巴国王去世后,他在世时修行的巨大力量就回报给他,让他能够投生在极乐世界。
พระเจ้าสัตตุตาปราชา ในครั้งนั้นก็คือ…พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเราช้างมงคลพระที่นั่ง ในครั้งนั้น ก็คือ…พระมหากัสสปเถระ นายหัตถาจารย์ ในครั้งนั้นก็คือ…พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า”
那时的沙堵达巴国王就是我们的佛陀,吉祥象就是迦叶长老,饲养员就是弥勒佛。
เมื่อถึงกาลสมัยที่พระศรีอริยเมตไตรย์จะลงมาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้ ด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมหรือวิบากกรรมในพระชาติที่พระองค์ทรงเกิดเป็นนายหัตถาจารย์และทรงเคยเบียดเบียนช้างมงคลพระที่นั่งด้วยการร่ายมนต์ให้ช้างมงคลพระที่นั่งเอางวงจับก้อนเหล็กแดงร้อนจึงส่งผลทำให้พระองค์จำต้องเสด็จเดินทางมาที่กุกกุฎสัมปาตบรรพตเพื่อสลายร่างพระมหากัสสปเถระ ด้วยเปลวไฟลุกไหม้บนฝ่าพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์
当弥勒佛降临到人世间,成为贤劫的最后一位佛陀时代,而因为弥勒佛在生为饲养员那世,曾念咒逼迫吉祥大象用鼻子握住炙热通红的铁块,此恶业导致弥勒佛必须要徒步走到古孤三跋达山,而因为曾烧伤迦叶长老的身子,所以弥勒佛的右掌上会冒出火焰。
ซึ่งเรื่องราวก็มีอยู่ว่าเมื่อกาลได้ล่วงเลยผ่านไปจนถึงยุคพุทธกาล (ยุคของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า)-พระมหากัสสปเถระก็ได้ลงมาบังเกิดสร้างบารมีเป็นภพชาติสุดท้าย โดยในภพชาตินี้ท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์และถือเป็นหนึ่งในพระอสีติมหาสาวกในยุคสมัยของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อท่านมีอายุครบ 120-ปีพอดีท่านก็ได้ตรวจดูอายุสังขารด้วยญาณทัศนะของตัวท่านเองแล้วก็พบว่า…อายุสังขารของท่าน เหลืออีกเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
而接下来要交待的事情就是:当到了佛陀时代,释迦摩尼佛的时代),迦叶长老最后一次投生为人来修波罗蜜,在这一世里他不仅证成了阿罗汉,还成为了佛陀八十尊弟子中的第一弟子
当他年满120岁之后,他就用自己的先知先觉来查看自己的阳寿
最终他发现他的寿命只剩下一天而已了。
ดังนั้นพอถึงรุ่งเช้าพระมหากัสสปะจึงได้บอกแก่เหล่าพระภิกษุสงฆ์ที่พำนักอยู่ในวัดเวฬุวันว่า “เราจะปรินิพพานที่กุกกุฏสัมปาตบรรพตในเวลาเย็นของวันนี้”
因此,到了隔一天早上,迦叶长老就跟那些居住在威鲁温寺的比丘说:今天晚上我将在古孤三跋达山进入涅槃。
ครั้นถึงเวลาเย็นพระมหากัสสปเถระก็ได้เดินทางมาที่กุกกุฏสัมปาตบรรพตซึ่งเป็นสถานที่ที่ท่านจะปรินิพพาน
当到了夜晚时分,迦叶长老就步行到他将要涅槃的地方——古孤三跋达山。
เมื่อพระมหากัสสปะเดินทางมาถึงแล้วท่านก็ได้แสดงพระธรรมเทศนาโปรดมหาชนเป็นครั้งสุดท้ายครั้นพอท่านแสดงพระธรรมเทศนาจบแล้วท่านก็ได้เดินเข้าไปในซอกของกุกกุฏสัมปาตบรรพตซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาสามลูกในทันที
当他步行到那个地方之后,他就最后一次给人们开示佛法,开示完佛法之后,他就马上进入到有着三座山峰的古孤三跋达山缝隙里。
หลังจากนั้นพระมหากัสสปเถระก็ได้นั่งสมาธิ(Meditation)เข้าฌานสมาบัติแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากเราสิ้นอายุสังขารเข้านิพพานเมื่อใดขอให้ภูเขาทั้งสามลูกนี้…จงมารวมกันเป็นภูเขาลูกเดียวเพื่อบรรจุร่างของเราเอาไว้อยู่ภายในและเพื่อรอวันเวลาที่พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จเดินทางมาสลายร่างของเรา บนฝ่าพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์”
然后,迦叶长老就打坐入定,然后许愿道:在进入涅槃之后,希望这三座山峰能够合而为一,可以把我的身子装载在山腹内,以便有一天能够让来到这里的弥勒佛用他右掌上的火焰来瓦解我的躯体。
มาถึงจุดนี้พวกเราหลายๆคนคงแอบสงสัยว่าทำไม…พระมหากัสสปเถระจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานลงไปเช่นนั้นทั้งๆที่ท่านสามารถปรินิพพานด้วยอาการปกติอย่างที่พระอสีติมหาสาวกรูปอื่นๆทำกันแต่ท่านกลับไม่ทำ และเลือกที่จะให้พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จเดินทางมาสลายร่างให้กับตัวท่านด้วยฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์
到了这时,大家或许会私下疑惑迦叶长老为什么会许下如此的愿望,尽管他能够和其他位佛陀弟子一样正常地涅槃,但他却为什么不这么做,反而挑选了借弥勒佛之手来瓦解自己身体这一条路呢?
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 49
“ความหมายของอสงไขยและมหากัป“
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 四十九集
“阿僧祗和劫的意义”
梦中梦幼稚园编辑
ถ้าเรามองให้ลึกลงไปกว่านั้นเราจะพบว่า…จริงๆแล้วพระมหากัสสปเถระไม่ได้มีความคิดที่จะไปรบกวนให้พระศรีอริยเมตไตรย์ซึ่งเป็นถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้เสด็จมาสลายร่างของท่านแต่อย่างใด แต่ที่ท่านต้องอธิษฐานจิตลงไปเช่นนั้นก็เป็นเพราะท่านได้เห็นถึงบุพกรรมในอดีตที่ตัวท่านและพระศรีอริยเมตไตรย์ได้เคยกระทำกรรมร่วมกันมา กล่าวคือ ในสมัยที่ตัวท่านเกิดเป็นช้างมงคลพระที่นั่งส่วนพระศรีอริยเมตไตรย์ทรงเกิดเป็นนายหัตถาจารย์ ดังนั้นเมื่อเรื่องราวทั้งหมดยังตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมจึงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถรื้อผังแห่งวิบากกรรมตรงนี้ไปได้แม้แต่ผู้ที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่สามารถที่จะรื้อผังแห่งวิบากกรรมในอดีตที่แต่ละพระองค์ทรงเคยกระทำผิดพลาดเอาไว้ได้
如果我们进一步去看就会发现,事实上,迦叶长老没有任何想要麻烦这位贤劫中的最后一位佛陀来瓦解他躯体的想法,他之所以许下这个愿望是因为他看到了他和弥勒佛前世所造下的恶业,指的就是他生为吉祥大象,而弥勒佛是饲养员的那一世,所以,当所有的事情在处在因果报应法则之下时,将没有谁能够化解这些恶报,即使是身为佛陀的释迦摩佛和弥勒佛也未能化解自己曾经造下的恶业。
เมื่อใดที่กาลเวลาได้ล่วงมาจนถึงยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าพระพุทธองค์ก็จะทรงเสด็จมาสลายร่างให้แก่พระมหากัสสปเถระซึ่งร่างของท่านได้ถูกบรรจุอยู่ในกุกกุฏสัมปาตบรรพตแห่งนี้ ด้วยพระองค์เอง
当时间到了弥勒佛时代后,弥勒佛就来为被装载在古古孤三跋达山山腹中的迦叶长老的躯体进行瓦解。
สำหรับเรื่องราวในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอัศจรรย์ของสภาพแวดล้อม ดิน อากาศ ฟ้ารวมถึงรูปร่างหน้าตาและความเป็นอยู่ของมนุษย์ในยุคนั้น เป็นต้นจะบังเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าหากพระพุทธองค์ปราศจากการบำเพ็ญปรมัตถบารมีและอธิษฐานจิตเพื่อตั้งความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแต่ก่อนที่เราจะได้ฟังเรื่องราวในส่วนนี้เราลองมาศึกษาและทบทวนถึงความยากในการเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันก่อน
关于我们讲到的弥勒佛时代的所有事情,不管是神奇的环境还是那时人们的生活和样貌,如果没有佛陀勤修至善波罗蜜并在前尊佛陀面前发愿证悟成佛,那么这些事情都不会发生,我们之前所听到的关于任何一位佛陀的事情,我们都要尝试着去学习和回顾佛陀艰难的诞生。
การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นแต่ละพระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมีที่ยาวนานมากๆซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกตามระยะเวลาในการสร้างบารมีของแต่ละพระองค์ เป็นสามประเภท ได้แก่
每一位佛陀的诞生都需要经历长时间的波罗蜜修行,因此我们可以根据每一位佛陀修波罗蜜时间来区分佛陀的类型,总共3个类型。
1.พระปัญญาธิกพุทธเจ้า จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมี กว่า 20-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัปและผ่านการสร้างบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่า 512,027 พระองค์
1.智慧佛陀要用20余阿僧祗大劫又10万大劫的时间来修波罗蜜,并且还要跟超过512,027位佛陀修过波罗蜜。
2.พระสัทธาธิกพุทธเจ้าจะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมี กว่า 40-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัปและผ่านการสร้างบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่า 1,024,055 พระองค์
2.信者佛陀要用40余阿僧祗大劫又10万大劫的时间来积累波罗蜜,除此之外,还要跟随超过1,024,055位佛陀修波罗蜜。
3.พระวิริยาธิกพุทธเจ้า (ซึ่งพระศรีอริยเมไตรย์จัดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเภทพระวิริยาธิกพุทธเจ้า)-จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมี กว่า 80-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัปและผ่านการสร้างบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่า 2,048,109 พระองค์
3.精进者佛陀要用80余阿僧祗大劫又10万大劫的时间来积累波罗蜜,除此之外,还要跟随超过2,048,109位佛陀修波罗蜜(弥勒佛就是วิริยาธิก佛陀)
คำว่าอสงไขยคือจำนวนที่กำหนดไว้แทนระยะเวลาอันจะนับจะประมาณไม่ได้ซึ่งได้มีผู้เปรียบเทียบหน่วยของอสงไขยเอาไว้ว่า “เหมือนมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายเลย กล่าวคือ ฝนตกทั้งวันทั้งคืนเป็นระยะเวลายาวนานถึงสามปี จนกระทั่งน้ำฝนท่วมเต็มขอบจักรวาลหรือขอบของภพสามจากนั้น…ให้ลองคำนวณนับเม็ดฝนทั้งหมดที่ตกลงมากว่าสามปีว่ามีจำนวนเท่าใดถ้านับได้เท่าไหร่ นั่นคือจำนวนระยะเวลาใน 1 อสงไขย
阿僧祗即代表无数时间的计时单位,曾有人把阿僧祗作了这样一个比喻:持续不断的大雨下了长达3年,以至洪水淹到宇宙或是三界的边沿,请试着算一下三年多以来降落下来的雨点,如果计算出是多少,那么1阿僧祗就是多长时间。
คำว่ามหากัปคือหน่วยนับระยะเวลาที่โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไป ครบหนึ่งรอบระยะเวลาในมหากัปหนึ่งๆนั้น ถือว่ายาวนานมากๆ หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพเราคงต้องนึกตามคำอุปมาเปรียบเทียบที่องค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าได้ทรงตรัสเอาไว้
大劫即是世界产生,存在和消亡的计时单位,要满一大劫是非常久的。如果要作一个比较,我们大概要按照佛陀曾作出的比喻来想象。
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสอุปมาเปรียบเทียบระยะเวลาในหนึ่งมหากัปเอาไว้ซึ่งมีปรากฏเป็นพุทธวัจนะอยู่ในพระไตรปิฎกโดยสามารถสรุปใจความให้เข้าใจง่ายๆได้ดังนี้ว่า “ดั่งมีภูเขาหินแท่งทึบลูกใหญ่ที่ไม่มีช่องไม่มีโพรง ซึ่งมีขนาดความกว้าง ความยาวและความสูง ด้านละหนึ่งโยชน์ (หรือประมาณ 16-กิโลเมตร)-ในทุกๆหนึ่งร้อยปีจะมีบุรุษนำเอาผ้าเนื้อดีจากแคว้นกาสี มาลูบภูเขาหินแท่งทึบลูกนี้หนึ่งครั้ง…
佛陀曾经用一个例子对一个大劫的时间进行对比,三藏经中พุทธวัจนะ就总结得浅显易懂:比如有一座长,宽和高都达1由旬并且没有任何缝隙的大石山(一由旬大约16千米),每一百年都会有人用从กาสี地区的优质布块来拂拭一遍这座大山。
เมื่อใดก็ตามที่ภูเขาหินแท่งทึบที่มีความกว้าง ความยาว และความสูงด้านละหนึ่งโยชน์ลูกนี้ สึกกร่อนจนมีสัณฐานที่ราบเรียบเสมอกับพื้นดินเมื่อนั้น…ช่วงระยะเวลาของหนึ่งมหากัปก็ยังไม่ถึงกาลหมดสิ้นไปดังนั้น…ระยะเวลาในหนึ่งมหากัปจึงยาวนานอย่างนี้”
不管何时都好,即使当这座长宽高都达1由旬的大石山被磨得像地面一样平坦之后,一个大劫的时间还是没有到,因此,一个大劫的时间如此的漫长。
นอกจากนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงตรัสอุปมาเปรียบเทียบระยะเวลาในหนึ่งมหากัปเอาไว้อีกอุปมาหนึ่ง โดยสามารถสรุปใจความให้เข้าใจง่ายๆได้ดังนี้ว่า “ดั่งมีนครที่กำแพงเมืองทำด้วยเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยาวขนาดหนึ่งโยชน์ความกว้างขนาดหนึ่งโยชน์ และมีความสูงขนาดหนึ่งโยชน์ (ถ้าจะคำนวณปริมาตรที่อยู่ภายในเขตกำแพงของนครแห่งนี้ทั้งหมด ก็ประมาณ 4,096-ลูกบาศก์กิโลเมตร หรือประมาณ 4,096,000-ลูกบาศก์เมตร)-ภายในนครแห่งนั้นจะถูกอัดแน่นไปด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาดจนเต็มพื้นที่ไปหมด และในทุกๆหนึ่งร้อยปีจะมีบุรุษหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดออกจากนครหนึ่งเมล็ด…”
除此之外,佛陀还有一个大劫的时间总结得浅显易懂的比喻:有一座以大型铁块铸成的城墙,长宽高都达1由旬,(如果计算这座城墙内的体积,大概有4,096立方千米或是4,096,000立方米),那座城内部的所有地方都被菜籽填满,而每一百年会有人从城中取出一粒菜籽….
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 50
“อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์“
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛
第五十集“人类的平均寿命”
梦中梦幼稚园编辑
เมื่อใดก็ตามที่เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่ ได้หมดสิ้นไปจากนครแห่งนี้เมื่อนั้นช่วงระยะเวลาของหนึ่งมหากัปก็ยังไม่ถึงกาลหมดสิ้นไป ดังนั้นระยะเวลาในหนึ่งมหากัปจึงยาวนานอย่างนี้”
当这座城里的菜籽都被取出之后,一个大劫的时间都还没有结束,所以,一个大劫的时间是非常漫长的。
แต่ก่อนที่จะทำความเข้าใจในเรื่องมหากัปให้ละเอียดกว่านี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เราควรมาทำความเข้าใจกันเป็นอันดับแรกนั่นก็คือ…เรื่องของอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์รวมถึงเรื่องการเพิ่มและการลดลงของอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่าการไขขึ้นและไขลงของอายุเพราะถ้าเรามีความเข้าใจในเรื่องอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์แล้วเราก็จะสามารถทำความเข้าใจในเรื่องระยะเวลาในหนึ่งมหากัปได้ง่ายยิ่งขึ้นซึ่งโดยปกติแล้วอายุขัยเฉลี่ยหรือที่เรียกว่าอายุกัปของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน คือ 75-ปีแต่ในสมัยพุทธกาลอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์จะเท่ากับ 100-ปีสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอายุขัยเฉลี่ยในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้น มีความแตกต่างกันออกไป
在我们要进一步详细地了解大劫的事情前,我们首先要去了解的事情是:人类的平均寿命,包括人类平均寿命的增长和下降,或是我们嘴上常说的寿命的
增劫和减劫,因为如果我们能够了解人类平均寿命的事情,我们将能更容易了解一个大劫的事情,正常情况下,人类目前的平均寿命为75年,但在佛陀时代,人类的平均寿命为100年,从这可以看出,人类的平均寿命在每一个时代都会有所不同。
ที่เป็นแบบนี้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศีลธรรมที่อยู่ภายในจิตใจของมนุษย์หากในยุคใดสมัยใดมนุษย์มีศีลธรรมในจิตใจมากในยุคนั้นสมัยนั้น…อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ก็จะยืนยาวตามไปด้วย และในขณะเดียวกันหากในยุคใดสมัยใดมนุษย์มีศีลธรรมในจิตใจน้อยในยุคนั้นสมัยนั้น…อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ก็จะสั้นลง อย่างนี้วนไปเวียนมาเรื่อยๆ
之所以这样,都是取决于人类内在的道德,如果任何一个时代的人类内心的道德多,那么人类的寿命也会随之增加,同时,如果任何一个时代的人类内心的道德少,那么人类的平均寿命就减少,寿命就是这样不停地上下浮动。
มาถึงตรงนี้ หลายๆคนคงเริ่มสงสัยและอยากรู้ขึ้นมาว่า “แล้วอายุขัยที่ว่ายืนยาวที่สุดและสั้นที่สุดของมนุษย์จะยืนยาวนานหรือสั้นสักขนาดไหน”-คำตอบ คืออายุขัยที่ยืนยาวที่สุดของมนุษย์จะเท่ากับหนึ่งอสงไขยปี หรือเท่ากับ 10140-ปี (10-ยกกำลัง 140)-ส่วนอายุขัยที่สั้นที่สุดของมนุษย์จะลดลงเหลือเพียงแค่สิบปีเท่านั้นดังนั้น ถ้าเรานับระยะเวลาจากอายุมนุษย์ที่ยืนยาวที่สุด คือ หนึ่งอสงไขยปีแล้วอายุค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่มนุษย์มีอายุลดลงเหลือเพียงแค่สิบปีจากนั้น…อายุก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นไปจนถึงหนึ่งอสงไขยปีอีกครั้งเราจะเรียกระยะเวลาในช่วงนี้ว่าหนึ่งรอบอสงไขยปีซึ่งเป็นคนละอย่างกับคำว่าอสงไขยมหากัปถ้าพวกเราเข้าใจตรงนี้แล้ว เราก็จะเข้าสู่เรื่องมหากัปกันต่อไป
到了这里,好多人或许会开始疑惑并想要知道更多关于人类寿命最长时会增长到哪个地步,而最短时会缩减到哪个地步。答案就是:人类最长的寿命是1阿僧祗,或是10140年(10的140次方),而人类寿命在最短时会降到只有10年,所以,如果我们从人类寿命最长的1阿僧祗算起,之后寿命不停地下降,不停地下降,及至降到人类只有10年寿命的那段时期,然后人类的寿命又会开始不停地增加,及至人类的寿命又再一次回到1阿僧祗的时期就称之为1阿僧祗年,或是其他人所说的阿僧祗劫。如果我们明白这一点,我们就可以继续探讨阿僧祗大劫的事情。
แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องมหากัปเรามาดูในเรื่องหน่วยเวลา ตามหลักพุทธศาสนากันก่อน
在我们要说大劫的事情之前,请我们按佛教准则来看一下时间单位。
หน่วยนับจำนวนในพระไตรปิฎก
三藏经中的计量单位
ร้อยแสน | เป็น | โกฏิ |
ร้อยแสน โกฏิ | เป็น | ปโกฏิ |
ร้อยแสน ปโกฏิ | เป็น | โกฏิปโกฏิ |
ร้อยแสน โกฏิปโกฏิ | เป็น | นหุต |
ร้อยแสน นหุต | เป็น | นินนหุต |
ร้อยแสน นินนหุต | เป็น | อักโขภินี |
ร้อยแสน อักโขภินี | เป็น | พินทุ |
ร้อยแสน พินทุ | เป็น | อัพภุทะ |
ร้อยแสน อัพภุทะ | เป็น | นิรพุทะ |
ร้อยแสน นิรพุทะ | เป็น | อหหะ |
ร้อยแสน อหหะ | เป็น | อพพะ |
ร้อยแสน อพพะ | เป็น | อฏฏะ |
ร้อยแสน อฏฏะ | เป็น | โสคันธิกะ |
ร้อยแสน โสคันธิกะ | เป็น | อุปละ |
ร้อยแสน อุปละ | เป็น | กมุทะ |
ร้อยแสน กมุทะ | เป็น | ปทุมะ |
ร้อยแสน ปทุมะ | เป็น | ปุณฑริกะ |
ร้อยแสน ปุณฑริกะ | เป็น | อกถานะ |
ร้อยแสน อกถานะ | เป็น | มหากถานะ |
ร้อยแสน มหากถานะ | เป็น | หนึ่งอสงไขย |
千万 | 为 | 俱胝 (Koti) |
千万俱胝 | 为 | 1014 |
千万ปโกฏิ | 为 | โกฏิปโกฏิ |
千万โกฏิปโกฏิ | 为 | 那由他(Nahuta) |
千万那由他 | 为 | นินนหุต |
千万ร้อยแสน นินนหุต | 为 | อักโขภินี |
千万ร้อยแสน อักโขภินี | 为 | พินทุ |
千万Bindu พินทุ | 为 | อัพภุทะ |
ร้อยแสน อัพภุทะ | 为 | นิรพุทะ |
ร้อยแสน นิรพุทะ | 为 | อหหะ |
ร้อยแสน อหหะ | 为 | อพพะ |
ร้อยแสน อพพะ | 为 | อฏฏะ |
ร้อยแสน อฏฏะ | 为 | โสคันธิกะ |
ร้อยแสน โสคันธิกะ | 为 | อุปละ |
ร้อยแสน อุปละ | 为 | กมุทะ |
ร้อยแสน กมุทะ | 为 | ปทุมะ |
ร้อยแสน ปทุมะ | 为 | ปุณฑริกะ |
ร้อยแสน ปุณฑริกะ | 为 | อกถานะ |
ร้อยแสน อกถานะ | 为 | มหากถานะ |
ร้อยแสน มหากถานะ | 为 | หนึ่งอสงไขย |
หนึ่งอสงไขย เท่ากับ 10140 (คือเขียนเลข 1 แล้วเติมศูนย์ไปอีก 140 ตัว)
1阿僧祗等于10140 (即写一个1之后,在后面再加上140个零)
การสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยถึง 20-อสงไขยมหากัปกับเศษอีกแสนมหากัป ซึ่งหน่วยนับระยะเวลาในพระไตรปิฎกนั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
为了证成佛陀,至少要用20阿僧祗大劫又10万大劫的时间修波罗蜜,这些计时单位在三藏经中有如下的详细介绍。
1 มหากัป | เท่ากับ | อสงไขยกัป |
1 อสงไขยกัป | เท่ากับ | อันตรกัป |
1 อันตรกัป | เท่ากับ | รอบอสงไขยปี |
1大劫(maha-kalpa | 等于 | 阿僧祗劫(Asankheyya kalpa) |
1阿僧祗劫 | 等于 | 小劫 (Antara-kalpa) |
1 小劫 | 等于 | 满1阿僧祗年 |
1 รอบอสงไขยปี เท่ากับช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุไขลง-ไขขึ้น หนึ่งรอบ
满1阿僧祗年等于人类的寿命从最高减降到最低,然后再增加升到最高所需的时间。
1 รอบอสงไขยปี มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
满1阿僧祗年有如下详细的介绍。
ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุไขลงหมายถึง ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุลดลงจากหนึ่งอสงไขยปี หรือ 10140-ปี จนกระทั่งมนุษย์มีอายุสิบปีซึ่งในทุกๆ 100 ปี อายุของมนุษย์จะลดลงหนึ่งปี
人类寿命下降的时间指的是:人类的寿命从一阿僧祗年的时间或是10140年降至只有10年,而人类每过100年就简短1年寿命。
ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุไขขึ้นหมายถึง ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุเพิ่มขึ้นจากสิบปีไปจนถึงหนึ่งอสงไขยปี หรือ 10140-ปี ซึ่งในทุกๆ 100-ปี อายุของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว จาก 10-ปีเป็น 20-ปี จาก 20-ปีเป็น 40-ปี จาก 40-ปีเป็น 80-ปีเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมนุษย์มีอายุหนึ่งอสงไขยปี
人类寿命上升的时间指的是:人类寿命从10年增加到1阿僧祗或是10140年的那段时间,在那段时间里,人类的寿命每经100年都会成倍增加,从10年变成20年,从20年变成40年,从40年变成80年……就这样不停地增长,及至人类的寿命达到1阿僧祗年。
สำหรับมหากัปนั้นเราสามารถแยกย่อยเวลาในมหากัปหนึ่งๆออกเป็นสี่ช่วงเวลาด้วยกัน ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาจะเรียกว่าอสงไขยกัปหากจะอธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆเราก็อาจจะเปรียบเทียบมหากัปเป็นเหมือนเค้กก้อนหนึ่งที่ถูกตัดแบ่งออกมาเป็นสี่ส่วนเท่าๆกัน ซึ่งในแต่ละส่วนที่ถูกตัดแบ่งออกมานั้นก็คืออสงไขยกัปนั่นเอง ดังนั้น ในหนึ่งมหากัปจึงมีจำนวนอสงไขยกัป เท่ากับสี่อสงไขยกัป
至于大劫,我们可以把一个大劫的时间分为4段,然后把每一段时间称为阿僧祗劫,如果要再解释得更浅显易懂的话,我们或许可以把大劫比作一个被切成4份,每份都相等的蛋糕,而被切割出来的每一份就称为阿僧祗劫。在一个大劫里,有4个阿僧祗劫。
ในแต่ละอสงไขยกัปยังจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และเสื่อมสลายไปของโลก ดังนี้
而在每一个阿僧祗劫里,还会根据世界的诞生,存在和消亡而有不同的称呼。
ช่วงที่ 1.เป็นช่วงเวลาที่โลกของเรากำลังถูกเพลิงเผาไหม้ไปทั่วทุกพื้นที่ซึ่งเราจะเรียกช่วงนี้ว่าสังวัฏฏอสงไขยกัปหมายถึงช่วงเวลาที่โลกกำลังถูกทำลาย หรือช่วงที่กัปกำลังพินาศ
第一段时期:我们的世界正遭受火焰的吞噬,我们把这一时期称为坏劫(Samvatta Asankheyya kalpa)阿僧祗劫,意指世界正遭受破坏或是劫正在覆灭的时期。
ช่วงที่ 2.เป็นช่วงเวลาที่เพลิงได้มอดดับลงไป ซึ่งเราจะเรียกช่วงนี้ว่าสังวัฏฏฐายีอสงไขยกัปหมายถึง ช่วงเวลาที่โลกได้ถูกทำลายลงไปเรียบร้อยแล้วจนเหลือแต่อวกาศที่ว่างเปล่า
第二段时期是火焰已经熄灭的时期,我们称这一时期为
住劫(Samvattatthāyi Asankheyya kalpa)意指世界的破坏已经被停止,只剩下一片虚空。
ช่วงที่ 3.เป็นช่วงเวลาที่แผ่นดินเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นโลกซึ่งเราจะเรียกช่วงนี้ว่าวิวัฏฏอสงไขยกัปหมายถึงช่วงเวลาที่โลกกำลังเริ่มพัฒนาจนเข้าสู่สภาวะปกติหรือช่วงเวลาที่กัปกำลังเจริญขึ้น
第三个时期是大地开始诞生以至形成世界的时期,我们称这一时期为成劫(Vivatta Asankheyya kalpa) 意指世界正在发展并慢慢进入正常状态,也可以说是劫正在成长的时期。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 52
“มหากัปอสงไขยกัป อันตรกัป (2)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第五十二集
“大劫,阿僧祗劫(二)”
梦中梦幼稚园编辑
เมื่อเราได้ทราบถึงความแตกต่างของช่วงเวลาในแต่ละอสงไขยกัปแล้วเราก็ลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องอันตรกัปซึ่งเป็นหน่วยของเวลาที่ถูกแบ่งย่อยออกมาจากอสงไขยกัปอีกทีหนึ่งถ้าหากจะอธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆเราก็มาลองสมมติกันต่อว่า…ถ้าเราเอาเค้กที่ถูกตัดแบ่งออกมาเป็นสี่ส่วน (ซึ่งก็คือสี่อสงไขยกัป)-มาตัดแบ่งย่อยให้มีขนาดที่เล็กลงไปอีกโดยให้แต่ละส่วนหรือในแต่ละอสงไขยกัป ถูกตัดแบ่งย่อยออกมาอีก 64-ส่วน ซึ่งในแต่ละส่วนที่ถูกตัดแบ่งย่อยออกมานี้…ก็คืออันตรกัปนั่นเอง เพราะฉะนั้น ในหนึ่งอสงไขยกัปก็จะมีจำนวนอันตรกัป เท่ากับ 64-อันตรกัป และในหนึ่งมหากัป (ซึ่งมีอยู่สี่อสงไขยกัป)-จึงมีจำนวนอันตรกัป เท่ากับ 256 อันตรกัป
当我们了解到每一个阿僧祗劫的不同之处后,我们试着来了解一下小劫的事情, 小劫是从阿僧祗劫中分出来的另一个时间单位,如果想要解释得更易懂,那我们就来举个例子:如果我们把蛋糕分成4份(即4阿僧祗),然后我们再把每一份或是每一个阿僧祗再分64份,而这些被分出来的每一小份就是小劫,所以,每一个阿僧祗劫有64个小劫,而一个大劫(有4个阿僧祗劫)就有256个小劫。
เมื่อเราได้ทราบถึงที่มาที่ไปของอันตรกัปกันแล้ว เราก็มาดูความหมายของคำว่าอันตรกัปกันต่อว่า…คืออะไรอันตรกัปคือช่วงระยะเวลาที่เท่ากับหนึ่งรอบของการเพิ่มและการลดของอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ซึ่งจะเริ่มนับตั้งแต่ช่วงเวลาที่อายุขัยของมนุษย์ยืนยาวที่สุด คือ หนึ่งอสงไขยปีและลดลงไปเรื่อยๆจนถึงช่วงเวลาที่อายุขัยของมนุษย์เหลือเพียงแค่สิบปี จากนั้นอายุขัยก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนไปถึงช่วงเวลาที่มนุษย์มีอายุขัยถึงหนึ่งอสงไขยปีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือ…หนึ่งรอบอสงไขยปีนั่นเอง
当我们了解了小劫的来龙去脉之后,我们就继续来认识小劫, 小劫 即人类平均年龄从最低升到最高,又从最高降到最低的这一段时间,因此,要从人类拥有最高寿命的那段时期开始算起,即人类拥有1阿僧祗年的寿命的时期,之后人类的平均寿命会慢慢地降低,一直到只有10年的寿命。然后,人类的寿命又会慢慢地增加,直到再一次拥有1阿僧祗年的寿命,而我们所说的这些即是满阿僧祗年。
ดังนั้นในมหากัปหนึ่งๆจึงใช้ระยะเวลาเท่ากับการไขขึ้นและไขลงของอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ถึง 256-รอบ (หรือ 256-รอบอสงไขยปี)-เลยทีเดียวมาถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ว่า ระยะเวลาในหนึ่งมหากัปนั้นยาวนานมากกล่าวได้ว่า…มากเสียจนเราไม่สามารถจะนำตัวเลขใดๆในโลกใบนี้มาแสดงให้พวกเราเข้าใจกันได้ ถึงแม้ระยะเวลาในหนึ่งมหากัปจะยาวนานมากขนาดไหนแต่การสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้น (ซึ่งใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมีอย่างน้อย 20-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป)-กลับใช้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่ามากมายนัก
所以,一个大劫所用的时间等于人类平均年龄256次从上升到降至寿命最短的时间(256阿僧祗年),到了此时,我们可以看出一个大劫的时间比我们所能叙述的还要长久,久到不能用这个世界的任何数字来展示给我们明白,尽管一个大劫的时间如此漫长,但每一个佛陀波罗蜜修行的时间却都比一个大劫要长(佛陀至少要用20个阿僧祗大劫又10万大劫的时间来修波罗蜜)。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 53
“การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก“
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第五十三集
“佛陀的诞生异常艰难”
梦中梦幼稚园编辑
ดังนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จึงต้องใช้ความอดทน ความมุ่งมั่นตั้งใจตลอดจนกำลังใจที่หนักแน่นมั่นคงอย่างยิ่งยวดเพราะการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ…การได้เกิดมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ไม่อาจจะกำหนดนับระยะเวลาในการเดินทางได้ ถ้าไม่มีหัวใจที่กล้าแกร่งและเด็ดเดี่ยวประดุจดั่งเพชรบุคคลคนนั้น…ก็ไม่สามารถทำความสำเร็จนี้ให้เกิดขึ้นได้เลย
所以,每一位佛陀需要有大毅力,坚强的意志以及坚定不移的信心。因为任何一个人决心要到达不知要花费多长时间才能够到达的终点,即证悟成佛,那么这个人如果没有一颗犹如宝石一样坚定顽强的心,绝不可能取得成功。
ด้วยความยากในการที่จะได้มาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีมากถึงเพียงนี้จึงเป็นธรรมดาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ทรงเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกบ่อยๆถึงแม้เราจะรอคอยการบังเกิดขึ้นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันยาวนานจนชนิดที่เรียกว่า…กองกระดูกของสรรพสัตว์ทั้งหลายสูงท่วมเป็นภูเขา แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่แน่ว่า…เราจะได้มีโอกาสเกิดมาพบเจอกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
因为佛陀的诞生是如此的艰难,所以佛陀不会常常出现于世上是很正常的,即使我们长期地等待佛陀的诞生,以至于众生的尸骨堆积成山,也不一定能够有机会遇到佛陀。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 54
“การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (2)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第五十四集
“佛陀的诞生异常艰难(二)”
梦中梦幼稚园编辑
เพราะฉะนั้นการที่ใครคนหนึ่งมีโอกาสได้มาเกิดร่วมยุคและได้ฟังพระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้เพียงบทเดียว ก็นับว่าเป็นผู้ที่มีบุญมากอย่างยิ่งเพราะพระสัทธรรมของพระพุทธองค์ผู้เป็นบรมครูของเหล่ามนุษย์และเทวดานั้นย่อมนำความสว่างไสวมาสู่ดวงใจของสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกทั้งคำสอนของพระพุทธองค์ยังเป็นคำสอนที่ช่วยชี้นำหนทางในการปิดประตูนรกเปิดประตูสวรรค์และยังเป็นหนทางเพียงสายเดียวที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่ฟากฝั่งแห่งพระนิพพานได้
所以,如果任何一个人能够与佛陀同生在一个时代并能够聆听佛陀开示佛法——即使只有一个章节,那也算是有大功德之人了,因为佛陀是人类和天人绝佳的老师,必定能够给众生的心带来光明,除此之外,佛陀的教诲不仅能够帮助人们关闭地狱之门并打开通向天堂之路,还是带领众生奔赴涅槃的唯一途径。
ดังนั้นมหากัปใดก็ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกใบนี้มหากัปนั้นๆ ย่อมได้ชื่อว่า…เป็นมหากัปที่ไม่ว่างเปล่าจากคุณวิเศษอันยิ่งใหญ่นั่นก็คือ…มรรคผลนิพพานที่สรรพสัตว์ทั้งหลายสามารถบรรลุได้ด้วยคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงสามารถแบ่งมหากัปออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
所以,不管是哪一个大劫,如果在那个大劫时有佛陀出现在这个世界上,那么那个大劫就可以称得不会因为缺少这份殊荣而显得空虚苍白,因为众生能够通过佛陀的教诲而证入涅槃圣道。这样,我们就能把大劫分为两大类,即:
1.สุญกัปหมายถึงมหากัปที่ว่างเปล่าจากมรรคผลนิพพาน กล่าวคือ มหากัปใดที่เป็นสุญกัปมหากัปนั้นจะไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกเลยแม้แต่เพียงพระองค์เดียว
1.空劫指的是因为没有涅槃圣道而显得苍白空虚的大劫,任何一个属于空劫大劫,不会有佛陀诞生在那个世界上。
นอกจากจะว่างเว้นจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว มหากัปที่เป็นสุญกัปยังไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระเจ้าจักรพรรดิ มาบังเกิดขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงกล่าวสรุปได้เลยว่า…มหากัปที่เป็นสุญกัปย่อมไม่มีมรรคผลนิพพานปรากฏขึ้นแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายเพราะสุญกัปเป็นมหากัปที่ว่างเปล่าจากบุคคลผู้ทรงคุณวิเศษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิซึ่งบุคคลเหล่านี้…ถือเป็นบุคคลที่เป็นต้นบุญต้นแบบ และเป็นแก่นกลางแห่งความดีงามให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
空劫除了缺少佛陀之外,还不会有辟支佛或是转轮圣王诞生于世,属于大劫的空劫,必定不会有涅槃圣道给予众生,因为空劫缺少圣人,即是缺少佛陀,辟支佛和转轮圣王,而这类人通常被认为是至善和给众生带来幸福美好的轴心。
หมายเหตุข้อมูลในส่วนนี้นำมาจากตำราที่อยู่ในส่วนของอรรถกถา
这部分的资料出自佛经释义。
2.อสุญกัปหมายถึงมหากัปที่ไม่ว่างเปล่าจากมรรคผลนิพพาน กล่าวคือ มหากัปใดที่เป็นอสุญกัปมหากัปนั้นก็จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกถึงแม้ว่ามหากัปใดจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาเพียงพระองค์เดียวก็ตามแต่ถึงกระนั้น…มหากัปดังกล่าวก็ยังได้ชื่อว่าเป็นอสุญกัปอยู่ดี
2.不空劫指的是不因缺少涅槃圣道而苍白空虚的大劫,即是在任何一个不空劫中,都会有佛陀诞生于世上,即使那个大劫只有一个佛陀诞生,那个大劫也可以称为不空劫。
นอกจากอสุญกัปจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นแล้ว ในมหากัปที่เป็นอสุญกัปยังจะมีพระปัจเจกพุทธเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิและบุคคลผู้ทรงคุณวิเศษมาบังเกิดขึ้นอีกด้วยด้วยเหตุนี้…จึงกล่าวได้ว่าในช่วงอสุญกัป เป็นช่วงที่นรกจะร้างสวรรค์จะเนืองแน่นไปด้วยผู้ที่มีบุญซึ่งได้ทำทานรักษาศีล และเจริญภาวนากันมาอย่างตลอดต่อเนื่อง ดังนั้น อสุญกัปจึงเป็นมหากัปที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆเพราะมหากัปโดยส่วนมากแล้ว จะมีแต่มหากัปที่เป็นสุญกัป (คือมหากัปที่ไม่มีบุคคลที่เป็นต้นบุญต้นแบบ มาบังเกิดขึ้นเลยแม้แต่เพียงคนเดียว)
อสุญกัป
大劫除了有佛陀诞生之外,还会有辟支佛,转轮圣王和圣人诞生,所以,不空劫时期因为有功德之人能够一直布施持戒和静坐修行,可以称得上是地狱荒芜,天堂繁盛的时期。因此,不空劫是非常难出现的大劫,因为大部分的大劫都是空劫(即没有一个能够成为至善之人诞生的大劫)。
มหากัปใดที่เป็นอสุญกัปจะมีต้นไม้ชนิดหนึ่งกำเนิดขึ้นในช่วงต้นกัป (ช่วงที่มหากัปบังเกิดขึ้น)-ซึ่งต้นไม้ต้นนี้ก็คือต้นบัวนั่นเองเพียงแต่ต้นบัวในยุคต้นกัปนั้น จะมีลักษณะที่แตกต่างจากต้นบัวในยุคปัจจุบันมากกล่าวคือ ต้นบัวในยุคต้นกัปจะมีลักษณะเป็นไม้ยืนต้น (กล่าวคือเป็นต้นไม้ใหญ่เหมือนต้นโพธิ์หรือต้นไทร)-และเมื่อถึงเวลาออกดอกแต่ละครั้ง ก็จะออกดอกไม่เท่ากันโดยการออกดอกจะมีจำนวนดอกตั้งแต่หนึ่งดอกจนกระทั่งถึงห้าดอกซึ่งจำนวนดอกบัวที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า…ในมหากัปนั้นๆจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นกี่พระองค์ด้วยเหตุนี้ ต้นบัวในยุคต้นกัปจึงถูกขนานนามว่าบัวพยากรณ์ซึ่งถือเป็นต้นไม้ชนิดแรกที่เกิดขึ้นมาบนโลก นอกจากนี้ มหากัปที่เป็นอสุญกัปยังมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปตามจำนวนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จอุบัติขึ้นมาในแต่ละมหากัป ดังต่อไปนี้
任何一大劫会有属于其的一种树木在大劫的前期诞生(大劫诞生之时),这些树即是莲花树,而大劫初期莲花树的特征和我们这一时期的莲花并不相同,大劫初期的莲花是一种直立的树木(即是像菩提树或榕树那样的大型树木),而且这些莲花树每次开花所绽放的花朵数量都会不同,数量从1朵到5朵不等。莲花所绽放的数量即是那个大劫里会有多少位佛陀出现的标志。所以,大劫初期的莲花才被人命名为预测之花,并被认为是出现于世的第一种花。除此之外,不空劫还会根据佛陀出世的数量而有如下的不同称呼:
1.สารกัปหมายถึงมหากัปที่มีแก่นสาร มหากัปใดที่ถูกเรียกว่า สารกัปแสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกเพียงแค่พระองค์เดียว
1.坚劫(sra-kalpa)指的是有实质的大劫,任何一个大劫被称为坚劫,即表明那个大劫只有一尊佛陀诞生。
2.มัณฑกัปหมายถึงมหากัปที่มีความผ่องใส มหากัปใดที่ถูกเรียกว่า มัณฑกัปแสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกทั้งหมดสองพระองค์
2.醍醐劫(maa-kalpa)
意指纯净透明之大劫,任何一个大劫被称为醍醐劫,即表明那个大劫总共会有两尊佛陀诞生。
3.วรกัปหมายถึง มหากัปที่ประเสริฐมหากัปใดที่ถูกเรียกว่า วรกัปแสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกทั้งหมดสามพระองค์
3.妙劫(vara-kalpa)意指卓越之劫,任何一个大劫被称为妙劫,即表明那个大劫总共会有3尊佛陀诞生。
4.สารมัณฑกัปหมายถึงมหากัปที่ประเสริฐกว่าและมีแก่นสารมากกว่ามหากัปที่ผ่านๆมา มหากัปใดที่ถูกเรียกว่าสารมัณฑกัปแสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกทั้งหมดสี่พระองค์
4.坚醍醐劫(sra-ma-a–kalpa)意指比之前的大劫更卓越,更充实的大劫,任何一个大劫被称为坚醍醐劫,即表明那个大劫总共会有4尊佛陀诞生。
5.ภัทรกัปหมายถึงมหากัปที่เจริญที่สุดและเกิดขึ้นได้ยากที่สุด มหากัปใดที่ถูกเรียกว่า ภัทรกัปแสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกมากที่สุดถึงห้าพระองค์ซึ่งในช่วงของภัทรกัปนี้ถือว่าเป็นมหากัปที่มีจำนวนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกมากที่สุดและจะไม่มีมากกว่านี้อีก ด้วยเหตุนี้ภัทรกัปจึงเป็นมหากัปที่ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีโอกาสจะกระทำอาสวะให้สิ้นไปได้มากกว่ามหากัปอื่นๆทั้งหมด
5.贤劫(Bhadra-kalpa)
意指最兴盛和最难诞生的大劫,任何一个大劫被称为贤劫,即表明那个大劫总共会有5尊佛陀诞生,贤劫时期是有最多佛陀诞生的一个大劫,不会有任何一个劫比这个劫可以诞生出更多佛陀。所以,贤劫才会让众生能够有比其他劫更多的机会来去断尽烦恼。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 55
“การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (3)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第五十五集
“佛陀的诞生异常艰难(三)”
梦中梦幼稚园编辑
ส่วนในมหากัปที่พวกเรากำลังอยู่นี้มีชื่อเรียกว่า ภัทรกัป ซึ่งถือว่าเป็นมหากัปที่เจริญที่สุดและเกิดขึ้นได้ยากที่สุดโดยจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นบนโลกมากที่สุดถึง 5-พระองค์ซึ่งในกัปนี้ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกไปแล้วถึง 4 พระองค์ได้แก่
我们正处于的大劫名为贤劫,即被认为是最兴盛并最难诞生的大劫,在这个大劫里,将会有最多的5尊佛陀诞生,而现在,已经有4尊佛陀诞生于世了,即:
1.พระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกของภัทรกัปนี้
1.拘留孙佛,贤劫里诞生的首尊佛陀。
2.พระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้าถือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่สองของภัทรกัปนี้
2.拘那含佛,贤劫里诞生的第二尊佛陀。
3.พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าถือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่สามของภัทรกัปนี้
3.迦叶佛,贤劫里诞生的第三尊佛陀。
4.พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าถือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่สี่ของภัทรกัปนี้
4.释迦牟尼佛,贤劫里诞生的第四尊佛陀。
สำหรับในยุคปัจจุบัน เราท่านผู้มีบุญทั้งหลายกำลังอยู่ในยุคของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงอันตรกัปที่ 12-และในอนาคตกาลอันไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ (กล่าวคือ…อีกเพียงอสงไขยปีเศษ)-พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จลงมาบังเกิดบนโลกในช่วงอันตรกัปที่ 13-ซึ่งถือเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ห้าหรือพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้ และด้วยความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงสั่งสมบารมีมาไม่เท่ากันด้วยเหตุนี้…จึงสามารถแบ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เป็นสามประเภทซึ่งพระพุทธเจ้าแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกัน
至于现在,我们正处于释迦牟尼佛时代,被认为是处于第12个小劫中,并在不远也不近的未来(即再过1个多阿僧祗年),弥勒佛,即这个贤劫里的第5尊佛陀,也是最后一尊佛陀,将会在第13个小劫诞生于世。
กว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จะได้มาตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณจนได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นแสงสว่างให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นทุกๆพระองค์จะต้องผ่านการบำเพ็ญเพียรและสั่งสมบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันมาเหมือนๆกัน แม้จะผ่านการบำเพ็ญเพียรมาเหมือนๆกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วระยะเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงใช้ในการสั่งสมบารมีนั้นกลับมีระยะเวลาที่ไม่เท่ากันด้วยเหตุที่ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ไม่เท่ากันนี้เอง จึงได้มีการแบ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกเป็นสามประเภทดังนี้
每一位佛陀都要以生命为赌注去修行和积累波罗蜜,成就正等正觉,给众生带来光明。虽然佛陀们一样是修行,但事实上每一尊佛陀修波罗蜜的时间各不相同,以此能够把佛陀分为3个类型。
ประเภทแรก เรียกว่าพระปัญญาธิกพุทธเจ้า
第一类型的佛陀称为慧者菩萨。
หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีโดยมีพระปัญญาอันแก่กล้า กล่าวคือพระองค์ทรงมุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อจะได้นำพาพุทธบริษัทสี่ทั้งหลาย (ซึ่งมีอยู่จำนวนหนึ่งแต่ไม่มาก)-เข้าสู่พระนิพพาน สำหรับพระปัญญาธิกพุทธเจ้านั้นพระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีทั้งหมด 20-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป
意指拥有超绝智慧,修波罗蜜的佛陀,即是他一心要成佛,引领佛教四众进入涅槃(为数不多),至于慧者菩萨,则需20阿僧祗劫又10万大劫的时间来修波罗蜜才能证悟。
ถ้าจะให้แบ่งระยะเวลาในการสั่งสมบารมีของพระปัญญาธิกพุทธเจ้าสามารถแบ่งได้เป็นสามระยะ ดังนี้
如果要划分慧者菩萨积累波罗蜜的时间段,那么我们可以分出如下的三个阶段。
ระยะที่ 1.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมี พร้อมกับมีพระดำริหรือทรงตั้งความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ในพระทัยโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากบอกใคร สำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีราว 7-อสงไขยมหากัป
第一阶段是菩萨积累波罗蜜,同时思索或是在心中发愿证悟成佛,但并没有宣诸于众的阶段,在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用大约7个阿僧祗大劫的时间。
ระยะที่ 2.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมี พร้อมกับทรงเปล่งพระวาจาหรือทรงตรัสบอกถึงความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับบุคคลอื่นๆได้รับรู้นอกจากนี้…ยังเป็นช่วงที่พระองค์กำลังทรงสั่งสมบารมีให้แก่รอบยิ่งๆขึ้นไปอีกด้วยสำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้ พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีอีก 9 อสงไขยมหากัป
第二阶段是菩萨积累波罗蜜,同时把自己立愿证悟成佛的事情宣诸于众的阶段,除此之外,这一时期还是菩萨把波罗蜜积累得更充足,更圆满的阶段。在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用9个阿僧祗大劫的时间。
ระยะที่ 3.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมีจนได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งแรกว่า “ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า พระองค์จักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งอย่างแน่นอน”-สำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีอีกถึง 4-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป
第三个阶段是菩萨积累波罗蜜以至首次从另一尊佛那获得授记:在未来,他必定能够证悟成佛陀。在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用4个阿僧祗大劫又10万大劫的时间。
ซึ่งในส่วนของพระสมณโคดมสัมพุทธเจ้าของพวกเรานั้น พระองค์ทรงจัดอยู่ในประเภทพระปัญญาธิกพุทธเจ้า (หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาอันแก่กล้านั่นเอง)
至于我们的释迦牟尼佛则属于慧者菩萨(或是说有着超绝智慧的佛陀)。
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถอยลงและเจริญขึ้นของอายุมนุษย์ ตอนที่ 1
关于人类寿命下降和增长所要补充的资料。第一集:
ในจักกวัตติสูตรได้บันทึกเอาไว้ว่า…ในยุคต้นกัปนั้นการที่มนุษย์มีอายุขัยลดลง เริ่มจากมนุษย์ประพฤติอกุศลกรรมบถ 10-ประการ พระเจ้าแผ่นดินไม่ทรงประพฤติจักรพรรดิวัตรทรงตัดสินไม่เที่ยงธรรม ไม่พระราชทานทรัพย์แก่คนที่ไม่มีทรัพย์ความขัดสนจึงบังเกิดขึ้น เมื่อความขัดสนมีมากเข้าจึงทำให้เกิดการลักขโมยเมื่อมีการลักขโมยมากขึ้นศัสตราวุธจึงเพิ่มขึ้นพอมีอาวุธ…มนุษย์ก็อยากใช้ฆ่าและทำร้ายกัน เมื่อการทำปาณาติบาตเพิ่มมากขึ้นมุสาวาทก็ได้ถึงความแพร่หลาย ทำให้การพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย อายุของมนุษย์จึงเสื่อมถอย ลูกของมนุษย์ที่มีอายุแปดหมื่นปีจึงมีอายุถอยลงเหลือสี่หมื่นปี สองหมื่นปี และหนึ่งหมื่นปี ตามลำดับรุ่นลูก หลานเหลน ฯลฯ
根据转轮圣王经(Cakkavattisutta)记载,在大劫初期,人类的寿命下降,是从人类本身造了10恶法开始,那时国王不按照皇帝戒律修法,以致评判不公,加上不赐予钱财给没有钱之人,因此,贫困就产生了。当贫困加剧后就产生了偷盗,偷盗之事过多就会促使武器增加,当拥有武器之后,人类就会想要互相杀戮。当造的恶业增多之后,妄语就会得以流传,以致挑拨离间,粗言恶语,胡说八道的事情随着人类寿命的降低而不断增加,人类孩子的寿命也随着后代的延续,从八万年降低到四万年,两万年和1万年。
ในเมื่อมนุษย์มีอายุหนึ่งหมื่นปี การประพฤติล่วงละเมิดบุตร ภรรยา หรือสามีของคนอื่นมีมากขึ้น ทำให้ลูกที่เกิดมามีอายุถอยลง เหลือห้าพันปีเหลือสองพันห้าร้อยปีก็มี สองพันปีก็มีมนุษย์ในช่วงอายุสองพันปีจะมีอภิชฌาและพยาบาทหนาแน่นมากขึ้นทำให้ลูกที่เกิดมามีอายุถอยลงเหลือหนึ่งพันปี
当人类的寿命只剩下1万年时,侵犯别人孩子,妻子或丈夫的行为致使人类所生孩子的寿命下降到只有5000年的也有,2000年的也有。在人类寿命只剩下2000年的时候,人类的烦恼和怨恨愈发严重,以致人类的寿命下降到了1000年。
ในยุคที่มนุษย์มีอายุหนึ่งพันปี มิจฉาทิฐิมีมากขึ้นเป็นเหตุให้ลูกที่เกิดมามีอายุลดลงเหลือห้าร้อยปีรุ่นต่อมาเหลือสองร้อยห้าสิบปีบ้าง สองร้อยปีบ้างในยุคที่มนุษย์มีอายุราวสองร้อยห้าสิบปี หรือสองร้อยปีมนุษย์จะไม่ปฏิบัติชอบในบิดามารดา ไม่เคารพสมณะ ไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ทำให้ลูกที่เกิดมาภายหลังมีอายุถอยลงเหลือหนึ่งร้อยปี (ช่วงที่มนุษย์มีอายุขัยลดลงจากหนึ่งร้อยปี ถึง สิบปีไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกแต่ปรากฏในคัมภีร์โลกสัณฐานว่า…ทุกๆหนึ่งร้อยปีมนุษย์จะมีอายุขัยลดลงหนึ่งปี
在人类的寿命只有1000年之际,邪见开始增多,以致人类的寿命从1000年降到了500年,250年,200年。在人类的寿命只有250年,200年之时,就开始不照顾父母,不尊敬沙门,不恭敬长辈,导致后来出生的孩子的寿命下降到了100年。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 56
“การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (4)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第五十六集
“佛陀的诞生异常艰难(四)”
梦中梦幼稚园编辑
ประเภทที่สอง เรียกว่าพระสัทธาธิกพุทธเจ้า
第二种类型的佛陀名为信者菩萨,
หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีโดยมีพระศรัทธาอันแก่กล้า กล่าวคือพระองค์ทรงมีความปรารถนาที่จะยืดเวลาในการเข้าพระนิพพานออกไปอีกเพื่อจะได้มีเวลาในการสั่งสมบารมีให้แก่กล้ายิ่งๆขึ้นไปและจะได้มีโอกาสรวบรวมพุทธบริษัทสี่ทั้งหลาย (ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก)-เข้าสู่พระนิพพานได้ทีละมากๆ สำหรับพระสัทธาธิกพุทธเจ้านั้นพระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีทั้งหมด 40-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป
指的是拥有崇高的信仰,修波罗蜜的佛陀。即是希望拖延进入涅槃的时间,以便能有更多的时间来修波罗蜜并有机会能引领佛教四众进入涅槃(为数众多),至于信者菩萨,则需用40阿僧祗大劫又10万大劫的时间来积累波罗蜜。
ถ้าจะให้แบ่งระยะเวลาในการสั่งสมบารมีของพระสัทธาธิกพุทธเจ้าสามารถแบ่งได้เป็นสามระยะ ดังนี้
如果要划分慧者菩萨积累波罗蜜的时间段,那么我们可以分出如下的三个阶段。
ระยะที่ 1.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมี พร้อมกับมีพระดำริหรือทรงตั้งความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ในพระทัยโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากบอกใคร สำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีราว 14 อสงไขยมหากัป
第一阶段是菩萨积累波罗蜜,同时思考或是在心中立愿证悟佛陀,但并没有宣诸于众的阶段,在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用大约14个阿僧祗大劫的时间。
ระยะที่ 2.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมี พร้อมกับทรงเปล่งพระวาจาหรือทรงตรัสบอกถึงความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับบุคคลอื่นๆได้รับรู้นอกจากนี้…ยังเป็นช่วงที่พระองค์กำลังทรงสั่งสมบารมีให้แก่รอบยิ่งๆขึ้นไปอีกด้วยสำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้ พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีอีก 18 อสงไขยมหากัป
第二阶段是菩萨积累波罗蜜,同时把自己立愿证悟成佛的事情宣诸于众的阶段,除此之外,这一时期还是菩萨把波罗蜜积累得更充足,更圆满的阶段。在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用18个阿僧祗大劫的时间。
ระยะที่ 3.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมีจนได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งแรกว่า “ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าพระองค์จักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งอย่างแน่นอน”-สำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีอีกถึง 8-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป
第三个阶段是菩萨积累波罗蜜以至首次从另一尊佛那获得授记:在未来,他必定能够证悟成佛。在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用8个阿僧祗大劫又10万大劫的时间。
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถอยลงและเจริญขึ้นของอายุมนุษย์ ตอนที่ 2
关于人类寿命下降和增长所补充的资料。第二集:
(ช่วงที่มนุษย์มีอายุขัยลดลงจาก หนึ่งร้อยปี ถึง สิบปีไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกแต่ปรากฏในคัมภีร์โลกสัณฐานว่า ทุกๆหนึ่งร้อยปีมนุษย์จะมีอายุขัยลดลงหนึ่งปี)
人类寿命从100年減降至僅有十歲時时期,在三藏经中并没有记载,而是出自Lokasanthānna经,此经有云:人类每历100年,寿命就会下降一年。
ในพระไตรปิฎกได้กล่าวต่อไปว่า…จักมีสมัยที่มนุษย์อายุสิบปีเด็กหญิงวัยห้าขวบจะมีสามี เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือจักอันตรธานไปสิ้นหญ้ากับแก้1จักเป็นอาหารอย่างดี เมื่อกุศลกรรมบถ 10-ประการ อันตรธานไปหมดสิ้นอกุศลกรรมจักรุ่งเรืองเหลือเกิน สัตว์โลกจะสมสู่ปะปนกันหมด เปรียบเหมือนแพะ ไก่สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก เป็นต้น
三藏经中有如下的记载:
人类只有10年寿命的时期,女孩5岁时就拥有了丈夫,透明的奶油,粘稠的奶油,油,蜂蜜,甘蔗汁和盐会消尽,草1将已经是很好的食物。当十善行被完全抛弃,恶行就会过度地滋长,众生将丧失天理人伦,与羊,鸡,狗,狐狸无异。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 57
“การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (5)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第五十七集
“ 佛陀的诞生异常艰难(五)”
梦中梦幼稚园编辑
ประเภทที่สาม เรียกว่า“พระวิริยาธิกพุทธเจ้า”
佛陀的第三种类型,名为精进者菩萨
หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีโดยมีพระวิริยะหรือมีความเพียรอันแก่กล้า กล่าวคือพระองค์ทรงมีความปรารถนาที่จะนำพาพุทธบริษัทสี่ทั้งหลายเข้าสู่พระนิพพานให้ได้มากที่สุดเท่าที่พระองค์จะทำได้แม้ว่าพระองค์จะต้องใช้ความเพียร ความอดทนและจะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมียาวนานมากมายขนาดไหนก็ตามแต่พระองค์ก็ทรงยินดีที่จะทำ สำหรับพระวิริยาธิกพุทธเจ้านั้นพระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีทั้งหมดถึง 80-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป เลยทีเดียว
指的是勤奋,精进并修波罗蜜的佛陀,即是发愿带领最多的佛教四众进入涅槃的佛陀,虽然佛陀要精进,忍辱和花费大量的时间来积累波罗蜜,佛陀都会乐于去做。至于精进者菩萨,则需用80个阿僧祗大劫又10万大劫的时间来积累波罗蜜。
ถ้าจะให้แบ่งระยะเวลาในการสั่งสมบารมีของพระวิริยาธิกพุทธเจ้าสามารถแบ่งได้เป็นสามระยะ ดังนี้
如果要划分精进者菩萨积累波罗蜜的时间段,那么我们可以分出如下的三个阶段。
ระยะที่ 1.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมี พร้อมกับมีพระดำริหรือทรงตั้งความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ในพระทัยโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากบอกใคร สำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีราว 28 อสงไขยมหากัป
第一阶段是菩萨积累波罗蜜,同时思考或是在心中发愿证悟成佛,但并没有宣诸于众的阶段,在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用大约28个阿僧祗大劫的时间。
ระยะที่ 2.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมี พร้อมกับทรงเปล่งพระวาจาหรือทรงตรัสบอกถึงความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับบุคคลอื่นๆได้รับรู้ เพราะเมื่อพระองค์ทรงสั่งสมบารมีจนมาถึงจุดนี้ความอาจหาญร่าเริงในมโนปณิธานแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพระองค์ก็จะอัดแน่นและเต็มเปี่ยมอยู่ภายในใจจนทำให้พระองค์ต้องเปล่งวาจาให้แก่ผู้อื่นได้รับรู้ นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่พระองค์กำลังทรงสั่งสมบารมีให้แก่รอบยิ่งๆขึ้นไปอีกด้วยสำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้ พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีอีก 36 อสงไขยมหากัป
第二阶段是菩萨积累波罗蜜,同时把自己立愿证悟成佛的事情宣诸于众的阶段。因为当菩萨积累波罗蜜到这一阶段时,对证悟成佛的勇敢和欢乐将充满菩萨的内心,以至菩萨会把这一愿望公诸于众。除此之外,这一时期还是菩萨把波罗蜜积累得更充足,更圆满的阶段。在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用36个阿僧祗大劫的时间。
ระยะที่ 3.เป็นช่วงระยะเวลาที่พระองค์ทรงสั่งสมบารมีจนได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งแรกว่า “ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าพระองค์จักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งอย่างแน่นอน”-สำหรับระยะเวลาในการสั่งสมบารมีในช่วงนี้พระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มบารมีอีกถึง 16-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป
第三个阶段是菩萨积累波罗蜜以至首次从另一尊佛那获得授记:在未来,他必定能够证悟成佛。在这段积累波罗蜜的时间里,菩萨需要用16个阿僧祗大劫又10万大劫的时间。
ซึ่งในส่วนของพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์ทรงจัดอยู่ในประเภทพระวิริยาธิกพุทธเจ้า หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีพระวิริยะหรือมีความเพียรอันแก่กล้านั่นเอง
而弥勒佛属于精进者菩萨或是超级勤勉之佛的类型。
เมื่อเราได้ทราบถึงความแตกต่างของระยะเวลาในการสั่งสมบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละประเภทกันแล้วเราลองมาดูกันต่อไปว่า…ก่อนหน้าที่พระองค์จะทรงเริ่มตั้งความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์จะต้องประกอบเหตุหรือสั่งสมบุญกุศลอะไรมาก่อนหน้านี้หรือไม่จึงทำให้พระองค์ทรงมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการที่บุคคลใดจะมาถึง ณ จุดนี้ได้บุคคลคนนั้นจะต้องใช้เวลาในการสั่งสมบุญสร้างบารมีมาระดับหนึ่งก่อนเมื่อใดก็ตามที่กำลังบุญและกำลังบารมีมีความแก่กล้าเพียงพอแล้ว เมื่อนั้นดวงปัญญาที่จะคิดหาหนทางออกจากห้วงแห่งวัฏสงสารและความคิดที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะบังเกิดขึ้น
当我们了解到每一类型的佛陀在修波罗蜜的时间上都有所不同后,请大家再接着看下去……在佛陀立愿证悟成佛之前,需要触发什么样的因缘或是积累怎样的功德才能拥有如此宏大的想法,事实上,任何一个人走到了这一步,都会用时间来积累第一等的波罗蜜。不管何时,当积累的波罗蜜足够之后,都会想要寻求脱离六道轮回并证悟成佛的道路。
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถอยลงและเจริญขึ้นของอายุมนุษย์ ตอนที่ 3
关于人类寿命下降和增长所补充的资料。第三集:
เมื่อมนุษย์มีอายุสิบปีมนุษย์จะเกิดความอาฆาตอย่างแรงกล้าเหมือนนายพรานเนื้อเห็นเนื้อแล้วรีบวิ่งเข้าใส่ทันที เมื่อเข่นฆ่ากันมากเข้า จักมีสัตถันตรกัปเกิดขึ้นเจ็ดวันศัสตราวุธอันคมจักเกิดขึ้นในมือโดยอัตโนมัติแล้วจะเข่นฆ่ากันเองโดยสำคัญว่าเป็นเนื้อ ในครั้งนั้น…มนุษย์บางพวกมีความคิดว่า “พวกเราอย่าฆ่าใคร และใครก็อย่าฆ่าเราเลย”-จึงพากันหลบหนีเข้าป่าหญ้าสุมทุมพุ่มไม้ระหว่างเกาะหรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่เจ็ดวันจากนั้นจึงพากันออกจากป่าแล้วต่างสวมกอดกันด้วยความดีใจที่รู้ว่ามีเพื่อนร่วมโลกรอดชีวิตมาได้
当人类的寿命只有10年的时候,将会产生极其强烈的怨恨,犹如肉食者看到肉一样马上扑过去,当屠杀过重后,为期7日的刀兵灾阶段就会诞生,那时,锋利的武器将会自动地出现在人类的手中,自相杀害,认为对方是砧板上的肉而进行杀戮,到了那时候,一部分人就会出现这样的想法:我们不要去杀谁,其他人也不要来杀我。然后就相继逃到岛屿或是山缝的灌木丛中,在往后的7天里,以树茎和水果为食。7天之后才相继地从树林中走出来,因有感于能够和朋友幸存于世,都各自高兴地相互拥抱。
หลังจากนั้น ทุกคนก็มาปรึกษากันว่า “ที่พวกเราประสบทุกข์ใหญ่หลวง เพราะประพฤติอกุศลกรรมอย่ากระนั้นเลย…เราควรทำกุศล เราควรงดเว้นปาณาติบาต”-เมื่อทุกคนพร้อมใจกันเลิกฆ่า บุตรของมนุษย์ที่มีอายุสิบปีก็จะมีอายุเจริญขึ้นถึงยี่สิบปี
之后,所有的人就聚在一起商议:我们之所以会遭受如此巨大的苦难,是因为造恶业,我们不要再那样做了,我们应该要行善,我们应该要远离恶业。当所有人齐心放下屠刀之后,人类所生孩子的寿命就从10岁上升到了20岁。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 58
“การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (6)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第五十八集
“佛陀的诞生异常艰难(六)”
梦中梦幼稚园编辑
ดังนั้นการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากอย่างยิ่งนอกจากพระพุทธองค์จะทรงนำตัวของพระองค์เองให้พ้นจากห้วงแห่งทุกข์แล้วพระองค์ยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากกองทุกข์ไปสู่ฟากฝั่งแห่งพระนิพพานพร้อมๆกันกับพระองค์อีกด้วย
所以,每一位佛陀的诞生都是异常艰难的,佛陀除了带领自己脱离苦难之圈外,还对众生有着带领他们脱离苦难,进入涅槃的恩德。
ซึ่งแต่เดิมนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ก็เคยเกิดเป็นคนธรรมดาสามัญที่ไม่รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์เพราะในหลายๆชาติ…พระองค์ก็ทรงเคยดำเนินชีวิตด้วยความประมาทเหมือนดังเช่นคนธรรมดาทั่วไป กล่าวคือ เคยทำดีบ้าง เคยทำชั่วบ้าง ปะปนคละเคล้ากันไปอีกทั้งพระองค์ยังถูกความทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ และตายครอบงำอยู่เรื่อยมาทุกภพทุกชาติ
但在之前,每一个佛陀也曾经是个凡人,不懂得生而为人的真正目标,在好几世中,佛陀也和所有的普通人一样放逸地生活着,即有时会做好事,有时也会做下错事,就这样时为善,时作恶地交错着。另一方面,所有的佛陀也一直遭受着生,老,病,死的困扰。
เมื่อละจากโลกแล้ว พระองค์ (หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัยที่พระองค์ทรงเกิดเป็นคนธรรมดาสามัญที่ไม่รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์)-ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพสามหรืออยู่ในคุกแห่งความทุกข์เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากๆเรียกได้ว่า…มากเสียจนไม่ทราบว่าชาติแรกเริ่มต้นจากตรงไหนและชาติสุดท้ายจะไปสิ้นสุดลงเมื่อใด
离世之后,佛陀(指的是佛陀还是普通人,还没有懂得生而为人的真正目的的时期)就必须在3界之内轮回转世,或是说长期处于痛苦的牢笼里,时间长到都已经不知道是从哪一辈子开始,也不知道将在哪一世结束。
ในบางชาติที่พระองค์เผลอไปทำกรรมชั่วหรือทำบาปอกุศลกรรมวิบากกรรมเหล่านั้นก็ส่งผลทำให้พระองค์ต้องพลัดไปเกิดอยู่ในอบายหรือไปเกิดอยู่ในทุคติภูมิ เช่น ในบางครั้งก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือไปรับกรรมเป็นสัตว์นรกเป็นเปรตเป็นอสุรกายวนเวียนอยู่อย่างนี้ ซ้ำๆมาหลายภพหลายชาติ
在有些世中,佛陀也会因大意而做下错事或是造下恶业,而那些恶业也回向给佛陀,让佛陀投生到邪道或是恶道。比如有好几世的时候,佛陀也要投生成为牲畜或是接受恶报投生为地狱动物,饿鬼,阿修罗。
ถ้าหากจะให้อุปมาเปรียบเทียบระยะเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จะต้องเวียนว่ายตายเกิดและต้องประสบกับความทุกข์ต่างๆ ทั้งความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากของที่รักหรือความทุกข์ที่เกิดจากการประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ หรือความทุกข์จากการเกิด แก่เจ็บ และตายสามารถกล่าวได้เลยว่า…น้ำตาที่ต้องรินไหลเพราะความทุกข์ในแต่ละชาตินั้นหากนำมารวมกันแล้ว ยังมีปริมาณที่มากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ส่วนกองของเถ้ากระดูกในแต่ละชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์ หากนำมารวมกันแล้วยังมีขนาดที่ใหญ่กว่าขุนเขาใดๆบนโลกเสียอีก
如果要对比每一位佛陀需要转世或是经受各种痛苦的时间,包括源于与心爱之物分离或是遇到了不喜之物,抑或是生老病死的痛苦,可以说是….因每一世遭受痛苦而留下的泪水,汇集起来比四大海之水都要多,堆积起来的骨灰比这世界上的任何一座山都要大。
ภายหลังจากที่พระองค์ได้เวียนตายเวียนเกิดจนได้สั่งสมประสบการณ์ และพบกับความทุกข์มานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว ก็จะมีอยู่พระชาติหนึ่งที่พระองค์ทรงเกิดจิตสำนึกลึกๆและพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า “ที่แท้แล้ว…วัฏสงสารที่เราเวียนตายเวียนเกิดอยู่นี้ก็คือคุกใบใหญ่ตัวเราและสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างก็ถูกจับขังให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนี้ไม่รู้จักจบสิ้น ฉะนั้นแล้ว…เราจะต้องหาทางพาตัวเองออกไปจากคุกนี้ให้ได้”
后来,当佛陀在轮回中积累下经验和经受过无可估量的苦难后,在其中的一世里,佛陀深思并顿悟到:事实上,六道轮回就是一个大型的牢笼,我和众生都被抓来囚禁在此处,永不终止地在六道中进行轮回。所以,我必须要找到让自己能脱离这个牢笼的出路。
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถอยลงและเจริญขึ้นของอายุมนุษย์ ตอนที่ 4
关于人类寿命下降和增长所补充的资料。第四集:
มนุษย์เริ่มเห็นคุณค่าของการไม่ฆ่า จึงเริ่มสมาทานกุศลกรรมบถครบทั้ง 10-ข้อ ตามลำดับ ทำให้ลูกที่เกิดมาใหม่มีอายุยืนขึ้นถึง 40-ปี 80-ปี 160-ปี 320-ปี 640-ปี จักเจริญขึ้นเรื่อยไปถึงแปดหมื่นปีเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี เด็กหญิงมีอายุห้าร้อยปี จึงจักสมควรมีสามีได้โลกในยุคนั้นจึงรุ่งเรืองและร่มเย็นด้วยคนมีศีลมีธรรม เพราะทุกคนประพฤติกุศลกรรมบถจะเห็นได้ว่า…โลกจะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง เพราะการประพฤติกุศลและอกุศลของมนุษย์นั่นเอง อีกทั้งมนุษย์จะมีอายุเพิ่มขึ้นหรือลดลงเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของกิเลสในยุคนั้นๆ
当人类开始看到不杀生的好处之后,就开始循序渐进地遵循10善行,这一举动使得新生儿的寿命都延长至40岁,80岁,160岁,320岁,640岁,及至八万岁。当人类的寿命长达8万年时,女孩500岁时才能有丈夫。在那个时期的世界,因为众人持守戒律,遵循善行而呈现出一片繁荣兴盛,安居乐业的景象。我们从中可以看出,世界的兴盛或是衰落,取决于人类是行善还是为恶。另外,人类寿命的增长或快速下降,抑或缓慢下降,取决于那个时期人类烦恼的深厚程度。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 59
“การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (7)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第五十九集
“佛陀的诞生异常艰难(七)”
梦中梦幼稚园编辑
ภายหลังจากที่พระองค์ (หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัยที่พระองค์ทรงเกิดเป็นคนธรรมดาสามัญที่เริ่มจะรู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์)-เกิดความคิดที่จะออกจากคุกแห่งวัฏสงสารแล้วพระองค์ยังมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยการตั้งความปรารถนาเพิ่มเติมอีกว่า “หากวันใดที่เราแหกคุกแห่งวัฏสงสารนี้ไปได้เราจะไม่ไปเพียงลำพัง แต่เราจะขนสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ในวัฏสงสาร ออกไปด้วยกันทั้งหมด”
后来,当佛陀(指的是佛陀还是普通人,刚开始懂得生而为人的真正目的的时期)萌生了脱离六道轮回囚笼的想法后,佛陀也对众生产生了巨大的慈悲,因而又再次发愿:如果有一天我能够脱离六道轮回的牢笼,我绝不独自离去,我将把所有在六道轮回中一起受难的众生带离出去。
ด้วยความที่พระองค์มีความคิดที่จะพาตัวเองและสรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากคุกแห่งวัฏสงสารจึงกล่าวได้ว่า…พระองค์ถือเป็นบุคคลที่พิเศษกว่าบุคคลธรรมดาทั่วไปกล่าวคือ…เป็นสุดยอดของสุดยอดของสุดยอดคน หรือ Ultra-Super-Absolutely-Perfect-Man-เพราะผู้ที่จะมีความคิดอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งและมีน้ำใจต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายแบบไม่มีประมาณ
因为佛陀有着带领自己和众生一起脱离六道轮回之囚笼的宏伟愿望,因此才可以称得上是比普通人更特殊,即是说,是最棒最棒的人,或英语中所说的Ultra-Super-Absolutely-Perfect-Man-,因为有如此宏大愿望的人,必定是有着坚定信念和对众生有着无量慈悲的人。
จากจุดเริ่มต้นนี้เองพระองค์จึงได้เริ่มสั่งสมบุญสร้างบารมีมากขึ้น มากขึ้น…และมากขึ้นกว่าในภพชาติที่ผ่านๆมา ในบางครั้งพระองค์ก็ได้ลองผิดลองถูกเพื่อหาวิธีในการดับทุกข์เรื่อยมา จนสุดท้าย…เมื่อบารมีเริ่มแก่กล้าพระองค์จึงได้พบกับวิธีดับทุกข์ที่ถูกต้องในที่สุด
从这时起,佛陀才开始积累功德,修更多的波罗蜜,比过去的波罗蜜更多。有些时候,佛陀为了寻找消除痛苦的方法也做出了各种尝试,直到最后,当佛陀积累到足够的波罗蜜后,他才找到了消除痛苦的正确方法。
เมื่อพระองค์ได้พบกับวิธีดับทุกข์ที่ถูกต้องแล้วพระองค์ก็ได้สั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างยิ่งยวด และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันนับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา กล่าวคือ ทั้งสละทรัพย์ สละเลือด สละเนื้อ สละอวัยวะและสละชีวิต ด้วยความเพียรพยายามอย่างเต็มที่เต็มกำลังจวบจนกระทั่งถึงวันที่บารมีเต็มเปี่ยมบริบูรณ์พระองค์จึงได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภพชาติสุดท้ายในที่สุด
当佛陀找到了消除痛苦的正确方法之后,就能快速地积累波罗蜜,也是从那时起,佛陀开始拿生命作为赌注,即是:舍弃钱财,舍弃血液,舍弃肌肉,舍弃器官和生命,全力以赴地去精进修行,直至功德圆满之日,佛陀才在最后一世证悟成佛。
นี้คือบทสรุปของเรื่องราวตั้งแต่ช่วงที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวคือตั้งแต่ในภพชาติแรกที่ทรงตั้งความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วทรงมุ่งหน้าสร้างบารมีเรื่อยมาจนกระทั่งถึงพระชาติสุดท้ายที่ได้มาตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดั่งที่พระองค์ทรงได้ตั้งความปรารถนาเอาไว้
这是立愿成佛之始的总结即是从佛陀开始发愿证悟成佛的那一世起,佛陀一直一心修波罗蜜,直到最后一世终能如愿地证悟成佛。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 60
“พระโพธิสัตว์ และ พระบรมโพธิสัตว์”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十集
“菩萨和至高菩萨”
梦中梦幼稚园编辑
ดังนั้นบุคคลใดก็ตามที่มีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่เฉกเช่นเดียวกันกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีหัวใจอันเด็ดเดี่ยวมั่นคง มีความเพียรพยายามและมีความอดทนอดกลั้นไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง แม้จะต้องแลกมาด้วยชีวิตบุคคลผู้นั้นก็จะได้ “เนมิตกนาม”-ซึ่งถือเป็นนามที่เกิดขึ้นจากคุณธรรมของบุคคลผู้นั้นว่า “พระโพธิสัตว์”
所以,无论是谁,如果他有着和佛陀一样的宏愿并拥有一颗坚定不移的心,能够努力修行,坚忍不拔,在所有艰难险阻面前毫不动摇,即使是以生命作为交换也在所不惜的话,那个人将荣获“菩萨(Phra Bodhisatta) ”的尊号,这都是来自于他的品德。
สำหรับคำว่า “พระโพธิสัตว์” ประกอบขึ้นจากคำสามคำ คือ
至于“菩萨(Phra Bodhisatta)”这个尊号是由3个词组成的。
พระ แปลว่า ผู้ประเสริฐ“Phra”意为卓越之人。
โพธิ แปลว่า การตรัสรู้ “Bodhi”意为明白。
สัตว์ หมายถึงสัตว์โลกทั้งหลาย“satta”意为所有众生。
ดังนั้นเมื่อเรานำคำทั้งสามคำมารวมกัน จึงกลายเป็นคำว่า “พระโพธิสัตว์”-ซึ่งหมายถึงบุคคลผู้ที่มีหัวใจอันประเสริฐและมีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ โดยมุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อที่จะได้รื้อสัตว์ขนสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ภัยในวัฏสงสารไปพร้อมๆกัน
所以,当我们把这三个词组成起来,就变成为“菩萨”,意指有卓越高尚之心和宏伟愿望的人为了带领众生一起脱离轮回之苦而誓愿证悟成佛。
บุคคลที่มีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ (กล่าวคือมีความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต)-เมื่อสั่งสมบารมียังไม่แก่รอบหรือยังไม่มากพอเราก็จะเรียกแบบปกติทั่วไปว่า “พระโพธิสัตว์”-แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่บารมีเริ่มแก่กล้า (กล่าวคือมีกำลังบารมีใกล้ที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)-เราก็จะเรียกพระโพธิสัตว์ท่านนั้นว่า “พระบรมโพธิสัตว์”
有着如此宏愿之人(即有着成佛之愿),当他积累的波罗蜜还未圆满或还没足够时,我们一般称其为“菩萨”,但他一旦积累足够的波罗蜜(即拥有接近证成佛陀的波罗蜜力量)我们就称这位菩萨为“至高菩萨”。
จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดพระโพธิสัตว์จึงถือเป็นบุคคลผู้ที่มีจิตใจยิ่งใหญ่มหาศาลเกินเปรียบเพราะในระหว่างที่พระโพธิสัตว์กำลังเริ่มสั่งสมบารมีอยู่นั้นตัวของท่านเองก็ยังไม่รู้หนทางที่จะออกจากทุกข์ว่าจะต้องทำอย่างไรและจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานขนาดไหน แต่ท่านรู้แค่เพียงว่า “ในสักวันหนึ่งท่านจะต้องออกจากคุกแห่งวัฏสงสารไปให้ได้ เมื่อออกจากคุกแห่งวัฏสงสารนี้ได้แล้วท่านจะขอเป็นผู้นำที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งทุกข์ไปพร้อมๆกับท่านให้จงได้”
因为前面所提到的事情,菩萨才被认为是有着无以伦比之雄心壮志的人。因为在菩萨刚刚开始积累波罗蜜的时候,他自己也不知道脱离痛苦的道路,不知道要怎么做和要花费多少时间才能够脱离痛苦,他只知道总有一天他会脱离六道轮回之囚笼。当能够脱离这个牢笼之后,他就自荐为带领众生脱离困难之圈的引领人。
ด้วยความที่พระโพธิสัตว์เป็นบุคคลผู้ที่มีจิตใจยิ่งใหญ่มหาศาลเกินเปรียบนี้เองจึงได้มีผู้อุปมาเปรียบเทียบมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์เอาไว้ว่า “หากแม้ว่าจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้จะเต็มไปด้วยป่าไผ่ที่มีเรียวหนามอันแหลมคมซึ่งมีระยะทางไกลถึงหนึ่งล้านสองแสนสามหมื่นสี่ร้อยห้าสิบโยชน์พระโพธิสัตว์ก็จะมุ่งหน้าเหยียบย่ำบุกฝ่าขวากหนามอันแหลมคมด้วยเท้าเปล่าจนไปถึงที่สุดของปลายทาง”
因为菩萨有着无以伦比的雄心,因而有人把菩萨的宏伟意愿作了一个比喻:如果尖刺的竹林充斥广阔的宇宙,而这片竹林长达一百二十三万四百五十由旬,但菩萨也会光着脚踩着这些尖刺奔赴至终点。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า
ตอนที่ 61 “อัธยาศัยของพระโพธิสัตว์”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十一集
“菩萨的志向”
梦中梦幼稚园编辑
ด้วยความที่พระโพธิสัตว์เป็นผู้ที่มีหัวใจอันเด็ดเดี่ยวมั่นคง มีความเพียรพยายามและมีความอดทนอดกลั้นไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง แม้จะต้องแลกมาด้วยชีวิตจึงได้มีผู้อุปมาเปรียบเทียบหัวใจอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์เอาไว้ดังนี้ว่า “หากแม้ว่าจักรวาลอันกว้างใหญ่สุดประมาณนี้จะมีถ่านเพลิงร้อนระอุอยู่เต็มไปหมดทั่วทั้งจักรวาลพระโพธิสัตว์ก็จะมุ่งหน้าเดินลุยถ่านเพลิงที่ร้อนระอุด้วยเท้าเปล่าไปจนสุดหมื่นจักรวาล”
因为佛陀拥有一颗坚定不移的心,能够努力修行,坚忍不拔,在所有艰难险阻面前毫不动摇,即使是以生命作为交换也在所不惜。所以,才会有人把菩萨的雄心比喻为:即使广阔无垠的宇宙中充满了燃烧着的火炭,菩萨也会光着脚踩着炽热的火炭勇往向前,及至宇宙尽头。
“หรือหากแม้ว่าจักรวาลอันกว้างใหญ่สุดประมาณนี้จะเต็มไปด้วยภูเขาเหล็กที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งตามพื้นดินระหว่างซอกของภูเขานั้นยังเต็มไปด้วยน้ำทองแดงร้อนที่หลอมละลายอยู่ทั่วทุกพื้นที่พระโพธิสัตว์ก็จะมุ่งหน้าแหวกว่ายผ่านน้ำทองแดงอันร้อนแรงนั้นด้วยกำลังแขนทั้งสองของตนเองไปจนสุดหมื่นจักรวาล”
或是即使广阔无垠的宇宙充满了一直冒着火舌的铁山,而且在山的缝隙中到处充斥着岩浆,但菩萨还是会以自己的双手游过这些炽热的岩浆,直至到达宇宙尽头。
ตัวอย่างถ้อยคำอุปมาอุปมัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่าหัวใจของพระโพธิสัตว์ยิ่งใหญ่มหาศาลเกินกว่าที่บุคคลทั่วไปจะมาเปรียบได้เพราะแม้ท่านจะเจอกับอุปสรรคที่หนักหนายิ่งด้วยชีวิตแต่ท่านก็ยอมที่จะเอาชีวิตของตนเองเข้าแลก
这里所讲到的比喻展现了菩萨无人能比的坚强心,即使在生命中遇到再大的困难,菩萨也会全力以赴。
ถึงแม้พระโพธิสัตว์จะมิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของท่าน จะสำเร็จลงเมื่อใด แต่ถึงกระนั้นท่านก็ไม่เคยที่จะท้อแท้ท้อถอย มีแต่จะมุ่งหน้าสั่งสมบุญสร้างบารมีเรื่อยไปจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ…การได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
尽管佛陀不能够预知自己证悟成佛的愿望什么时候才能达成,但即使是这样,菩萨还是一直没有气馁,有的只是不停地积累功德和修波罗蜜,及至到达目的地,即在未来证成佛陀。
และด้วยเหตุที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยวมั่นคงและมีความอดทนอดกลั้น จึงทำให้ในบางชาติแม้ท่านจะพลาดพลั้งไปถือกำเนิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานแต่ท่านก็จะได้ไปเกิดเป็นผู้นำในการทำความดีและเป็นสัตว์ที่ไม่คิดที่จะเบียดเบียนใคร ประมาณว่า…หากท่านพลัดไปเกิดเป็นราชสีห์ก็จะเป็นราชสีห์ที่ใจดี ไม่ยอมกินเนื้อของสัตว์อื่น
因为菩萨以坚忍和坚定不移之心来修波罗蜜,就使得在有些世的时候,尽管菩萨也因犯错而投生为牲畜,但菩萨还是能重新投胎为行善的领航人,即使是在生为动物之时,他也不想着去伤害谁。如果菩萨投生为狮子,也是个心地善良的狮子,不会想着去吃其他动物的肉。
หรือแม้ในบางชาติที่พระโพธิสัตว์ได้ไปบังเกิดเป็นมนุษย์ที่มีฐานะยากจนหรือเกิดเป็นคนเข็ญใจ แต่ท่านก็ไม่เคยน้อยใจหรือคิดท้อแท้ท้อถอยในโชคชะตาของชีวิตซ้ำยังกลับนำวิกฤตมาเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ท่านได้สั่งสมบุญสร้างบารมีกันอย่างเต็มที่ แบบไม่รู้เบื่อไม่รู้หน่าย
即使菩萨有时会出生为一个贫苦之人,但他不仅没有感到委屈或是屈服于命运。反而会把危机当做一种动力,让他能够不知厌倦,不知疲劳地积累波罗蜜。
หรือแม้ในบางครั้งจะมีมารหรือคนพาลมาคอยขัดขวางหรือกลั่นแกล้งเพื่อให้พระโพธิสัตว์เลิกสร้างบารมีด้วยวิธีการต่างๆนานา แต่ด้วยอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันของท่านจึงทำให้ท่านไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคหรือสิ่งต่างๆที่มากระทบ อีกทั้งยังคงมุ่งมั่นในการสั่งสมบุญสร้างบารมีต่อไปอย่างไม่หวั่นไหว
尽管有时候会有坏人企图让菩萨放弃修波罗蜜而用各种各样的方法来阻挠或刁难,但由于菩萨拿生命作赌注去修波罗蜜,使得他在面对各种艰难险阻的时候都不曾气馁,还是矢志不移地积累波罗蜜。
และด้วยความที่พระโพธิสัตว์เป็นผู้ที่มีหัวใจรักในการสร้างบารมีอย่างไม่มีประมาณนี้เอง เราจึงสามารถสรุปอัธยาศัย รักในการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ได้หกประการ ดังต่อไปนี้ คือ
菩萨对修波罗蜜的喜爱无可估量,我们可以把菩萨对修波罗蜜的志向总结为如下6种。
อัธยาศัยข้อที่ 1.เรียกว่า“เนกขัมมัชฌาสัย”
第一种志向称为“出离之习性(Nekkhammjjhāsaya)”
หมายถึงพระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยน้อมไปในการบรรพชา หรือมีความคิดที่จะออกบวช ในทุกๆชาติเพราะโดยปกติ พระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่เห็นโทษภัยของกามและมีความรักในเพศบรรพชิตเป็นอย่างยิ่ง
指的是菩萨有出家为僧的习性,或意愿生生世世都要出家为僧,因为菩萨看出色欲中所存在的风险并异常热衷于出家生活。
อัธยาศัยข้อที่ 2. เรียกว่า“วิเวกัชฌาสัย”
第二种志向称为“清净之习性”
หมายถึงพระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยชอบอยู่ในที่เงียบสงัด มีความสงบวิเวกและชอบอยู่เพียงลำพังคนเดียวไม่ชอบคลุกคลีด้วยหมู่สถานที่ใดเป็นสถานที่ที่เงียบสงบปราศจากความวุ่นวาย และเสียงอึกทึกครึกโครมพระโพธิสัตว์ย่อมมีความพึงพอใจในสถานที่นั้นยิ่งนัก เพราะโดยปกติพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่เห็นโทษภัยของการคลุกคลีด้วยหมู่คณะท่านจึงมีความยินดีในที่นั่งที่นอนอันสงัดเหมาะสมต่อการทำใจให้สงบ
指的是菩萨喜欢安静,有宁静之心,喜独处,不喜嘈杂的场面,如果哪个地方安静不喧嚣,没有吵闹的声音,那么菩萨必定会非常满意那个地方。因为菩萨看出嘈杂的风险,所以,菩萨才会欢喜适于心静的清净场地。
อัธยาศัยข้อที่ 3.เรียกว่า“อโลภัชฌาสัย”
第三个志向称为“无贪之习性(Alobhajjhāsaya”
หมายถึงพระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยพอใจในการบริจาคทานเป็นชีวิตจิตใจหากมีช่องทางใดที่จะทำให้ท่านบริจาคทานได้ ท่านก็จะทำทานอย่างเต็มที่เต็มกำลังนอกจากพระโพธิสัตว์จะชอบการบริจาคทานแล้วท่านยังยินดีที่จะคบหากับบุคคลผู้ปราศจากความโลภและไม่มีความตระหนี่เป็นยิ่งนัก
指的是菩萨乐于布施,如果有什么渠道可以让他布施出去,他就会全力地布施。菩萨除了喜欢布施之外,还喜欢结交没有贪欲,不吝啬的朋友。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 62
“อัธยาศัยของพระโพธิสัตว์ (2)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十二集
“ 菩萨的志向(二)”
梦中梦幼稚园编辑
อัธยาศัยข้อที่ 4.เรียกว่า“อโทสัชฌาสัย”
第四个志愿称为“无嗔之习性(Adosajjhāsaya)”
หมายถึงพระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยเป็นผู้ไม่มักโกรธ และจะพยายามหักห้ามความโกรธอยู่ตลอดเวลาเพราะโดยปกติพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีความปรารถนาอยากจะให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากทุกข์ภัยในวัฏสงสาร ด้วยเหตุนี้ท่านจึงหมั่นเจริญเมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา
指的是菩萨有意愿成为不犯嗔怒,能够永远止住怒火之人,因为菩萨有着让众生脱离轮回之苦的愿望,所以菩萨才会一直发慈悲心给予一切众生。
อัธยาศัยข้อที่ 5.เรียกว่า“อโมหัชฌาสัย”
第五个志愿称为“无痴之习性(Amohajjhāsaya)”
หมายถึงพระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยพอใจในการทำลายโมหะ ด้วยการบำเพ็ญภาวนา เพื่อให้เกิดดวงปัญญาในการพิจารณาเห็นบาปบุญคุณ และโทษเป็นไปตามความเป็นจริง อีกทั้งพระโพธิสัตว์ยังพอใจในการคบหาบัณฑิตหรือกัลยาณมิตรเพื่อที่ท่านจะได้เพิ่มพูนสติปัญญาให้งอกงามยิ่งๆขึ้นไป
指的是菩萨希望通过修行破除痴迷,希冀生出智慧以便能如实地看清善恶是非。另外,菩萨还喜欢结交贤人或是善知识,以便能增长智慧。
อัธยาศัยข้อที่ 6.เรียกว่า“นิสสรณัชฌาสัย”
第六个志愿称为“解脱之习性(Nissaranajjhāsaya)”
หมายถึงพระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยพอใจที่จะยกตนเองออกจากภพกล่าวคือ…ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพสามและมีความปรารถนาที่จะออกจากคุกแห่งวัฏสงสารอันเป็นทุกข์ เพราะโดยปกติพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสารและยังมีจิตที่มุ่งตรงสู่หนทางแห่งพระนิพพานเพียงอย่างเดียว
指的是菩萨希望能够脱离这个世界,即是说:菩萨不乐意于在三界中轮回,有意脱离痛苦的轮回,因为菩萨看到轮回的所存在风险并一心想要进入涅槃。
สำหรับอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีทั้งหกประการนี้ถือเป็นลักษณะนิสัยโดยปกติของพระโพธิสัตว์ที่ยอดนักสร้างบารมีทุกๆคนควรจะมีเพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้ตัวเราเผลอไปทำบาปอกุศลกรรมในระหว่างเส้นทางแห่งการสร้างบารมีซึ่งอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีทั้งหกประการนี้ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครได้ง่ายๆเพราะการที่พระโพธิสัตว์จะมีลักษณะนิสัยเช่นนี้จนเป็นปกติท่านจะต้องผ่านการสั่งสมบุญสร้างบารมีไปพร้อมๆกับการแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
至于6种热爱修波罗蜜的习性,这是菩萨的一般性格特点,爱修波罗蜜者也应该要有这些性格特点,因为这些性格是让我们在修波罗蜜的路上,不犯错造业的防御武器,这6项热爱修波罗蜜的意愿,并不是谁都能很容易就拥有的,菩萨之所以能拥有这些性格特征,是通过积累了无数世的波罗蜜并克服了自己的性格缺陷才能够拥有的。
อีกทั้งไม่ว่าพระโพธิสัตว์จะถือกำเนิดอยู่ในสภาวะใดก็ตามกล่าวคือ…จะเกิดเป็นคนหรือจะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานท่านก็ยังคงมุ่งมันที่จะพัฒนานิสัยของตนเองจนกว่าตัวท่านจะมีอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีทั้งหกประการติดเข้าไปในใจ เพราะฉะนั้นบุคคลใดก็ตามที่มีอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีทั้งหกประการนี้บุคคลคนนั้นย่อมได้ชื่อว่า…เป็นพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งตรงต่อหนทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
另外,不管菩萨处于什么样的境遇,即不管是投生为人还是动物,菩萨还是一如既往地培养自己的性情,直至拥有这六项热爱修波罗蜜的品德,所以,不管谁都好,只要那个人拥有这六项热爱修波罗蜜的品德,那么那个人必定能够获得这样的名声:一个一心要证悟成佛的菩萨。
เมื่อใดก็ตามที่พระโพธิสัตว์ได้ตั้งความปรารถนาที่จะออกจากคุกแห่งวัฏสงสารและอาสาที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากคุกแห่งวัฏสงสารไปด้วยกันท่านก็จะมุ่งหน้าสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลังและทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอดทุกภพทุกชาติที่ตัวท่านได้ถือกำเนิดมา
无论何时,当菩萨发愿让自己脱离六道轮回的囚笼并带领众生一起脱离轮回的囚笼后,菩萨就矢志不移地全力去修波罗蜜,并在自己轮回的每一世中都以生命为赌注地去修波罗蜜。
แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีเพื่อที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีอย่างน้อยถึง 20-อสงไขยกับอีกแสนมหากัปจึงไม่แน่เสมอไปว่า…
พระโพธิสัตว์หรือบุคคลที่ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมีกำลังใจและมีความอดทนเพียงพอที่จะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ…การได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กันทุกคนหรือไม่
但尽管是这样,为了证悟成佛,菩萨至少也要用20阿僧祗劫又10万大劫的时间来积累波罗蜜。因此,我们才不能确定菩萨或是那个立愿证悟成佛的人是否有足够的信心和毅力走到终点,即是:不知是否每一个发愿成佛的人都能证悟成佛。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 63
“อนิยตโพธิสัตว์ และ นิยตโพธิสัตว์”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十三集
“真菩萨和假菩萨”
梦中梦幼稚园编辑
เนื่องจากเส้นทางในการสร้างบารมีเพื่อที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากและมีอุปสรรคนานัปการผู้ที่จะเดินทางไปถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุดนี้ได้จะต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจด้วยความเพียรพยายามและความอดทนอย่างแรงกล้าด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มีพระโพธิสัตว์หลายๆท่านเกิดอาการถอดใจที่จะเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายอันสูงสุดนั่นก็คือ…การได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
由于修波罗蜜证悟成佛的道路上有着无数的艰难险阻,因此,想要到达终点的人必须要有大决心,大毅力。而这也使得好几位菩萨对奔赴到终点——证成佛陀,产生了气馁之心。
ยกตัวอย่าง เช่นมีพระโพธิสัตว์บางท่าน ซึ่งในช่วงเริ่มต้นท่านก็ได้ตั้งความปรารถนาอยากที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งแต่ต่อมาภายหลัง ท่านก็เกิดอาการถอดใจเพราะระยะเวลาในการสั่งสมบารมีเพื่อที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมันช่างยาวนานเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงล้มเลิกความคิดที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วกลับตั้งความปรารถนาเป็นพระอรหันตสาวกเข้ามาแทนที่ หลังจากนั้นเป็นต้นมาท่านก็ได้สั่งสมบุญสร้างบารมีเพื่อที่จะได้เป็นอรหันตสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
举个例子:比如有一些菩萨,在刚开始的时候也发愿要证悟成佛,但在后来就气馁了,因为积累波罗蜜所需的时间实在是太过漫长,所以,那些菩萨就放弃了证悟成佛的想法,转而发愿为证悟成阿罗汉。在此之后,那些菩萨就开始为在未来能成为追随佛陀的其中一位阿罗汉而积累波罗蜜。
ด้วยความที่เส้นทางในการสร้างบารมีเพื่อที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นไปด้วยความยากลำบากและมีอุปสรรคนานัปการนี้เองจึงเป็นเสมือนบททดสอบความมุ่งมั่นตั้งใจ ความเพียรพยายามและความอดทนของพระโพธิสัตว์ผู้ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตว่า “ใครมีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีความเพียรพยายาม และความอดทนมากน้อยแค่ไหน”
因为在证悟成佛的道路上充满了种种的艰难和险阻,而这些艰难险阻就仿佛成了考验那些菩萨和发愿在未来证悟成佛之人的决心,毅力和坚忍的试金石:看谁有多大的决心和毅力。
ถ้าหากพระโพธิสัตว์ท่านใดมีความมุ่งมั่นตั้งใจด้วยความเพียรพยายามและความอดทนจนสามารถสั่งสมบารมีได้ครบถ้วนทุกประการ พระโพธิสัตว์ท่านนั้น ก็จะได้รับการยืนยันหรือได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งว่า…ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าท่านจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมดังความปรารถนาอย่างแน่นอน
如果有哪位菩萨拥有圆满积累各种波罗蜜的决心和毅力,那么那位菩萨将会得到一位佛陀的确认或授记:在未来,那位菩萨一定能如愿证悟成佛。
แต่ถ้าพระโพธิสัตว์ท่านใดมีความมุ่งมั่นตั้งใจด้วยความเพียรพยายามและความอดทน ยังไม่ถึงที่สุดพระโพธิสัตว์ท่านนั้นก็จะยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและท่านจะต้องฝึกฝนอบรมตนเองให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจด้วยความเพียรพยายามและความอดทนให้มากยิ่งๆขึ้นไปกว่าเดิมอีก
但如果哪位菩萨的决心和毅力还没有达到极致,那么那个菩萨就还不会得到佛陀的授记,那个菩萨就要对自己进行磨练,好让自己能够拥有比之前更加强大的决心和毅力。
เพราะถ้าพระโพธิสัตว์ท่านใดยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ท่านนั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เพราะฉะนั้นพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ จึงต้องเร่งสั่งสมบุญสร้างบารมีกันต่อไปจนกว่าถึงวันที่ท่านจะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต
如果哪位菩萨还没有得到佛陀的授记,那即是说那位菩萨不一定能在未来证悟成佛。所以,还没有得到佛陀授记的菩萨要赶紧去积累波罗蜜,及至能在以后得到能够证悟成佛的授记。
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เองจึงสามารถแบ่งระดับความเข้มข้นในการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ออกเป็นสองประเภทได้แก่
因为上面所讲述到的原因,我们就可把修波罗蜜的菩萨严格地分为两种。
ประเภทแรกอนิยตโพธิสัตว์หมายถึงพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเลยเพราะความเข้มข้นในการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ประเภทนี้ยังไม่ถึงระดับที่จะได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
第一种为非定菩萨,指的是还没有从佛陀那里得到授记的菩萨,因为这类菩萨所修的波罗蜜还没有达到获得佛陀授记的程度。
ดังนั้นพระโพธิสัตว์ที่ยังเป็นประเภทอนิยตโพธิสัตว์จึงยังไม่แน่ว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตหรือไม่ถึงแม้ท่านจะมีน้ำใจอันเด็ดเดี่ยว และสั่งสมบารมีมาหลายอสงไขยแล้วก็ตามแต่ท่านก็เป็นได้เพียงแค่ผู้ที่มีความตั้งใจที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเท่านั้นกล่าวคือ มีความตั้งใจดี แต่ยังไม่แน่ว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่
所以,还属于非定菩萨的菩萨不一定能在未来证悟成佛,尽管那位菩萨拥有坚定的信念并已经积累了好几阿僧祗的波罗蜜了,但他还仅仅是有决心积累波罗蜜证悟成佛之人,换句话说就是:有很好的决心,但不知是否在未来能够证悟成佛。
ประเภทที่สองนิยตโพธิสัตว์หมายถึงพระโพธิสัตว์ที่สั่งสมบารมีจนได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วพระโพธิสัตว์ท่านใดที่ได้ชื่อว่าเป็นนิยตโพธิสัตว์พระโพธิสัตว์ท่านนั้นจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน
第二种菩萨是定菩萨,指的是已经把波罗蜜积累到能够从佛陀那里得到授记的菩萨,哪位菩萨是授记菩萨的话,那么他在未来一定能够证悟成佛。
สำหรับพระโพธิสัตว์ที่เป็นนิยตโพธิสัตว์นั้นจะต้องเป็นผู้ที่เคยผ่านการสร้างมหาทานบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งมาก่อนเมื่อได้สร้างมหาทานบารมีแล้ว ก็ได้ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
对于是定菩萨的菩萨,就必须曾经和佛陀一起修过大波罗密,当修完那个大波罗密之后,就在那位佛陀尊前发愿在未来证悟成佛。
เมื่อได้ตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสร็จแล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะทรงตรวจตราดูผังแห่งความเป็นพระพุทธเจ้าด้วยอนาคตังสญาณอันบริสุทธิ์ของพระองค์ว่า…บุคคลผู้นี้จะมีกำลังบุญและกำลังบารมีเพียงพอที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตหรือไม่
在那位菩萨发愿证悟成佛之后,佛陀就会以纯净的佛识来查看成佛蓝图:看看这个人是否有足够的功德和波罗蜜在未来证悟成佛。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 64
“พุทธพยากรณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十四集
“佛陀的授记”
梦中梦幼稚园编辑
ครั้นพระพุทธองค์ทรงเห็นว่า บุคคลผู้นี้มีกำลังบุญและกำลังบารมีเพียงพอที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตแล้วพระองค์ก็จะทรงประทานพุทธพยากรณ์ หรือตรัสบอกเหตุการณ์ในอนาคตโดยละเอียด เช่นท่านผู้นี้จักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอะไร จะมีพุทธมารดา-พุทธบิดาพระนามว่าอะไร จะมีพระอัครสาวก พระอัครสาวิกา ชื่อว่าอะไรและจะต้องใช้ระยะเวลาจากนี้อีกนานเท่าไรจึงจะสมความปรารถนา เป็นต้น
当佛陀看出这个人有足够的功德和波罗蜜在未来证悟成佛之后,就赐下授记或是详细地述说未来之事,比如告诉这个人成佛之后的尊号是什么,父母名字是什么,追随者叫什么名字,还要多长时间才能达成所愿等等。
ด้วยคำพยากรณ์หรือพุทธพยากรณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้เองพระโพธิสัตว์ประเภทนิยตโพธิสัตว์จึงเป็นผู้ที่มีจิตใจอันแน่วแน่มั่นคง ตรงต่อหนทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกทั้งพุทธพยากรณ์ยังมีผลทำให้พระโพธิสัตว์ประเภทนิยตโพธิสัตว์มีความมุ่งมันตั้งใจที่จะประกอบความเพียรและมีความอดทนมากกว่าพระโพธิสัตว์ประเภทอนิยตโพธิสัตว์หรือพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มากกว่ามาก
因为佛陀的预言或是授记,定菩萨才能对成佛拥有坚定不移之心。另外,授记还促使定菩萨比非定菩萨或没有得到佛陀授记的菩萨拥有更大的毅力并更加精进修行。
เพราะพุทธพยากรณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นจะเป็นเสมือนเครื่องยืนยันและเป็นสิ่งที่สร้างกำลังใจอย่างยิ่งยวดให้กับพระโพธิสัตว์ท่านนั้นว่า “แม้หนทางต่อจากนี้จะยาวนานและลำบากสักแค่ไหน ท่านก็พร้อมที่จะหยัดสู้เพราะถึงอย่างไร ท่านก็จักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน”
因为佛陀的授记就好比是确认标志,并会给予那位菩萨最强大的信心:不管往后的路途多么的漫长和曲折,他都准备好奋斗到底。因为不管怎样,他都一定能够在未来证悟成佛。
สำหรับหนทางในการสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นพระโพธิสัตว์ทุกๆท่านจะต้องผ่านการสั่งสมบุญสร้างบารมีกันอย่างสุดกำลังและต้องทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันเกินกว่าที่คนทั่วไปจะทำได้และไม่ว่าพระโพธิสัตว์จะถือกำเนิดเป็นอะไรก็ตามท่านก็ยังคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการสั่งสมบุญสร้างบารมีอยู่ตลอดเวลาและไม่เคยมีความคิดที่จะละทิ้งการสร้างบารมีเลยแม้สักชาติเดียว
对于通过修波罗蜜以证悟成佛的诸位菩萨,必须尽最大的努力和以生命为赌注,做到常人所不能做到之事,不管菩萨投生为什么,他都要矢志不移地积累功德和修波罗蜜,永远不会有放弃修波罗蜜的念头。
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้การลงมาเกิดสร้างบารมีในแต่ละชาติของพระโพธิสัตว์จึงไม่สูญเปล่าเพราะพระโพธิสัตว์แต่ละท่านล้วนมีจุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิตที่มั่นคงและหนักแน่นเหมือนๆกันว่า “ในสักวันหนึ่งเราจักต้องเดินทางให้ถึงฝั่งแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้”
因为这样,才使得菩萨不会浪费任何一世修波罗蜜的时间,因为每一位菩萨都有着坚定和庄严的生活目标:总有一天我会登陆成佛之岸。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 65
“คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十五集
“菩萨的特殊品质”
梦中梦幼稚园编辑
นอกจากนี้เส้นทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพระโพธิสัตว์แต่ละท่านยังเป็นเส้นทางที่เปิด โอกาสให้เหล่าผู้มีบุญญาบารมีซึ่งมีอุดมการณ์คล้ายๆกับโพธิสัตว์ได้มาร่วมกันสร้างบารมีเพื่อที่จะหลุดพ้นออกจากคุกแห่งวัฏสงสารไปเป็นทีมอีกด้วย
除此之外,为了一起脱离轮回牢笼,这条成佛之路是公开给每位菩萨和想要修功德波罗蜜而解脱的众生。
ด้วยเหตุที่พระโพธิสัตว์เป็นผู้ที่มีเป้าหมายอันเด็ดเดี่ยวมั่นคงอีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีน้ำใจอันเต็มเปี่ยม และมีมหากรุณาอันหาที่เปรียบมิได้นี้เองจึงทำให้พระโพธิสัตว์มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวอยู่ 10-ประการด้วยกัน ซึ่งคุณสมบัติพิเศษทั้ง 10-ประการนี้ถือเป็นความดีอันยิ่งใหญ่เฉพาะตัวของเอกบุรุษที่ไม่สามารถหาผู้ใดจะมาเสมอเหมือนได้
菩萨除了是个有着坚定目标之人,还是一个有着无以伦比慈悲心的人,因此,就使得菩萨拥有10种只限于自己的特殊品质,这10种特殊的品质是只限于自己的巨大优点,不会在其他人身上找到相同的品质。
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 1.ได้แก่อะเคธะตาคือ ความไม่ติดอยู่ในของรักของชอบของผู้อื่น หมายความว่าพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีใจมุ่งไปสู่หนทางแห่งพระนิพพานเป็นหลักสิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้จะไม่มีติดอยู่ภายในใจของท่านเลยแม้แต่น้อยถ้าจะติดก็ติดอยู่เพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ…ติดอยู่กับการสร้างบุญสร้างบารมี เพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第一种特殊品质是:无悭贪(Agedhatā)。即不会沉迷其他人所爱恋的东西,指的是菩萨是个一心奔赴涅槃之人,除此之外,不会再有丝毫东西能够让他放在心上,如果说菩萨心中还有一件事,那就是修波罗蜜证悟成佛。
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 2.ได้แก่นิราละยะตาคือ ความไม่อาลัยเกี่ยวข้องในสิ่งของภายนอก หมายความว่าพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีใจมุ่งไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการทั้งหลายในชีวิตไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็น คน สัตว์ หรือสิ่งของ ที่ชาวโลกทั้งหลายต่างก็หลงใหลได้ปลื้มพระโพธิสัตว์ก็จะไม่หลงยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น เพราะทุกๆสิ่งทุกๆอย่างบนโลกไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ใจไม่เป็นอิสระและเป็นเหตุที่ทำให้มนุษย์ทุกคนต้องติดอยู่ในภพ กล่าวคือยากที่จะทำให้จิตให้หลุดพ้นจากอำนาจของกิเลศทั้งหลายได้
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第二种特殊品质是(Nirālayatā)不会沉迷于外在的事,即菩萨一心向往纯净,决心脱离生命中所有枷锁,不管那个东西是世人所迷恋的人,畜还是物,菩萨也绝不会沉迷于那些事物,因为世上的所有东西,不管是人,畜还是物,全都是让心不能获得自由并使人陷入轮回的缘由,换句话说就是:让心难以脱离烦恼的掌控。
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 3.ได้แก่จาโคคือ ความเสียสละ การแบ่งปัน หมายความว่าพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีความยินดีในการเป็นผู้ให้มากกว่าที่จะเป็นผู้รับเพราะอัธยาศัยโดยปกติของพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่เกิดมาเพื่อสละความตระหนี่ออกจากใจอยู่แล้วเพราะฉะนั้น ในทุกๆชาติที่ท่านเกิดมาสร้างบารมี ท่านจึงได้สละทรัพย์ สละอวัยวะหรือแม้กระทั่งสละชีวิตของตัวท่านเองให้แก่ผู้อื่นเพื่อประโยชน์สุขอย่างยิ่งของตัวท่านเอง และมวลมนุษย์ชาติทั้งหลายนั่นก็คือ…การได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตด้วยเหตุนี้เอง…พระโพธิสัตว์จึงถือเป็นสุดยอดของบุคคลที่มีความเสียสละและเป็นนักสังคมสงเคราะห์ของโลกและจักรวาลอย่างแท้จริง
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第三种特殊品质是จาโค
Cāgo:即舍弃,布施。指的是菩萨更乐意成为一个给予者,而非获益者 。因为根据菩萨的正常性情,想要的就是成为一个能把铿吝剔除出内心之人,所以,菩萨每一世修波罗蜜之时,为了自己和众生的幸福利益,都会给他人散发财物,舍弃自己的器官甚至是生命拯救他人因为这个原因,菩萨才会被认为是有牺牲之心和世界上真正的慈善家。
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 4.ได้แก่ปะหานังคือ ความปล่อยวาง หมายความว่าพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่สามารถปล่อยวางเรื่องราวต่างๆที่มากระทบใจได้อย่างง่ายดายเพราะโดยปกติแล้ว พระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีใจไม่ผูกโกรธใคร ไม่ว่าร้ายใครไม่ถือสาหาความใคร และไม่เอาเรื่องใครเลยแม้แต่น้อยจะมีก็แต่อารมณ์ที่อยากจะสั่งสมบุญสร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไปเพียงอย่างเดียว
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第四种特殊品质是ปะหานัง
(Pahānam)即放下,指的是菩萨很轻易地就能放下种种激荡心灵的事情,因为一般情况下,菩萨本来就是个不对任何人动怒,不中伤他人,不介意他人说什么,只是一心地想要积累更多波罗蜜的人。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 66
“คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ (2)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十六集
“菩萨的特殊品质(二)”
梦中梦幼稚园编辑
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 5.ได้แก่อะปุนะราวัตตินาคือ ความไม่คิดกลับกลอก หมายความว่าพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่ไม่มีความคิดกลับกลอกไปมา เพราะโดยปกติแล้วพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีสัจจะประจำใจ กล่าวคือ เป็นคนจริงไม่หน้าไหว้หลังหลอกเหมือนบางคนในโลกทั่วๆไป คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้นพูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น และทุกคำพูดหรือทุกการกระทำของพระโพธิสัตว์จะเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขต่อตัวท่านเองและชาวโลกเท่านั้น ดังนั้น สำนวนไทยที่ว่า “ปากไม่ตรงกับใจ”-จึงไม่สามารถนำมาใช้กับพระโพธิสัตว์ได้
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第五种特殊品质是อะปุนะราวัตตินา Apunarāvattinā,即不退转,不三心二意。指的是菩萨不是个三心二意之人,因为一般来说,菩萨是个说一不二的人,即是一个真诚之人,不像有些人一样,言行前后不一,菩萨怎么想就怎么说,怎么说就怎么做,菩萨所言所为都仅仅是为了自己和世人的幸福利益。所以,“口不对心”的泰国谚语绝不会用在菩萨身上。
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 6.ได้แก่สุขุมัตตาคือ ความละเอียดรอบคอบ หมายความว่าพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีความละเอียดรอบคอบช่างสังเกตและเป็นผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบที่ดี ไม่ประมาทเลินเล่อ จนเป็นเหตุให้เสียการเสียงานและเสียเวลาในการสร้างบารมีเพราะเวลาทุกอนุวินาทีของพระโพธิสัตว์นั้นมีค่าเป็นอย่างยิ่ง
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第六种特殊品质是สุขุมัตตา Sukhumattā,即仔细周全。指菩萨是个仔细周全,善于观察
和机智灵敏之人,不会疏忽大意以致在修波罗蜜上误事误时,因为菩萨的每一秒都非常有价值。
ซึ่งโดยปกติแล้วพระโพธิสัตว์จะทำงานที่ท่านต้องรับผิดชอบอย่างพิถีพิถัน และละเอียดรอบคอบไม่ว่างานนั้น จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อตัวท่านเองหรือต่อผู้อื่นก็ตามท่านก็จะทุ่มเททำงานนั้นๆอย่างเต็มที่เต็มกำลังและทำอย่างสุดความสามารถเท่าที่ตัวท่านจะทำได้ กล่าวคือ ถ้าเนื้องานมีหนึ่งร้อยท่านก็จะทำไปเกินหนึ่งร้อย
一般来说,菩萨对待工作都会非常认真仔细地负责,不管那件事是为了自己还是他人的利益,他都会全身心地投入并尽最大的努力去完成,换句话说就是:都会超额完成。
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 7.ได้แก่มะหันตัตตาคือ ความเป็นของใหญ่ หมายความว่าพระโพธิสัตว์เป็นผู้มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ และมีใจที่กว้างใหญ่ไพศาลไม่มีประมาณประดุจดั่งความกว้างใหญ่ของท้องมหาสมุทรอันเนื่องมาจากท่านได้มองเห็นถึงประโยชน์สุขที่จะเกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติเป็นอย่างมากที่สุด
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第七种特殊品质是มะหันตัตตา,即广大的意思,指的是菩萨志向高远,心胸犹如大海一样广阔而无可估量。这是因为菩萨能够看到最大的幸福利益将降临到人类身上。
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 8.ได้แก่ทุรานุโพธัตตาคือ ความเป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปจะรู้ตามได้ยาก หมายความว่าท่านเป็นผู้ที่มีความคิดเหนือกว่าวิสัยของบุคคลทั่วไปจะคิดได้ทั้งนี้ก็เป็นเพราะพระโพธิสัตว์ประกอบด้วยจิตใจที่สูงส่งมีความกล้าที่จะคิดและกล้าที่จะทำในสิ่งที่ดีงาม
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第八种特殊品质是ทุรานุโพธัตตา(Duranubodhatā),菩萨是一个普通人很难理解的人,指的是菩萨的想法超乎常人所想,这都源于菩萨心灵高尚,敢想敢做美好的事情。
ด้วยความที่พระโพธิสัตว์เป็นผู้ที่มีจิตใจที่สูงส่งอย่างยิ่ง ดังนั้นท่านจึงคิดที่จะช่วยเหลือผู้อื่นให้หลุดพ้นจากความทุกข์ด้วยวิธีการต่างๆอย่างมีขั้นตอนกอปรกับท่านยังมองการณ์ไกลถึงเหตุแห่งปัญหาและปัญหาที่จะเกิดขึ้นในกาลภายภาคเบื้องหน้าจึงทำให้ท่านสามารถวางแผนป้องกันเหตุแห่งปัญหาเหล่านั้นและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างดีเยี่ยมจนทำให้งานทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างงดงาม
由于菩萨的内心非常高尚,所以,他会想循序渐进地用各种方法来帮助其他人脱离苦难,加上菩萨可以预见问题产生的原因和未来出现的问题,这就使得菩萨能够很好地制定出防范问题产生并解决已产生的各种问题的计划,以便各项工作都能圆满完成。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 67
“คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์( 3)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十七集
“菩萨的特殊品质(三)”
梦中梦幼稚园编辑
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 9.ได้แก่ทุลละภัตตาคือ ความเป็นผู้ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ยาก หมายความว่าท่านมีความสามารถในการที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ ยากๆ ให้เป็นเรื่องเล็กๆและง่ายๆได้ซึ่งไม่ว่าเรื่องเหล่านั้นจะยากเย็นแสนเข็ญสักปานใดแต่เมื่อเรื่องเหล่านั้นมาถึงมือของพระโพธิสัตว์แล้วท่านก็สามารถที่จะทำเรื่องเหล่านั้นให้สำเร็จได้อย่างดีเยี่ยมในทุกๆครั้ง
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第九种特殊品质是难得(Dullabhatā):即菩萨所做之事是普通人难以做到的,指的是:佛陀有能力把难事变成小事,易事,不管那些事情如何艰巨困难,到了佛陀的手里,每次都能圆满完成。
ส่วนภารกิจที่เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญสำหรับท่านนั้นมีอยู่เพียงเรื่องเดียวนั่นก็คือ การขจัดกิเลสอาสวะในใจของท่านให้หมดสิ้นไปและช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากกองทุกข์สามารถข้ามพ้นห้วงแห่งวัฏสงสารไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานให้ได้
对于菩萨来说,所谓的大事和重要之事只有一件:把心中的所有烦恼去除干净并帮助众生脱离苦难,及至能跨出轮回之圈,进入涅槃。
คุณสมบัติพิเศษของพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ข้อที่ 10.ได้แก่อะสะทิสะตาคือ ความเป็นของไม่มีใครเสมอ หมายความว่าท่านเป็นผู้ที่ไม่มีใครเสมอเหมือนได้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะท่านเป็นผู้นำในการสร้างบารมีที่มีความคิด คำพูดและการกระทำที่ประเสริฐเหนือกว่าคนอื่นเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ท่านเป็นผู้ที่มีลักษณะของความเป็นผู้นำอยู่ตลอดเวลาซึ่งไม่ว่าท่านจะถือกำเนิดเกิดมาเป็นอะไรก็ตามลักษณะของความเป็นผู้นำนี้ก็จะติดตัวท่านมาโดยตลอด จนกระทั่งท่านได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด
发愿在未来证悟成佛的菩萨的第十种特殊品质是无等(Asadisatā),即菩萨是与众不同的。指的是没有谁和菩萨是相同,因为菩萨是修波罗蜜的领航人,有比众人更卓绝的想法,言论和行为。因为这样,就使得菩萨一直都是个有着显著特点的人,不管他投生为什么,这些领导人的特性都会一直紧随着菩萨,及至菩萨最终证悟成佛。
คุณสมบัติพิเศษสุดทั้ง 10-ประการนี้เป็นคุณสมบัติที่ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้กับทุกคนแต่เป็นคุณสมบัติเฉพาะที่จะเกิดขึ้นได้กับบุคคลที่มีเป้าหมายเด็ดเดี่ยวมีน้ำใจอันเต็มเปี่ยมกว้างขวางและมีมหากรุณาอันจะหาที่เปรียบมิได้เฉกเช่นพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตซึ่งนอกจากท่านจะทำให้ตนเองพ้นจากความทุกข์ และเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้แล้วท่านยังมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากความทุกข์และได้พบความสุขที่แท้จริงตามท่านไปอีกด้วย
这10种特殊的品德并不是每个人的身上都会拥有,只有那些有着坚定目标,有广阔心胸,无人能比的慈悲之人才会拥有。比如菩萨,一心要在未来证悟成佛。而菩萨除了让自己脱离困难,证悟真正的幸福,他还有着帮助众生脱离苦难,像他一样找到真正幸福的慈悲心。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 68
“ธรรมสโมธาน การประมวลรวมกันแห่งธรรม”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十八集
““总摄法”集结一切佛法”
梦中梦幼稚园编辑
คุณสมบัติพิเศษทั้ง 10-ประการนี้ เป็นสิ่งที่พระบรมครู คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ได้สั่งสมมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นปรกตินิสัยที่มีความปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นและพร้อมที่จะเป็นแสงสว่างให้แก่โลกและจักรวาลอยู่เสมอโดยไม่ว่าพระองค์จะทรงถือกำเนิดเกิดเป็นอะไรก็ตามความมีน้ำใจที่คิดจะช่วยเหลือผู้อื่นก็ยังคงมีอยู่เสมอและไม่มีวันแปรเปลี่ยนไปจากใจถึงแม้จะต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ก็ตามพระองค์ก็ทรงยอมตายแต่ไม่ทรงยอมแพ้ในการทำความดีเป็นอันขาด
这十项特殊的品德是我们的老师,即每一位佛陀经过漫长的积累才形成这些有意愿要帮助他人和能够给予世人和宇宙光明的性格。不管佛陀投生为什么,他都一直有着要帮助他人的心,永远不会转变。即使是帮助他人脱离苦难要拿生命作为赌注,他也愿舍身成仁。
เพราะฉะนั้นคุณสมบัติพิเศษทั้ง 10-ประการนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้พระโพธิสัตว์มีจิตเมตตาปรารถนาดีต่อทุกคนและอยากที่จะให้สรรพสัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ไปด้วยกันซึ่งถือได้ว่าพระโพธิสัตว์เป็นบุคคลที่มีจิตใจสูงส่งกว่ามนุษย์ทั่วไปเพราะไม่ว่าท่านจะคิด พูด หรือทำอะไรก็ตามท่านจะไม่ได้ทำแบบธรรมดาอย่างที่บุคคลอื่นทั่วไปได้ทำกันแต่ท่านจะทำอย่างเต็มที่เต็มกำลังโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ถึงแม้จะต้องตายก็ยอมทั้งนี้ก็เป็นเพราะท่านเป็นผู้มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณโดยมีใจมุ่งหวังพระโพธิญาณเป็นสำคัญ
所以,这10项特殊品质让菩萨对每人有着美好期望和慈悲之心,想要众生脱离六道轮回,因而,菩萨可以算是有着一颗比普通人更高贵的心,因为不管菩萨想什么,说什么,做什么,菩萨都不会像其他普通人一样只是随意地做,而是会尽最大的努力,不惜牺牲生命地去做。即使是死也心甘情愿。菩萨之所以能够做到这样,是因为菩萨有着一颗无可估量的,伟大的心。而重要的是,菩萨一心想要成佛。
นอกจากคุณสมบัติพิเศษทั้ง 10-ประการแล้วพระโพธิสัตว์จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีธรรมสำคัญอีกแปดประการ ที่เรียกว่าธรรมสโมธาน1ซึ่งจะเป็นเครื่องยืนยันและเพิ่มความมั่นใจให้กับท่านว่า…ท่านจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน
除了这10项特殊品质,菩萨还必需具备8条重要之法,即我们所说的“总摄法” (dhammasamodhāna),这是一个确定标志和给菩萨增加在未来一定能证悟成佛的信心。
1ธรรมสโมธาน แปลว่าการประมวลรวมกันแห่งธรรม
“总摄法” (dhammasamodhāna), 意为:集结一切佛法
ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเป็นครั้งแรกว่า “ตัวท่านจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต”-พระโพธิสัตว์ท่านนั้นจะต้องประกอบด้วยธรรมอันสำคัญยิ่งประการหนึ่ง นั่นก็คือ ธรรมสโมธานซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดแปดประการ ดังต่อไปนี้ คือ
在菩萨首次接受佛陀授记,指明菩萨在未来一定能证悟成佛之前,菩萨必需具备的一种重要之法就是“总摄法” (dhammasamodhāna),这个“总摄法” (dhammasamodhāna)有如下八条:
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 69
“ธรรมสโมธาน การประมวลรวมกันแห่งธรรม (2)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第六十九集:
“总摄法”集结一切佛法(二)
梦中梦幼稚园编辑
ธรรมสโมธาน ข้อที่ 1.ได้แก่ความปรารถนาที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ธรรมสโมธานข้อนี้ถือเป็นสิ่งที่พระโพธิสัตว์จำเป็นจะต้องมีทั้งนี้ก็เป็นเพราะการได้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์นั้นพระโพธิสัตว์จะสามารถสั่งสมบุญและสร้างบารมีได้ดียิ่งกว่าการไปเกิดในอัตภาพอื่นๆ เช่นอัตภาพของเทวดาพรหม อรูปพรหมหรือสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น
“总摄法”的第一条就是:能够生而为人之愿,这条“总摄法”被认为是菩萨所必需具备之法,因为能够成为人的话,就会比生为梵天人,无色天天人或是动物更好地修波罗蜜。
ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะการได้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์นั้นจะทำให้ได้กายหยาบที่มีลักษณะแข็งแกร่งมากกว่าการได้ไปเกิดในอัตภาพของเหล่าเทวดาพรหม อรูปพรหมทั้งหลาย ดังนั้น วัตถุประสงค์หลักของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นก็เพื่อใช้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์นี้สั่งสมบุญสร้างบารมีให้เต็มที่เต็มกำลังนั่นเอง
之所以这样是因为生而为人能够获得比梵天人,无色天天人更坚强的身躯。所以,生而为人主要目的是利用人身来把波罗蜜积累圆满。
ธรรมสโมธาน ข้อที่ 2.ได้แก่ความถึงพร้อมด้วยเพศซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะมีโอกาสได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านจะต้องมีเพศที่ไม่วิบัติ หรือไม่เป็นอภัพบุคคล นั่นก็คือจะต้องเป็นบุรุษเพศหรือเพศชายเท่านั้นเนื่องจากบุรุษเพศจะมีรูปร่างลักษณะที่ใกล้เคียงกับลักษณะของกายมหาบุรุษมากที่สุดและยังเป็นกายที่สามารถสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างดีที่สุดอีกด้วย
第二条“总摄法”即是合适的性别,菩萨要获得佛陀的授记,就必需不是危险的性别或无能之人,即是说要是男性,这是因为男性的身体特征最接近大人身,又能最好地积累波罗蜜。
แต่ถ้าไม่ได้…ความถึงพร้อมด้วยเพศชาย กล่าวคือ เป็นเพศหญิง บัณเฑาะว์ กะเทยหรือเป็นบุคคลมีสองเพศในคนเดียวกัน ที่เรียกว่า อุภโตพยัญชนก พระพุทธองค์ก็จะไม่ทรงพยากรณ์ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตแก่พระโพธิสัตว์ท่านนั้นอย่างเด็ดขาด
但如果不是合适的性别,即是女性,太监,人妖或是两性人——阴阳人,那么佛陀绝不会赐予那个人授记。
ธรรมสโมธาน ข้อที่ 3.ได้แก่ความถึงพร้อมด้วยเหตุหมายความว่าพระโพธิสัตว์จะต้องมีอุปนิสัยแห่งความเป็นพระอรหันต์ในขันธสันดาน1อย่างแรงกล้าจึงจะมีโอกาสได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แต่ถ้าหากว่าอุปนิสัยแห่งความเป็นพระอรหันต์ของท่านยังไม่เกิดขึ้นหรือแม้เกิดขึ้นแล้ว แต่อุปนิสัยแห่งความเป็นพระอรหันต์ในขันธสันดานยังไม่แก่กล้าพระพุทธองค์ก็จะไม่ทรงพยากรณ์ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตให้แก่พระโพธิสัตว์ท่านนั้นอย่างเด็ดขาด
ตามธรรมของพระพุทธองค์ที่ทรงแสดงได้อย่างง่ายดายอีกทั้งยังพร้อมที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
第三条“总摄法”即是具有适合的性情,菩萨必需具备有显著的阿罗汉性情才会有机会接受佛陀的授记,但如果那位菩萨的阿罗汉性情还没有产生,或是产生了但却还没明显,那么佛陀也不会给予那位菩萨授记,说他能够在未来证悟成佛。
ด้วยความที่พระโพธิสัตว์มีอุปนิสัยแห่งความเป็นพระอรหันต์ในขันธสันดานอย่างแรงกล้านี้เองจึงเป็นผลทำให้เมื่อท่านได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วท่านจึงสามารถตรอง ณ บัดเดี๋ยวนั้นได้อีกด้วยแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยความตั้งใจเดิมของพระโพธิสัตว์ที่มิได้มีความปรารถนาเพียงแค่การได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เพราะในใจของท่านมีความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นนั่นก็คือ…การได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อพระโพธิสัตว์ได้ฟังธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วท่านจึงยังไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในตอนนั้น
因为菩萨有着明显的阿罗汉性情,就使得菩萨一旦能够聆听到佛陀开示,就能很容易地按照佛陀所开示的佛法进行思考,并时刻准备好证悟成阿罗汉,但菩萨并不仅仅只是想要证成阿罗汉而已,菩萨想要的比那更多,即:在未来证悟成佛。因为这个原因,当菩萨从佛陀处聆听到佛法后,菩萨还不会在那时证悟成阿罗汉。
ดังนั้น ธรรมสโมธานข้อนี้จึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเตรียมตัวของพระโพธิสัตว์ก่อนที่ท่านจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตโดยที่ท่านจะต้องเป็นผู้ที่มีความตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง มีความเพียรพยายามและสั่งสมบุญสร้างบารมีมาอย่างตลอดต่อเนื่องชนิดที่เรียกว่า…แม้จะแลกด้วยชีวิตก็ยอม
所以,这条“总摄法”会让我们看到菩萨在证悟成佛之前的种种准备,菩萨一心要磨练自己,拥有大毅力并能持之以恒地积累波罗蜜,即使是以命相换也心甘情愿。
ธรรมสโมธาน ข้อที่ 4.ได้แก่การได้เกิดมาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสำหรับธรรมสโมธานข้อนี้ถือเป็นโอกาสอันสำคัญยิ่ง ที่จะทำให้พระโพธิสัตว์ได้มีโอกาสสั่งสมบุญครั้งใหญ่พร้อมทั้งตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธองค์และเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจดูความสำเร็จแห่งความปรารถนาของพระโพธิสัตว์ด้วยอนาคตังสญาณแล้ว พระองค์ก็จะทรงพยากรณ์ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตแก่พระโพธิสัตว์ท่านนั้น ซึ่งพุทธพยากรณ์นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกมาจากพระโอษฐ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
第四条“总摄法”是:能够遇见佛陀。对于这条“总摄法”,可以称得上是让菩萨有机会积累大功德和在佛陀尊前发下大愿的巨大机缘。当佛陀以未来识查看到菩萨的愿望成真时,就会预言那位菩萨将在未来证悟成佛,而这个授记,必须要出自佛陀之口。
ด้วยเหตุนี้เองการได้เกิดมาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับพระโพธิสัตว์ผู้มีความปรารถนาที่จะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเพราะถ้าหากพระโพธิสัตว์ได้พบแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าหรือได้พบแต่สถานที่อันเป็นสิ่งแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาทิ เช่นพระเจดีย์หรือต้นโพธิ์เป็นต้นแม้พระโพธิสัตว์จะมีความเลื่อมใสมากเพียงใดแต่ท่านก็จะไม่สามารถที่จะตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
因为这个原因,对于有意要证悟成佛的菩萨来说,能够遇见佛陀是一件非常重要的事情,因为如果菩萨只能够遇见辟支佛,阿罗汉或是替代佛陀的物品,如:佛塔,菩提树等等,不管那位菩萨何等的虔诚,他也不能证悟成佛陀。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 70
“ธรรมสโมธาน การประมวลรวมกันแห่งธรรม (3)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十集:
“总摄法”集结一切佛法(三)
梦中梦幼稚园编辑
ธรรมสโมธาน ข้อที่ 5.ได้แก่การได้บรรพชาคือ การที่พระโพธิสัตว์มีอัธยาศัยน้อมไปในการออกบวชซึ่งไม่ว่าท่านจะออกบวชเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนาหรือนอกพระพุทธศาสนาก็ตามแต่ถ้าหากท่านเป็นสัมมาทิฐิ มีความเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม (เชื่อว่าบุญมีจริง บาปมีจริง ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว)-และมีความมั่นคงในเพศบรรพชิตแล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะทรงพยากรณ์ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตแก่พระโพธิสัตว์ท่านนั้น
第五条“总摄法”即是出家,菩萨有要出家为僧的意愿,不管菩萨是佛教中的出家人还是佛教外的出家人,但如果菩萨具备正念,坚信因果报应(相信有善恶业,善有善报,恶有恶报),坚持出家修行,那么佛陀就会给那位菩萨授记,说他能够在未来证悟成佛。
แต่ถ้าหากพระโพธิสัตว์ดำรงตนอยู่ในเพศของคฤหัสถ์แม้ท่านจะปรารถนาความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากสักเท่าไหร่ท่านก็ไม่สามารถที่จะทำความปรารถนาของท่านให้สำเร็จได้ทั้งนี้ก็เป็นเพราะชีวิตของการครองเรือนนั้นเป็นชีวิตที่ถูกผูกมัดด้วยเครื่องจองจำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความห่วงใยในบุตร ภรรยาทรัพย์สินเงินทอง เป็นต้น จึงทำให้ท่านไม่สามารถสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่เต็มกำลังเหมือนกับชีวิตของนักบวช
但如果那位菩萨过着在家生活,那么即使他如何发愿证悟成佛,他也决不能证悟成佛,那是因为在家生活会被各种俗事纠缠,不管是担忧子女,妻子还是钱财。而这就会使得他不能够像出家人一样全力地积累波罗蜜。
ธรรมสโมธาน ข้อที่ 6.ได้แก่ความถึงพร้อมด้วยคุณวิเศษหมายความว่าพระโพธิสัตว์จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าคนธรรมดาสามัญทั่วไปโดยท่านจะต้องมีความเชี่ยวชาญในอภิญญาและฌานสมาบัติพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงจะทรงพยากรณ์ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตแก่พระโพธิสัตว์ท่านนั้น
第六条“总摄法”,即具备德行,指的是菩萨要有高过普通人的特殊品德,要精于神通和禅定,佛陀才会给予那位菩萨授记,预言他在未来证悟成佛。
ธรรมสโมธาน ข้อที่ 7.ได้แก่ความถึงพร้อมด้วยการกระทำอันยิ่งหมายความว่าพระโพธิสัตว์จะทำในสิ่งที่เหนือเกินกว่าการกระทำของมนุษย์ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ และเป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพานแล้วแม้คนธรรมดาทั่วไปจะไม่กล้าที่จะคิด พูด หรือทำในสิ่งนั้นแต่ท่านกลับมีความกล้าที่จะคิด พูด และทำในสิ่งนั้นด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเพียรและความมุ่งมั่น จนกระทั่งท่านสามารถทำสิ่งนั้นสำเร็จได้ในที่สุด
第七条“总摄法”,即是超额去做,指的是菩萨做的事比普通人更多,特别是那些好的,有益的,为了证悟圣道的事情,那些普通人不敢去想,说或做的事情,菩萨敢想,敢说,有大决心,大毅力去做,直至菩萨最终能够完成那件事。
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องราวการบำเพ็ญปรมัตถบารมีของพรหมกุมารโพธิสัตว์ ผู้มีจิตใจอันยิ่งใหญ่ที่ท่านยอมสละชีวิตของตัวเองเป็นทานให้แก่แม่เสือที่กำลังจะกินลูกของตัวเองด้วยความหิวโซซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่กระทำได้ยากอย่างยิ่งแต่ด้วยความที่ท่านมุ่งหวังการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นสำคัญท่านจึงกล้าที่จะเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสั่งสมบุญสร้างบารมีด้วยเหตุแห่งความถึงพร้อมด้วยการกระทำอันยิ่ง เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปนี้เองท่านจึงได้รับพุทธพยากรณ์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
举个例子,比如古曼菩萨修至善波罗蜜的事迹,有着大慈悲心的他愿意舍弃自己来给因饥饿而正要食用自己孩子的老虎食用,这件事是非常难做到的,但菩萨一心以证悟成佛为主,因而菩萨就敢以生命作为赌注来积累波罗蜜,因为这件事超过普通人所能做到的,菩萨才会得到佛陀的授记,预言其在未来定能证悟成佛。
ธรรมสโมธาน ข้อที่ 8.ได้แก่ความถึงพร้อมด้วยความพอใจหมายความว่า ทุกภพทุกชาติที่พระโพธิสัตว์ได้เกิดมาไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉานก็ตามท่านจะมีความรักและปรารถนาความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างมากแม้ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามเกิดขึ้นมาขัดขวางการสร้างบารมีของท่านมากสักเพียงไรแต่ท่านก็ไม่ย่อท้อและไม่หวาดกลัวต่ออุปสรรคเหล่านั้นเลยทั้งนี้ก็เป็นเพราะจิตใจของท่านรักและมุ่งมั่นที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณให้ได้เป็นสำคัญ
第八条“总摄法”即是感到满足,指的是在每一世的时候,不管菩萨是生而为人或动物,菩萨都有颗爱心并发愿证悟成佛。不管有多少困难前来阻挠他修波罗蜜,但菩萨都不会气馁和害怕,这都是因为菩萨一心只想证悟成佛。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 71
ตอนพระศรีอริยเมตไตรย์ พุทธภูมิธรรม 4 ประการ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十一集
“佛地法”
梦中梦幼稚园编辑
ถ้าจะกล่าวถึงความรักในพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์ว่า มีความยิ่งใหญ่ขนาดใหญ่นั้นก็ได้มีอุปมาไว้ว่า…ถ้าจะให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกตลอดสี่อสงไขยกับอีกแสนมหากัปเพื่อแลกกับการได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วตัวท่านก็ยอมและพร้อมที่จะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนั้นด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่มีใจรักและปรารถนาความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่งนี้เองพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงพยากรณ์ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตแก่พระโพธิสัตว์ท่านนั้น
如果要讲到菩萨对证悟成佛有多么的热爱,比如说…如果要菩萨在地狱忍受4阿僧祗又10万大劫的苦难来换取证悟成佛,那么菩萨必定会愿意并随时准备着忍受苦难,因为菩萨是那样地想要证悟成佛,佛陀才会给予菩萨授记,预言他将在未来证悟成佛。
จะเห็นได้ว่าธรรมสโมธานทั้งแปดประการนี้ เป็นธรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพระโพธิสัตว์ผู้มีมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่มุ่งมั่นจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้และด้วยความที่พระโพธิสัตว์มีความถึงพร้อมด้วยธรรมสโมธานทั้งแปดประการนี้เองจึงทำให้ท่านเป็นบุคคลที่มีความพิเศษเกินกว่าบุคคลทั่วไปและยากจะหาผู้ใดมาเสมอเหมือนได้
从这可以看出,这8条“总摄法”对于一心想要证悟成佛的菩萨极其重要,因为菩萨拥有这8条“总摄法”,就使得他比普通人更特殊,这样的人十分难寻。
ธรรมสโมธานทุกข้อนั้นล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพระโพธิสัตว์ผู้ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตทั้งนี้ก็เป็นเพราะถ้าหากท่านขาดธรรมสโมธานข้อใดข้อหนึ่งไปเสียแล้วท่านก็จะไม่สามารถที่จะได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
所有的这些“总摄法”,对于发愿要在未来证悟成佛的菩萨拥有很大的重要性,如果缺少任何一条“总摄法”,菩萨将不能从佛陀处获得授记。
เมื่อพระโพธิสัตว์ได้มีธรรมสโมธานครบทุกประการแล้ว และได้สั่งสมบุญสร้างบารมีเรื่อยมาจนกระทั่งท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งว่าท่านจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตแล้วท่านก็ไม่ได้ย่อหย่อนต่อการสั่งสมบุญสร้างบารมีเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ท่านกลับเร่งประกอบความเพียรสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างตลอดต่อเนื่องโดยสังเกตได้จากคุณลักษณะพิเศษที่เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงความเป็นผู้มุ่งมั่นปรารถนาพุทธภูมิแต่เพียงอย่างเดียว
当菩萨具备有各条“总摄法”并积累波罗蜜至他能从佛陀处获得授记,预言他能够在未来证悟成佛,他也都不会对修波罗蜜有哪怕一丝的松懈,反而会更加努力地继续积累波罗蜜,菩萨是一心只想要证悟成佛的人。
สำหรับคุณลักษณะพิเศษนี้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นประจำใจของพระโพธิสัตว์ผู้ที่ได้รับพุทธพยากรณ์ทุกๆท่านไปทุกภพทุกชาติซึ่งไม่ว่าท่านจะไปถือกำเนิดเกิดเป็นอะไรก็ตามท่านก็จะมีลักษณะพิเศษที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วๆไป กล่าวคือท่านจะมีน้ำใจที่ประกอบไปด้วยพุทธภูมิธรรมอันยิ่งใหญ่ซึ่งมีด้วยกันอยู่ทั้งหมดสี่ประการ ดังต่อไปนี้
对于这些特性,将生生世世地产生在获得佛陀授记的菩萨心中,不管他投生为什么,菩萨都会有比普通人更高贵的性格,说的即是菩萨将一心要按佛地法( Buddhabhūmi dhamma)去行事,这佛地法有如下4项:
พุทธภูมิธรรม ข้อที่ 1.ได้แก่อุสสาหะหมายความว่าพระโพธิสัตว์เป็นผู้มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเพียรพยายามในการสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างมั่นคงไม่ลดละ และไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าหากท่านตัดสินใจที่จะลงมือทำสิ่งใดแล้วท่านจะมีความมุ่งมั่นทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจที่จะทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่เต็มกำลังชนิดที่เรียกว่า…เอาชีวิตเป็นเดิมพันกันเลยทีเดียว
第一项佛地法即是:努力勤勉,指的是菩萨坚定不移,永不退心地勤勉修波罗蜜,如果他决意要动手做一件事,他就会全心全意投入到那件事中,即我们所说的用生命作赌注。
ด้วยความที่ท่านเป็นผู้มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเพียรนี้เองจึงทำให้ตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านเกิดมานั้นท่านจะมีความพากเพียรพยายามในการที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไปอย่างเต็มที่เต็มกำลัง แม้ว่าในหนทางของการสร้างบารมีนั้นท่านจะต้องประสบพบเจอกับอุปสรรคต่างๆนานาอย่างมากมายแต่ในใจของท่านนั้นคิดอยู่เสมอว่า “ถ้าหากเราท้อแท้และท้อถอยในสิ่งเล็กๆน้อยๆซึ่งอยู่ในวิสัยที่เราสามารถจะทำได้แล้วเราจะทำงานสร้างบารมีเพื่อความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตซึ่งเป็นสิ่งที่เกินกว่าวิสัยของมนุษย์ทั่วไปให้สำเร็จได้อย่างไร”-ด้วยความคิดนี้เองจึงเป็นพลังขับเคลื่อนภายในอันสำคัญยิ่งที่ทำให้ท่านสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นมาได้จนกระทั่ง…ท่านสามารถที่จะทำความปรารถนาของท่านให้สำเร็จได้ในที่สุด
因为菩萨一心精进修行,就使得他每一世都会全心全意地积累更多的波罗蜜,不管在积累波罗蜜的道路上要遇到多少的艰难险阻,菩萨的心中总是想着:如果我们在一些我们完全能够做到的小事上气馁,那么我们如何能够做到积累波罗蜜而成佛?积累波罗蜜成佛是件超出常人所能做到之事。因此,这样的念头就会变成一种巨大的推动力,让菩萨能够战胜各种困难,直至菩萨能够达成所愿。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 72
“พุทธภูมิธรรม 4 ประการ (2)”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十二集
“佛地法(二)”
梦中梦幼稚园编辑
พุทธภูมิธรรม ข้อที่ 2.ได้แก่อุมมัคคะหมายความว่า พระโพธิสัตว์เป็นผู้มีปัญญาอันเฉียบแหลมที่สามารถจะสั่งสอนตักเตือนตนเองและผู้อื่นได้โดยก่อนที่ท่านจะลงมือทำสิ่งต่างๆนั้น ท่านจะคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนว่า “สิ่งนั้นถูกหรือผิด ควรทำหรือไม่ควรทำรวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นหรือไม่”-ถ้าหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ควรทำรวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว ท่านจึงจะตัดสินใจที่ลงมือทำสิ่งนั้นและท่านจะทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่เต็มกำลังชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพันกันเลยทีเดียว
第二条พุทธภูมิธรรม佛地法即是:อุมมัคคะ,指的是菩萨有着机敏的智慧,在他动手做事之前能够教导和提醒自己,在做之前他都会考虑周全:那件事对还是错?应该做还是不应该做?对自己和他人是不是有益?如果是一件正确的事情,是件应该做的事情,对自己和他人都会益处。那么菩萨就会下决心并全力以赴地去做那件事情,这称之为拿生命作赌注。
ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาอันเฉียบแหลมนี้เองจึงทำให้ท่านเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นกุศลกรรมอย่างเดียวเท่านั้นจนทำให้จิตใจของท่านสะอาดบริสุทธิ์ผ่องใสด้วยกระแสแห่งบุญล้วนๆและทำให้ท่านสามารถที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีได้ยิ่งๆขึ้นไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาอีกด้วย
因为菩萨机智灵敏,这就使得他只会做功德善事,而这也会让他的心因为功德水流冲刷而纯净透明,使他每一世都能持续不断地积累波罗蜜。
พุทธภูมิธรรม ข้อที่ 3.ได้แก่อวัตถานะหมายความว่าพระโพธิสัตว์เป็นผู้มีความสามารถที่จะวางแผนการดำเนินชีวิตของตนเองได้อย่างชัดเจนด้วยการอธิษฐานจิตตั้งความปรารถนาที่จะให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณอยู่เป็นประจำในทุกๆครั้งที่ท่านได้สั่งสมบุญสร้างบารมี จนกระทั่งคำอธิษฐานจิตนี้ติดแน่นอยู่ในใจของท่านอย่างมั่นคง
第三条พุทธภูมิธรรม佛地法,即是อวัตถานะ,指的是菩萨有能力明确地计划自己的生命,依靠的是菩萨每次积累波罗蜜后,都会许愿要证悟成佛,以至这个祷告一直牢固地停留在菩萨的心里。
ด้วยความที่ท่านหมั่นอธิษฐานจิตตอกย้ำซ้ำเดิมอยู่เป็นประจำ ทุกภพทุกชาตินี้เองจึงทำให้มโนปณิธานของท่านที่ได้ตั้งความปรารถนาจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยที่จะง่อนแง่น คลอนแคลน หรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อยแต่มโนปณิธานนั้นกลับมั่นคง แนบแน่น และติดอยู่ในใจของท่านอยู่ตลอดเวลา
因为总是生生世世都重复地许着同一个愿望,这就使得菩萨要证悟成佛的愿望从来没有丝毫动摇或是转变过,相反,这个愿望还是一如既往地坚定和停留在菩萨的心里。
ซึ่งไม่ว่าท่านจะต้องไปถือกำเนิดเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ตามแต่มโนปณิธานในใจของท่านนั้นก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้โดยที่ท่านก็ไม่ได้มีจิตใจหวั่นไหวหรือคลอนแคลนเลยแม้สักเล็กน้อยมีแต่จะมุ่งหน้าสั่งสมบุญสร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมา
即使菩萨投生为动物,菩萨还是会一心想要证悟成佛,心中还是不会有一丝的惊慌或是动摇,只是一心想要在每一世都能积累到更多波罗蜜。
พุทธภูมิธรรม ข้อที่ 4.ได้แก่หิตจริยาหมายความว่าท่านเป็นผู้มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นปกติและด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ท่านไม่มีความคิดที่จะมุ่งประทุษร้ายหรือว่าร้ายผู้อื่นเลยมีแต่จิตที่คิดจะชื่นชมยินดีในความสำเร็จของผู้อื่นอยู่เสมอและมีความตั้งใจที่จะบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา
第四条พุทธภูมิธรรม佛地法即是หิตจริยา,指的是菩萨总是有着一颗对众生慈悲的心,因为这个原因,就使得菩萨从没有过谋害或是中伤他人的想法,有的只是对他人成就的赞美和欣慰之心,一直利益和帮助众生的心。
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า พุทธภูมิธรรม หรือคุณลักษณะพิเศษทั้งสี่ประการนี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องหมายและองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการสั่งสมบุญสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ผู้ที่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วว่าตัวท่านจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
从我们所讲到的事情可以看出,พุทธภูมิธรรม佛地法或是十种特殊的品质是菩萨积累波罗蜜和获得佛陀授记,预言其在未来能够证悟成佛的重要标志和组成部分。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 73
“อานิสงส์พิเศษ 18 ประการของพระโพธิสัตว์”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十三集
“菩萨的十八种功德”
梦中梦幼稚园编辑
และด้วยพุทธภูมิธรรมทั้งสี่ประการนี้เองจึงเป็นสิ่งที่ทำให้พระโพธิสัตว์ได้ตอกย้ำเป้าหมายชีวิตของตนเองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังทำให้ท่านได้บ่มบารมีให้แก่รอบเพื่อประโยชน์สุขที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเองและผู้อื่นด้วยการที่ท่านได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลังชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพันมาอย่างตลอดต่อเนื่องทุกภพทุกชาติจนกระทั่งบุญบารมีทั้งสามสิบทัศของท่านเต็มเปี่ยมบริบูรณ์จึงทำให้ท่านได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ในที่สุด
因为这四项พุทธภูมิธรรม佛地法,就使得菩萨能够更加地明确自己的目标,另一方面,也使得菩萨能够积累更加圆满的波罗蜜来利益自己和他人。菩萨生生世世以生命作为赌注倾力投入到积累波罗蜜中,直至菩萨圆满地积累完三十种波罗蜜,证悟成佛。
พุทธภูมิธรรมหรือคุณลักษณะพิเศษของพระโพธิสัตว์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เราสามารถที่จะสรุปออกมาได้เป็นสองประการใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
从我们所讲到的พุทธภูมิธรรม佛地法或是菩萨的特殊品质,我们能够总结为如下两大点:
คุณลักษณะพิเศษของพระโพธิสัตว์โดยสรุปข้อที่ 1.ได้แก่ท่านเป็นผู้มีความตั้งใจที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมี อย่างเต็มที่เต็มกำลังด้วยความมุ่งมั่นที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งให้ได้ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำประโยชน์ของตนเองให้ถึงพร้อม คือการกำจัดกิเลสอาสวะที่มีอยู่ในใจให้หมดสิ้นไป
菩萨特殊品质的第一点总结即是:菩萨为了证悟成佛,一心积累波罗蜜,从这件事中我们可以看到,菩萨一心要做有益于自己的事情——把内心的烦恼都去除干净。
คุณลักษณะพิเศษของพระโพธิสัตว์โดยสรุปข้อที่ 2.ได้แก่ท่านเป็นผู้มีจิตใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความกรุณาอันยิ่งใหญ่ที่คิดจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ตามท่านไปด้วยซึ่งสิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่านอกจากที่ท่านจะสามารถทำประโยชน์ของตนเองให้ถึงพร้อมได้แล้วท่านยังสามารถทำประโยชน์ของผู้อื่นให้ถึงพร้อมตามท่านไปได้อีกด้วย นั่นก็คือการนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากวังวนแห่งวัฏสงสารอันมีแต่ความทุกข์ไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานอันเป็นบรมสุขนั่นเอง
菩萨特殊品质的第二点总结即是:菩萨对众生有着巨大的慈悲之心,一心想要帮助众生跟随他脱离苦难。菩萨在做有益于自己的事情时,还能够做有益于他人的事情,那就是带领众生脱离六道轮回,进入极乐的涅槃之岸。
จะเห็นได้ว่าตลอดเส้นทางแห่งการสั่งสมบุญสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์นั้นท่านจะเกิดมาพร้อมกับภาระและหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่จะนำพาตนเองและสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่ฝั่งแห่พระนิพพานให้ได้ ซึ่งคุณลักษณะพิเศษอย่างนี้เองเป็นสิ่งที่พระโพธิสัตว์ทุกๆท่านจะต้องมีอยู่ในใจอย่างมั่นคง
从这我们可以看出,在菩萨积累波罗蜜的路上有着艰巨的任务,即带领自己和众生脱离苦难,进入涅槃之岸。因而这些特殊的品质是每位菩萨都必须稳固地存留在心的东西。
ก่อนที่พระโพธิสัตว์ผู้ได้ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตจะทำมโนปณิธานของท่านให้สำเร็จได้นั้น ท่านจะต้องผ่านการฝึกฝนอบรมตนเองและสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอดทุกภพทุกชาติอย่างตลอดต่อเนื่องจนกระทั่งบารมีทั้งสามสิบทัศของท่านเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ท่านจึงจะได้มาเป็นพระบรมครูผู้ยิ่งใหญ่ นั่นก็คือ…องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นบุคคลผู้สูงส่งและสำคัญที่สุดของโลกและจักรวาล
在菩萨证悟成佛的愿望达成之前,菩萨要不停地磨练自己和全力积累波罗蜜,即是我们所说的生生世世都要拿生命作赌注,直至能够圆满地积累完波罗蜜,成为至上之师,那就是佛陀,这个世界和宇宙中最崇高和最重要之人。
เมื่อพระโพธิสัตว์ท่านใดได้ผ่านการฝึกฝนอบรมตนเอง และสั่งสมบุญสร้างบารมี มาอย่างตลอดต่อเนื่อง จนกระทั่งท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งอันเป็นเครื่องยืนยันและทำให้ท่านมั่นใจว่าท่านจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอนแล้ว ก็จะมีอานิสงส์พิเศษ 18-ประการบังเกิดขึ้นกับพระโพธิสัตว์ท่านนั้นและอานิสงส์พิเศษเหล่านี้ก็จะติดตามตัวท่านไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
当菩萨磨练自己和积累波罗蜜以至能获得佛陀的授记,就使得他坚信自己在未来一定能证悟成佛,这时菩萨身上就会产生18种特殊功德,而这些特殊功德在菩萨每一世出生修波罗蜜时都会紧随着他。
สำหรับอานิสงส์พิเศษทั้ง 18-ประการที่บังเกิดขึ้นมานั้นถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพระโพธิสัตว์ ผู้ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วเพราะจะทำให้ท่านสามารถสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่เต็มกำลังไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมีซึ่งอานิสงส์พิเศษดังกล่าวนี้จะบังเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพระโพธิสัตว์ได้ประกอบธรรมสโมธานทั้งแปดประการและพุทธภูมิธรรมอันยิ่งใหญ่อีกสี่ประการ อย่างเต็มเปี่ยมบริบูรณ์
这十八种功德,对接受佛陀授记后的菩萨异常重要,因为这会让他能够生生世世都全力以赴地去修波罗蜜,因而前面所提到的特殊功德,将会在菩萨圆满地行使8项ธรรมสโมธาน总摄法和4项伟大的พุทธภูมิธรรม佛地法后,诞生在菩萨身上。
ถ้าหากอานิสงส์พิเศษทั้ง 18-ประการได้บังเกิดขึ้นกับพระโพธิสัตว์ท่านใดแล้วพระโพธิสัตว์ท่านนั้นก็จะไม่ไปบังเกิดในฐานะที่ไม่เกื้อกูลต่อการสร้างบารมีหรือไม่เกิดในฐานะแห่งความอาภัพทั้ง 18-ประการอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ท่านไม่ต้องเสียเวลา หรือถูกยืดระยะเวลาในการสั่งสมบุญสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกไปอีก
如果十八种功德诞生在菩萨身上后,菩萨将绝不会陷入对修波罗蜜不利的境遇,或是陷入18种不利的境地。因为这个原因,就使得菩萨不用浪费时间或是延长修波罗蜜证悟成佛的时间。
สำหรับอานิสงส์พิเศษทั้ง 18-ประการที่พระโพธิสัตว์พึงจะได้รับ มีดังต่อไปนี้
对于十八种佛陀应该获得功德,有如下这些:
อานิสงส์พิเศษประการที่ 1.ได้แก่เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ท่านจะไม่เป็นคนตาบอดตั้งแต่กำเนิดหมายความว่าหลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมีท่านจะเกิดมาพร้อมกับดวงตาที่สุกใสสว่างไสวและสามารถที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนเป็นปกติทั้งสองข้างนั่นก็คือ…ดวงตาของท่านจะไม่มีวันมืดบอดหรือพร่ามัวไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第一种特殊功德即不会生为眼瞎之人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记之后,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨都会有一双明亮的眼睛,能够正常地看清各种事物,即是说,在菩萨出生来修波罗蜜的每一世里,他的双眼将永远不会瞎或是眼花。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 2.ได้แก่เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ท่านจะไม่เป็นคนหูหนวกตั้งแต่กำเนิดหมายความว่าหลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะเป็นผู้มีหูดีมาตั้งแต่แรกเกิดที่สามารถจะรับฟังเสียงของสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนเป็นปกติทั้งสองข้างนั่นก็คือ…หูของท่านจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第二种功德即是菩萨不会生为耳聋之人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨都有着一双听觉良好的耳朵,能够正常清楚地听到各种声音,即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,他的耳朵都不会有听觉上的问题。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 3.ได้แก่เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ท่านย่อมไม่เป็นคนบ้าหมายความว่าหลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมีท่านจะเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์พร้อม และมีดวงปัญญาที่สว่างไสวอยู่ตลอดเวลาอีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความคิด คำพูด และการกระทำที่เป็นไปเพื่อการสร้างบารมีโดยที่ท่านจะไม่มีความผิดปกติหรือมีอาการบกพร่องทางจิตเลยแม้แต่นิดเดียวนั่นก็คือ…ท่านจะไม่เกิดมาเป็นคนบ้า วิกลจริต หรือมีสติฟั่นเฟือนไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第三种功德是即:菩萨不会生为癫狂之人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨都有着璀璨的智慧,为了修波罗蜜,菩萨会是个有想法,有言论,有行动之人,心灵上不会有丝毫的缺陷或是不正常,即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨都不会出生为疯癫,神经不正常,精神恍惚之人。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 4.ได้แก่เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ท่านย่อมไม่เป็นคนใบ้หมายความว่าหลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมีท่านจะเป็นผู้ที่สามารถพูดจาสื่อสารกับผู้อื่นได้เป็นปกติอีกทั้งวาจาของท่านก็ยังเป็นไปเพื่อการสร้างบารมีอีกด้วยซึ่งทุกๆถ้อยคำที่ท่านเปล่งออกมาล้วนเป็นถ้อยคำเพชร ถ้อยคำพลอยที่ชักชวนให้ผู้อื่นรักในการสร้างความดีโดยที่ท่านจะไม่มีความบกพร่องทางด้านการสื่อสารด้วยวาจาเลยแม้แต่น้อยนั่นก็คือ…ท่านจะไม่เกิดมาเป็นคนใบ้ที่พูดไม่ได้ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第四种功德即是菩萨不会生为口哑之人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨都能正常的与人交流,而且他所说的话都是为了修波罗蜜,他所说的每一句每一个词都是邀请他人要乐于行善的金玉良言,在与人交流方面,菩萨不会存在丝毫的问题,即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,他绝不会是个不能言辞之人。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 5.ได้แก่เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ท่านจะไม่เป็นคนแคระและไม่เป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขาหมายความว่าหลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมีท่านจะเกิดมาเป็นผู้ที่มีรูปร่างลักษณะอันงดงาม สมส่วน กล่าวคือ ไม่สูงเกินไปไม่เตี้ยเกินไป ไม่ผอมเกินไป และไม่อ้วนเกินไปอีกทั้งบุคลิกลักษณะท่าทางการเดินเหินของท่านก็ยังเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาชนิดที่ว่า…ใครเห็นจะต้องเหลียวหลังหันกลับมาดูกันเลยทีเดียวซึ่งท่านจะไม่มีความพิการทางร่างกายเลยแม้แต่น้อยนั่นก็คือ…ท่านจะไม่เกิดมาเป็นคนตัวเล็กจนเกินไป และจะไม่เกิดมาเป็นคนพิการไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第五种功德即是菩萨不会生为腿脚短小,下肢残废之人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨都会是个身材优美,匀称之人,即是身材不会太高,也不会太矮,不会太瘦,也不会太胖。另一方面,他的仪表让人心生崇敬,即谁看到了之后都会转过来注目,即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,他不是身材矮小之人,也不是残疾之人。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 74
“อานิสงส์พิเศษ 18 ประการของพระโพธิสัตว์ ตอนที่ 2″
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十四集
“菩萨的十八种特殊功德”
梦中梦幼稚园编辑
อานิสงส์พิเศษประการที่ 6.ได้แก่ เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ท่านย่อมไม่เกิดในชนชาติมิลักขะหรือชนชาติป่าเถื่อนไร้การศึกษาหมายความว่าหลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมีท่านจะเกิดในชนชาติที่มีอารยธรรมหรือมีการศึกษาที่ดีเท่านั้นพร้อมทั้งบุคคลรอบตัวของท่านก็จะมีแต่บัณฑิต นักปราชญ์ และกัลยาณมิตรที่คอยชักชวนกันทำความดีอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ท่านสามารถที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่เต็มกำลังมากยิ่งๆขึ้นไปนั่นก็คือ…ท่านจะไม่เกิดเป็นคนป่าเถื่อนที่อยู่ในดินแดนไร้อารยธรรมไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第六种功德即是菩萨不会生为无知的野蛮人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨只会出生在文明或是有着良好教育的民族里,同时,他的家人都是有识之士和常常互相邀请去行善的善知识,这样才会让菩萨能够全力以赴地积累更多的波罗蜜,即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,他不会是一个生活在缺少文明的土地上的野蛮人。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 7.ได้แก่ เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านย่อมไม่เกิดในท้องของนางทาสี หมาย ความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะเกิดอยู่ในตระกูลสูงซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของมนุษย์ในยุคนั้น จึงทำให้ท่านมีอิสระในการดำเนินชีวิตอย่างเต็มที่ และสามารถที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างสะดวกสบาย นั่นก็คือ…ท่านจะไม่ไปเกิดในตระกูลที่มีฐานะต่ำ ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第七种功德即是菩萨不会生于佣人之手,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨只会出生在那个时期人们所崇敬的高贵之家中,这样就会使佛陀能够更方便地积累波罗蜜,即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,他不会出生在境遇差的家族中。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 8.ได้แก่ เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านจะไม่เป็นผู้ที่มีความเห็นผิดอย่างสุดโต่ง หรือที่เรียกว่า นิยตมิจฉาทิฏฐิ อย่างแน่นอน หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะเป็นคนที่มีสัมมาทิฐิมาตั้งแต่เกิด กล่าวคือ เป็นคนที่มีความเห็นถูกต้องและตรงไปตามความเป็นจริง ซึ่งอานิสงส์ข้อนี้จะทำให้ท่านมีความคิด คำพูด และการกระทำที่ถูกต้องตามไปด้วย นั่นก็คือ…ท่านจะไม่มีความเห็นผิดอย่างรุนแรง จนทำให้ท่านหลุดจากเส้นทางการสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第八种功德即是菩萨绝不会是个有错误见解之人,或是具有邪见之人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨一出生就具有正见,即菩萨是个具有正确和如实见解的人,这个功德让菩萨能够有着正确的想法,言论和行动。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨不会有错误激进的想法,以致脱离修波罗蜜证悟成佛之路的想法。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 9.ได้แก่ เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านย่อมไม่เป็นเพศหญิง ไม่เป็นบัณเฑาะก์ ไม่เป็นกะเทย หรือไม่เป็นบุคคลสองเพศที่เรียกว่า อุภโตพยัญชนก หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะเกิดมาเป็นบุรุษเพศหรือเพศชายเท่านั้น เนื่องจากบุรุษเพศจะมีรูปร่างลักษณะที่ใกล้เคียงกับลักษณะของกายมหาบุรุษมาก ที่สุด (แต่ถึงอย่างไรก็ตามร่างกายของมนุษย์เพศชายทั่วไป ก็ยังถือว่าห่างมากๆกับลักษณะของกายมหาบุรุษ)-และ ยังเป็นกายที่สามารถสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างดีที่สุดอีกด้วย นั่นก็คือ…ท่านจะเกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีเพศไม่วิบัติ ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第九种功德即是菩萨绝不会生为女子,太监,人妖或是人们所说的阴阳人(两性人),指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨只会是男性或是男人。因为男性的特征最接近大人身(但不管怎么说,普通男性的特点仍与大人身相距甚远),并且能够最好地积累波罗蜜,即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨不会是个性别有风险之人。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 10.ได้แก่ เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านย่อมไม่กระทำอนันตริยกรรม หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง โดยที่ท่านจะไม่พลาดไปกระทำอนันตริยกรรมอย่างแน่นอน เพราะอนันตริยกรรม ถือเป็นครุกรรมหรือกรรมหนักของทางฝ่ายบาปอกุศล ที่จะส่งผลก่อนกรรมอื่นๆ โดยจะทำให้ผู้ที่พลาดพลั้งไปกระทำอนันตริยกรรมต้องตกอเวจีมหานรกในทันทีหลังจากที่เสียชีวิต
อนันตริยกรรม มี 5 ประการ ดังต่อไปนี้
- ปิตุฆาต คือ ฆ่าบิดา
2.มาตุฆาต คือ ฆ่ามารดา
3.อรหันตฆาต คือ ฆ่าพระอรหันต์
4.โลหิตุปบาท คือ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนทำให้พระโลหิตออก หรือทำให้ห้อพระโลหิต
5.สังฆเภท คือ ทำให้สงฆ์แตกแยก
นั่นก็คือ…ท่านจะไม่กระทำบาปหนักดังกล่าว ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
第十种功德即是菩萨绝不会是个造无间业之人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨只会只会全身心地积累波罗蜜,绝不会失误而犯下无间业,因为无间业被认为是重业或是诸恶业中的重大恶业,将会先其他恶业回报给造业者,造无间业之人定在死后坠入阿鼻地狱。
五无间业
- 杀父
- 杀母
- 杀阿罗汉
- 出佛身血,即伤害佛陀,以致佛陀流血。
- 破和合僧,即分裂僧团。
即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨不会造上面所提到的大恶业。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 75
“ อานิสงส์พิเศษ 18 ประการของพระโพธิสัตว์ ตอนที่ 3 ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十五集
“菩萨的十八种特殊功德”
梦中梦幼稚园编辑
อานิสงส์พิเศษประการที่ 11.ได้แก่ เมื่อท่านได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านย่อมไม่เป็นโรคเรื้อน หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะเกิดมาเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง อีกทั้งท่านจะไม่เจ็บป่วยเป็น โรคติดต่อร้ายแรงจนเป็นที่น่ารังเกียจของสังคมอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ท่านสามารถที่จะสั่งสมบุญ สร้างบารมีได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง โดยที่ท่านไม่ต้องมาเสียเวลา เงินตรา และอารมณ์ ที่จะต้องมารักษาพยาบาลตนเอง นั่นก็คือ…ท่านจะไม่มีเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
菩萨的第十一个特殊功德利益就是:菩萨绝不会是个患有麻风病之人,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨一出生就是个身体健康,完整齐全的人,另一方面,菩萨绝不会患上烈性传染病以致遭受社会的厌弃,因为这个原因,菩萨就能够全力以赴地去修波罗蜜,不用浪费时间,金钱和感情去治疗护理自己。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨绝不会患上皮肤性疾病。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 12.ได้แก่ เมื่อท่านต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน อันเนื่องมาจากวิบากกรรมในอดีตชาติ ท่านย่อมเป็นสัตว์ประเภทที่มีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และไม่ใหญ่เกินกว่าช้าง หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี หากท่านจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน กายของท่านก็จะมีรูปร่างลักษณะที่พอดี สมส่วน ไม่เล็กจนเกินไปและไม่ใหญ่โตจนเกินไป อีกทั้งยังประกอบด้วยดวงปัญญาที่ สว่างไสว มีความแตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานโดยทั่วไปทั้งหมด โดยที่ในภพชาติสุดท้ายที่ท่านจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ท่านจะเกิดมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยลักษณะมหาบุรุษทั้ง 32-ประการ และอนุพยัญชนะ (ซึ่งเป็นลักษณะปลีกย่อย)-อีก 80-ประการ นั่นก็คือ…แม้ท่านจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน กายของท่านก็ยังมีไว้ใช้สำหรับการสั่งสมบุญสร้างบารมี ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
菩萨的第十二个特殊功德利益就是:当菩萨因前世的恶业而要投生为动物之时,菩萨绝不会是个身子比织布鸟小或是比大象还大的动物,指的是在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,如果注定要投生为动物的话,菩萨的身形都会是匀称合适的,不至于太小,也不会太过于巨大。另一方面,菩萨所投生的动物还具备有高超的智慧,和普通的动物有显著的不同。当菩萨在最后一世证悟成佛时,菩萨将会是个身体齐全并具备有三十二大人相和八十种吉相(细小一点的特点)的人。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,即使菩萨要投生为动物,他的身子还足够用来修波罗蜜。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 13.ได้แก่ ท่านจะไม่ไปเกิดเป็น ขุปปิปาสิกเปรต คือ เปรตผู้หิวกระหาย ไม่ไปเกิดเป็น นิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตผู้ถูกความอยากเผาผลาญ และไม่ไปเกิดเป็น กาลกัญชิกาสูร คือ อสูรกายชนิด หนึ่งที่ตัวสูงใหญ่มาก หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี หากท่านจะต้องไปเกิดอยู่ในภพภูมิของเปรตหรืออสุรกาย ท่านจะไม่เกิดเป็นเปรตหรืออสุรกายที่ถูกตัณหา (คือ ความอยาก)-ครอบ งำจิตใจอยู่ตลอดเวลา อย่างเปรตหรืออสุรกายโดยทั่วไป เพราะตัณหาย่อมไปบดบังดวงปัญญาที่คิดจะสร้างบารมีให้มืดมิดไป เปรียบเหมือนกับบุคคลผู้มีความหิวและกระหายอย่างมาก ก็ย่อมไม่มีอารมณ์ที่จะคิดทำสิ่งต่างๆ นั่นก็คือ…แม้ท่านจะต้องไปเกิดเป็นเปรตหรืออสุรกาย ท่านก็จะไม่ถูกเบียดเบียนด้วยตัณหาและความหิวกระหาย ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
菩萨的第十三个特殊功德就是:菩萨不会投生为ขุปปิปาสิก饥渴饿鬼,即没吃没喝的饿鬼,不会投生为นิชฌามตัณหิก烧渴饿鬼,即被欲望所焚烧的饿鬼。也不会投生为กาลกัญชิกาสูร起尸阿修罗,即一种体型异常巨大的阿修罗。意思是说,在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,如果菩萨必须要投生到饿鬼界或是阿修罗界的话,菩萨也不会投生像普通的饿鬼或是阿修罗一样被欲念(欲望)所控制的,因为欲念必会遮盖住想要修波罗蜜的智慧,好比一个饥渴难耐的人必定不会有什么心情去想着要做些什么事。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,即使菩萨要投生饿鬼或是阿修罗,他也不会遭受欲望和饥渴的侵害。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 14.ได้แก่ ท่านจะไม่ไปเกิดในอเวจีมหานรกและโลกันตนรก อย่างแน่นอน หมายความว่า…หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี หากท่านจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก ท่านจะไม่ไปเกิดในอเวจีมหานรกและโลกันตนรก ที่มีการทัณฑ์ทรมานอย่างแสนสาหัสโดยไม่มีการหยุดพัก อีกทั้งมีการทัณฑ์ทรมานเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก ซึ่งบุคคลที่จะไปเกิดในภพภูมิดังกล่าวนั้น คือ ผู้ที่กระทำบาปกรรมอย่างรุนแรง หรือผู้ที่มีความเห็นผิดอย่างสุดโต่ง แต่พระโพธิสัตว์เป็นผู้ประกอบด้วยความเห็นที่ถูกต้อง จะไม่พลาดพลั้งไปกระทำกรรมหนักเช่นนั้นอย่างแน่นอน นั่นก็คือ…แม้ท่านจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก ท่านก็จะไม่ไปเกิดในภพภูมิที่มีการทัณฑ์ทรมานอย่างหนัก จนทำให้ท่านขาดโอกาสในการสร้างบารมีเป็นระยะเวลาอย่างยาวนาน ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
菩萨的第十四个特殊功德利益就是:菩萨绝不会堕入阿鼻地狱和无间地狱。意思是说,在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,如果菩萨要投生为地狱众生,菩萨也不会出生在阿鼻地狱和永不间歇并长期遭受残酷刑罚折磨的无间地狱,那些死后堕入上面所讲到的地方之人,都是些造下巨大罪业或是有着极端错误见解之人,但菩萨身具正见,不会失足造下如此大的恶业。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,即使菩萨要投生为地狱众生,他也不会投生在要遭受残酷刑罚折磨的地方。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 15.ได้แก่ เมื่อท่านไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นกามาวจร ท่านจะไม่เป็นเทวดาที่มีความเห็นผิด และท่านจะไม่เป็นเทวบุตรมาร หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี หากท่านต้องไปเกิดเป็นเทวดา ท่านจะไม่เกิดเป็นเทวบุตรมาร (เทวบุตรที่ถูกมารบังคับ)-ที่เป็นมิจฉาทิฐิ และชอบขัดขวางการทำความดีของผู้อื่น โดยเมื่อเทวบุตรมารเห็นใครทำความดีแล้ว จะรู้สึกขัดอกขัดใจและทนไม่ได้ อยากที่จะหาทางขัดขวาง กลั่นแกล้ง หรือทำร้าย เพื่อจะทำให้ผู้นั้นไม่สามารถทำความดีสำเร็จได้ หรือไม่สามารถที่จะทำความดีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอัธยาศัยดังกล่าว เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับอัธยาศัยของพระโพธิสัตว์อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากพระโพธิสัตว์เป็นผู้มีจิตใจอันใสสะอาดบริสุทธิ์ ที่พลอยจะชื่นชมยินดีและอนุโมทนาบุญกับการทำความดีของผู้อื่นอยู่เสมอ นั่นก็คือ…ไม่ว่าท่านจะเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาก็ตาม ท่านจะเป็นผู้ประกอบด้วยความเห็นอันถูกต้อง ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
菩萨的第十五个特殊功德利益就是:当菩萨出生在欲界天堂时,菩萨不会是个具有邪见的天人或是恶天人。意思是说,在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,如果菩萨要投生为天人,菩萨绝不会是个身具邪见,喜欢阻挠他人行善的恶天人(受魔罗支配的天人),如果是恶天人,当他看到他人行善了,就会心堵并忍受不了,想要想办法来阻挠,刁难或是破坏,为的是让那人不能成功地行善或是不能全力地去行善。因此,上面所讲到的习性与菩萨的品性是完全相反的,这是因为菩萨的心纯净而透明,乐于看到他人行善并总是喜欢跟行善之人随喜功德。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,不管菩萨投胎为人还是天人,菩萨都是个身具正见之人。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 16.ได้แก่ เมื่อท่านไปได้เกิดในพรหมโลก ท่านจะไม่เกิดเป็นอสัญญีพรหม และสุทธาวาสพรหม หมาย ความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี หากท่านต้องไปเกิดเป็นพรหม ท่านจะไม่เกิดเป็นอสัญญีพรหม หรือที่เรียกกันว่า พรหมลูกฟัก ซึ่งเป็นพรหมที่มีแต่รูปร่างโดยไม่มีความรู้สึกนึกคิด และไม่สามารถที่จะรับรู้อะไรได้ทั้งสิ้น กล่าวคือ ความรู้สึกภายนอกดับหมด แต่กิเลสในตัวนั้นยังไม่ดับ อีกทั้งเป็นพรหมที่อยู่ในอิริยาบถเดียวเท่านั้น โดยที่ก่อนตายอยู่ ในท่าไหน เมื่อตายแล้วก็อยู่ในท่านั้น ไปตลอดจนครบอายุขัยในพรหมโลก ซึ่งมีอายุขัยถึงห้าร้อยมหากัป และท่านจะไม่ไปเกิดเป็นพรหมในชั้นสุทธาวาส เพราะเป็นสถานที่อยู่ของพระอนาคามีบุคคล ผู้ที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์อย่างแน่นอน นั่นก็คือ…เมื่อท่านไปเกิดในพรหมโลก ท่านจะไม่เกิดเป็นพรหมที่ไม่มีโอกาสในการสร้างบารมี และท่านจะไม่ไปเกิดเป็นพรหมในชั้นของพระอนาคามีบุคคล ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
菩萨的第十六个特殊功德利益就是:当菩萨出生在梵天界时,菩萨不会是个有形而无想的梵天人或是净居天天人。意思是说,在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,如果菩萨要投生为梵天人,菩萨绝不会是被人称为冬瓜梵天人的无想梵天人,即是空具身体,却没有思想,也不能感受到任何事物的梵天人。总的来说就是:外在的感觉已经全部消失了,但体内的烦恼还没有止息。这种梵天人仅有一种姿势,生前是什么姿势,死后也是什么姿势,及至梵天界的寿命完结,即500大劫的时间。另外,菩萨也不会出生为净居天天人,因为那是阿那含圣者,那些绝对会证成阿罗汉之人所在的地方。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,当菩萨出生在梵天界时,菩萨绝不会是个没有机会修波罗蜜的梵天人,也不会是阿那含圣者所在之地的天人。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 76
“ อธิมุตตกาลกิริยา ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十六集
“以增上的方式结束寿命”
梦中梦幼稚园编辑
อานิสงส์พิเศษประการที่ 17.ได้แก่ ท่านจะไม่ไปเกิดในอันติมภพ หมายถึง ภพอันสูงสุดของภพสาม หรือที่เราเรียกกันว่า อรูปภพ หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะไม่ไปเกิดในอรูปภพทั้งสี่ชั้นอย่างแน่นนอน ซึ่งบุคคลที่จะไปเกิดในอรูปภพนั้น คือ บุคคลที่เจริญภาวนาโดยไม่ได้กำหนดรูปเป็นอารมณ์ จนกระทั่งฌานที่ปราศจากรูป หรือ อรูปฌาน เกิดขึ้น และหากบุคคลนั้นตายไปในขณะที่ฌานยังไม่เสื่อม ด้วยอำนาจแห่งอรูปฌานนี้ก็จะทำให้บุคคลนั้นได้ไปเกิดในอรูปภพ เป็นอรูปพรหมที่มีอายุขัยยืนยาวมากๆ ยาวนานเป็นหลายหมื่นมหากัปเลยทีเดียว แต่การที่พระโพธิสัตว์ไม่ไปเกิดเป็นอรูปพรหม เพราะจะทำให้ท่านต้องเสียเวลาในการสั่งสมบุญสร้างบารมี เพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต นั่นก็คือ…ท่านจะไม่ไปเกิดในภพภูมิที่มีการเสวยสุขหรือทุกข์นานเกินไป จนทำให้ท่านขาดโอกาสในการสั่งสมบุญสร้างบารมีเป็นระยะเวลายาวนาน ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
菩萨的第十七个特殊功德利益就是:菩萨不会出生在三界中最高的一界,或是我们所称呼的无色界。意思是,在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨绝不会出生在四层无色界中,那些出生在无色界之人,都是些不用观相而能静坐修行,以至到达无相之禅,或说是无色禅之人。当那个人死了之后,如果禅定还没有衰退,那么无色禅的威德力就会让那个人出生在无色界,成为拥有寿命长达好几万大劫的无色界天人。但菩萨不会投生为无色界天人,因为这会耽误菩萨修波罗蜜证悟成佛的时间。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,当菩萨出生在梵天界时,菩萨不会出生在长期享乐或是受苦,以致长时间缺少机会修波罗蜜的地方。
อานิสงส์พิเศษประการที่ 18.ได้แก่ ท่านจะไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่น หมายความว่า หลังจากที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว ในภพชาติต่อๆไปที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในจักรวาลเดียวเท่านั้น โดยที่ท่านจะไม่พลัดไปเกิดในจักรวาลอื่นอย่างแน่นอน จนกระทั่งกำลังบุญบารมีทั้งสามสิบทัศของท่านเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ท่านก็จะลงมาตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ หนึ่งในอนาคต นั่นก็คือ…ท่านจะเกิดมาสร้างบารมีอยู่ในจักรวาลเดียวเท่านั้น ไปตลอดทุกภพทุกชาติที่ท่านได้เกิดมาสร้างบารมี
菩萨的第十八个特殊功德利益就是:菩萨不会出生在其他宇宙。意思是说,在菩萨从佛陀处获得授记后,菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨只在一个宇宙中进行轮回,绝不会转生到其他宇宙,及至菩萨圆满地积累完30种波罗蜜,菩萨就会下凡证悟成佛。即是说,在菩萨出生修波罗蜜的每一世里,菩萨只会在一个宇宙中修波罗蜜。
นอกจากอานิสงส์แห่งการเป็นผู้ไม่เข้าถึงอภัพฐานะทั้งสิบ 18-ประการ พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังจะได้รับอานิสงส์พิเศษอีกประการหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อพระโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์ หนึ่งแล้ว นอกจากตัวท่านจะได้รับอานิสงส์พิเศษดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังมีอานิสงส์พิเศษอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นมา เพื่อสนับสนุนการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์โดยเฉพาะ นั่นก็คือ การทำ อธิมุตตกาลกิริยา หรือการอธิษฐานจิตดับชีพของตน เพื่อลงมาเกิดสร้างบารมีบนโลกมนุษย์
除了以上所提的十八个特殊功德利益,在菩萨从佛陀处获得授记后,还得到了另一个特殊的功德,这是一个专门帮助菩萨修波罗蜜的功德,即是:以增上的方式结束寿命,或说是为了在世间修波罗蜜而许愿熄灭自己生命之火的行为。
หมายความว่า เมื่อพระโพธิสัตว์ได้ไปเกิดเป็นเทวดาหรือ ได้ไปเกิดเป็นพรหมแล้ว หากท่านมีความเบื่อหน่ายในการที่จะเสวยสุขอันเป็นทิพย์ เพราะปรารถนาจะลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีบนโลกมนุษย์ พระโพธิสัตว์ก็สามารถที่จะกระทำอธิมุตตกาลกิริยาได้ โดยการอธิษฐานจิตให้จุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ในทันที ซึ่งการทำอธิมุตตกาลกิริยานี้ เป็นเรื่องที่ไม่ทั่วไปแก่เหล่าเทวดาทั้งหลาย เพราะมีแต่นิยตโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้ว และได้ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตเท่านั้นที่สามารถจะทำอธิมุตตกาลกิริยานี้ได้ โดยที่เทวดาเหล่าอื่นทั่วไปจะไม่สามารถทำเฉกเช่นนี้ได้
意思是说:当菩萨投生为兜率天天人之后,如果菩萨因为想要下到人间来修波罗蜜,对享乐已经生出厌烦之心后,菩萨就能够以增上的方式结束寿命,通过许愿来使自己立即下凡为人。这对所有天人来说,并不是件很普遍的事情,因为只有获得佛陀授记并投生为兜率天天人的菩萨才能做到,而其他的普通天人却不能做到这样。
เราจะเห็นได้ว่า เมื่อพระโพธิสัตว์ได้รับอานิสงส์พิเศษดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ก็จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของท่านใกล้เข้ามาทุกขณะ ตามระยะเวลาที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งอานิสงส์พิเศษทั้งหมดดังที่กล่าวมาแล้วนั้น เราสามารถที่จะสรุปโดยย่อได้ดังต่อไปนี้ คือ
我们可以看出,当菩萨获得上面所讲到的功德之后,就能够确认:从获得佛陀的授记开始,菩萨就一步步接近成佛,而前面我们所讲到的所有特殊功德,可以简单地作出如下的总结:
เมื่อพระโพธิสัตว์ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านจะเกิดมาเป็นบุรุษเพศ (หรือเพศชายแท้)-ที่มีอวัยวะสมส่วนครบถ้วนทั้ง 32-ประการ อีกทั้งอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหมดก็สมบูรณ์แข็งแรง และสามารถที่จะใช้งานเพื่อการสร้างบารมีได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ท่านเป็นผู้ที่มีรูปร่างลักษณะงดงามสมส่วน ดูดี และเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของผู้ที่ได้พบเห็น อีกทั้งยังทำให้ท่านสามารถที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
当菩萨出生为人时,他将会是一个男子(真实男性),身材匀称,32大人相齐全,身体器官健全,能够很好使用在修习波罗蜜事业中。因为这个原因,就使得菩萨能成为一个身材匀称,相貌庄严,让遇见之人产生信仰的人。这样的基础得以让菩萨全力以赴地去修波罗蜜。
เมื่อพระโพธิสัตว์ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านจะเป็นผู้ที่มีสติปัญญาอัน เลิศ และเป็นคนที่มีสัมมาทิฐิมาตั้งแต่เกิด จึงทำให้ท่านเป็นผู้ที่สามารถจะสอนตัวเองได้บนพื้นฐานความเชื่อที่ถูกต้อง ตรงไปตามความเป็นจริง โดยที่ท่านจะเป็นผู้มีความเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม กล่าวคือ เชื่อเรื่องบาปบุญ คุณโทษ นรกสวรรค์ โลกนี้โลกหน้า เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ท่านเป็นผู้มีความคิด คำพูด และการกระทำ ที่ถูกต้องดีงามและเป็นไปเพื่อการสร้างบารมีเท่านั้น
当菩萨出生为人后,他将是一个有着卓越之智,从出生开始就生具正见之人。这使得他能够在拥有正确信仰的基础上教导自己,如实地前进。菩萨坚信因缘果报,即是说:菩萨相信功德恶业,相信有地狱天堂,相信有来世今生等等。因为这个原因,使得菩萨的思想和言行都正确优秀,这都是为了可以更好的修习波罗蜜。
เมื่อพระโพธิสัตว์ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านจะเกิดในประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยศีลธรรม อีกทั้งท่านจะไปเกิดในตระกูลที่เป็นสัมมาทิฐิและมีฐานะร่ำรวย ซึ่งเป็นตระกูลที่ได้รับความเคารพนับถือของสังคมในยุคนั้นๆ รวมทั้งบุคคลรอบข้างของท่านก็จะมีแต่บัณฑิตนักปราชญ์ที่เป็นกัลยาณมิตร คอยชักชวนกันทำความดีอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ท่านสามารถที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างสะดวกสบาย และทำได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง โดยที่ท่านไม่ต้องมากังวลใจในเรื่องการหาทรัพย์ และความเข้าใจผิดของบุคคลรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
当菩萨出生为人时,菩萨将会出生在因道德高尚而繁荣兴盛的国度,另外,菩萨将出生在拥有正见并富裕的家族里,那个家族是在那个时代人所敬奉的家族,在菩萨周围的人皆是善知识类的学士,常常邀请别人行善。因为这个原因,就使得菩萨能够轻易并全力以赴地去修波罗蜜。因而菩萨不用担心寻找钱财之事,身边也不会有邪见之人。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 77
“อานิสงส์พิเศษของพระโพธิสัตว์”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十七集
“菩萨的特殊功德”
梦中梦幼稚园编辑
ถ้าหากว่า พระโพธิสัตว์จะต้องไปบังเกิดในภพภูมิอื่นโดยที่ท่านไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านจะไม่ไปบังเกิดในภพภูมิที่ได้รับความทุกข์ยาก ลำบากจนเกินไป อีกทั้งท่านก็จะไม่ไปบังเกิดในภพภูมิที่มีการเสวยสุขอันเป็นทิพย์ยาวนานเกิน ไปอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง…จึงทำให้ท่านสามารถที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างตลอด ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องมาเสียเวลาหรือขาดโอกาสในการสร้างบารมีเพราะเสวยสุขหรือทุกข์นาน จนเกินไป
如果说菩萨没有出生为人而要投生到其他界,菩萨不会投生到会遭受巨大苦难的世界,另外,菩萨也不会投生一个长期享乐的境界。因为这个原因,就使得菩萨能够持续不断地修波罗蜜,不用因为长期享乐或是受苦而浪费时间或是丧失机会修波罗蜜。
และที่สำคัญ พระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีจิตใจฝักใฝ่ในการสร้างบารมีอย่างไม่มีวันเปลี่ยน แปลง อีกทั้งท่านก็ยังเป็นผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีให้ มากยิ่งๆขึ้นไป เพื่อจะมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ท่านได้ตั้งความปรารถนาไว้ นั่นก็คือ การตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
而重要的是:菩萨对修波罗蜜的向往之心矢志不移,一心想要积累更多的波罗蜜,以便能实现自己发下的在未来世证悟成佛的愿望。
สำหรับการสั่งสมบุญสร้างบารมี เพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างบารมีให้ครบถ้วนและเต็มเปี่ยมทุกประการ โดยที่จะขาดบารมีข้อใดข้อหนึ่งไปไม่ได้เลย หรือบารมีบางข้อจะขาดตกบกพร่องพร่องไปสักนิดก็ไม่ได้
对于积累波罗蜜证悟成佛,需要毫无遗漏并圆满地修完所有波罗蜜,缺少一种或是有丝毫的缺陷都不可以。
ดังนั้น การที่พระโพธิสัตว์จะทำมโนปณิธานในการที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ สำเร็จได้นั้น ท่านจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างบารมีทั้งสามสิบทัศให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ และเมื่อบุญบารมีทั้งสามสิบทัศของท่านเต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว ท่านก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ซึ่งเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกและจักรวาล ที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสารแห่งความทุกข์ ไปสู่ฝั่งพระนิพพานอันเป็นบรมสุขได้ ดังนั้น การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์แต่ละท่าน จะต้องใช้ความเพียรพยายาม ความตั้งใจที่มุ่งมั่น และมีความอดทนอย่างมากในการสร้างบารมี และที่สำคัญจะต้องประกอบด้วยธรรมที่จะทำให้ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีก ด้วย
所以,菩萨要实现证悟成佛的愿望,必须圆满地修足30种波罗蜜,当30种波罗蜜都圆满具足后,菩萨就能在未来世证悟成佛,而佛陀是世界和宇宙中最伟大之人,将带领众生脱离痛苦的六道轮回之圈,奔赴极乐之地——涅槃之岸。每一位修波罗蜜的菩萨在修波罗蜜事业中都必须拥有大决心,大毅力和大忍辱。而重要的是,必须配备有能够证悟成佛的佛法。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 78
“ พุทธการกธรรม ธรรมสำหรับบ่มพระโพธิญาณ ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十八集
“培养正等正觉之圣法”
梦中梦幼稚园编辑
ในการสั่งสมบุญสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระโพธิสัตว์แต่ละท่านจะต้องเป็นผู้ที่มีความตั้งใจอย่างมุ่งมั่น มีความเพียรพยามอย่างแรงกล้า และมีความอดทนอย่างมากในการสร้างบารมี อีกทั้งท่านจะต้องเป็นผู้ที่ประกอบด้วยหลักธรรมอันสำคัญที่เรียกว่า พุทธการกธรรม (อ่านว่า พุด-ทะ-กา-ระ-กะ-ทำ)-หรือ ธรรมสำหรับบ่มพระโพธิญาณ ซึ่งก็คือ ธรรมที่จะทำให้ท่านเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
在积累波罗蜜证悟成佛中,每一位菩萨必须拥有大决心,大毅力和大忍辱,另外,还必须配备有重要之法,即人们称呼的圣法,或是培养正等正觉之法,即:证悟成佛之法。
สำหรับพุทธการกธรรมนี้ ถือเป็นธรรมที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ เพราะถ้าหากพระโพธิสัตว์ปราศจากพุทธการกธรรมแล้ว ท่านก็ไม่สามารถที่จะตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์หนึ่งในอนาคตได้ ซึ่งพุทธการกธรรมที่กล่าวถึงนี้ก็คือ บารมีทั้งสิบทัศ ที่พวกเรารู้จักกันโดยทั่วไปนั่นเอง
此圣法被认为是菩萨修波罗蜜中非常重要之法,因为如果菩萨没有这个圣法,就不能在未来世证悟正等正觉成就佛陀,而这里所讲到的圣法,即是我们普遍了解的30波罗蜜。
ส่วนคำว่า บารมี มาจากคำว่า ปูระธาตุ ที่แปลว่า “เต็มเปี่ยมสูงสุดหรือสมบูรณ์ที่สุด”-ซึ่ง หมายความว่า ในการสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระโพธิสัตว์แต่ละท่านจะต้องบำเพ็ญพุทธการกธรรมนี้ให้ครบถ้วนและเต็มเปี่ยม บริบูรณ์ทุกประการ โดยที่จะขาดบารมีข้อใดข้อหนึ่งไปไม่ได้เลย และที่สำคัญ ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเกิดขึ้นได้นั้น ก็เพราะพระโพธิสัตว์ได้ทุ่มเทสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพัน กันเลยทีเดียว
波罗蜜,出自巴利语的卜腊踏,意为最圆满,指的是:为了证悟成佛而修波罗蜜,每一位菩萨要圆满并毫无遗漏地修持此圣法,缺一不可。重要的是:佛陀之所以能诞生,就是因为以生命为赌注全心全意地投入到修波罗蜜中去。
จากการที่พระโพธิสัตว์ได้ทุ่มเทสั่งสมบุญสร้างบารมีมาอย่างตลอดต่อเนื่อง จึงเป็นผลทำให้บุญของท่านเพิ่มปริมาณมากขึ้นไปเรื่อยๆอย่างตลอดต่อเนื่อง เช่นกัน และเมื่อบุญของท่านมีปริมาณมากเข้า…มาเข้า ก็จะเกิดการกลั่นตัวจาก ดวงบุญ กลายเป็น ดวงบารมี ที่มีความใส สะอาด บริสุทธิ์มากยิ่งๆขึ้นไป ซึ่งเมื่อพระโพธิสัตว์ได้สั่งสมบุญสร้างบารมีจนกระทั่งบารมีทั้งสามสิบทัศ เต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว ท่านก็จะตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ในอนาคตในที่สุด
由于菩萨持续地积累波罗蜜,所以菩萨的功德也在持续不断地增加,比如:当菩萨的功德不断地增加后,就会从功德之球净化为更加清洁、更加纯净的波罗蜜之球。当菩萨积累波罗蜜及至30波罗蜜圆满之后,菩萨将在未来世证悟正等正觉成就佛陀。
ด้วยความที่พระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณญาณเป็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้านี้เอง จึงทำให้ท่านสามารถที่จะกำจัดกิเลสอาสวะที่มีอยู่ในใจให้หมดสิ้นไปได้อย่าง สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ อีกทั้งยังสามารถที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสารแห่ง ความทุกข์ ไปสู่ฝั่งพระนิพพานอันเป็นบรมสุขตามท่านไปได้อีกด้วย
因为菩萨证悟成佛陀,就使得菩萨能够除尽心中的烦恼,同时还能带领众生脱离痛苦的六道轮回之圈,让众生跟随他奔赴极乐之地——涅槃之岸。
และถ้าหากจะกล่าวถึงบารมีในเชิงปฏิบัติ ก็สามารถที่จะอธิบายความหมายโดยสังเขปได้สองประการ ดังต่อไปนี้ คือ ประการที่ 1.บารมี ก็คือ บุญ นั่นเอง แต่ว่าเป็นบุญที่มีคุณภาพพิเศษที่เกิดจากการกลั่นตัวมาจากบุญอีกทีหนึ่ง จึงทำให้บารมีนี้มีลักษณะที่สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส เป็นอย่างมาก โดยที่บารมีนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นได้ทำความดีอย่างยิ่งยวด ชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพัน กันเลยทีเดียว
说到实践和理论上的波罗蜜,也能简明扼要地解释为两点。第一点:波罗蜜就是功德,是一种净化自另一种功德的特殊性功德,这个功德有着高度洁净、纯净、透明的特性。只有当那个人能够竭尽心力地去行善后才会产生这种波罗蜜,即人们所讲的那种拿生命去做赌注的方式。
ซึ่งการทำความดีอย่างยิ่งยวดชนิดที่เรียกว่าเอาชีวิตเป็นเดิมพันนั้น ก็คือ การทำความดีอย่างสุดความรู้ความสามารถของตนเอง โดยการทุ่มเททำความดีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง อีกทั้งยังประกอบด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะมุ่งไปสู่ความสำเร็จให้ได้ โดยไม่มีความหวั่นไหวหรือย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งหลายที่เข้ามาขัดขวางต่อการทำ ความดีเลย ถึงแม้ว่าความสำเร็จนี้อาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิต ก็ไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้หรือหวาดหวั่นต่อมรณภัยเลยแม้แต่น้อย แต่กลับคิดที่จะสู้ทำความดีให้ถึงที่สุดจนกว่าจะถึงฝั่งแห่งชัยชนะ
这种竭尽心力去行善的方式就称之为拿生命去做赌注,即是:全心全意地尽自己的最大能力去行善,一心一意想要把事情完成,不会惊惧或是气馁于前来阻挠行善的种种艰难险阻,即使这种成功需要用生命来换取,那个人也不会对危险有丝毫的畏惧,一心想着要行善到底,直至到达胜利之岸。
ประการที่ 2.บารมี คือ นิสัยทุ่มเททำความดีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งนิสัยของแต่ละบุคคลเกิดขึ้นได้จากการที่บุคคลนั้น ได้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่เป็นประจำ จนเป็นผลทำให้เกิดความคุ้นเคยกับสิ่งนั้น แล้วต่อมาก็จะเกิดความเคยชินกับสิ่งนั้น และในที่สุดสิ่งนั้นก็จะกลายมาเป็นนิสัยที่ติดตัวบุคคลนั้นไปข้ามภพขามชาติ ดังนั้น การที่บุคคลใดได้หมั่นสั่งสมบุญอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ และได้ทุ่มเททำอย่างเต็มที่เต็มกำลังแล้ว ก็จะทำให้บุคคลนั้นมีนิสัยรักในการทำความดีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
第二点:波罗蜜是性格,每个人的性格源于那个人一生中常做的事情,对那件事会产生熟悉感,之后形成一种习惯,最终转变为一种性格生生世世地跟随着那个人。所以,如果哪个人总是勤于积累功德,全心全意地投入,就会使得那个人拥有拿生命做赌注地去行善的性情。
ดังนั้น เมื่อนำความหมายของคำว่า บารมี ในเชิงปฏิบัติทั้งสองประการมารวมกันแล้ว ก็สามารถที่จะสรุปออกมาได้ว่า บารมี หมายถึง การทำความดีอย่างยิ่งยวด หรือการทำความดีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพัน อยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยดีๆที่ติดแนบแน่นเข้าไปอยู่ในใจอย่างมั่นคง และด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นผลทำให้สามารถที่จะกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดไปจากใจได้ในที่สุด
所以,当把波罗蜜在理论和实践上的两种意思结合起来后,就可以总结得出:竭尽心力或是全心全意地去行善,甚至不惜以生命为代价,直至这种行善的习惯转变成一种好的性情,深深的留在心中,这样那个人终将把心中的烦恼全部去除掉。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 79
“ กิเลสสามตระกูล ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第七十九集
“烦恼群”
梦中梦幼稚园编辑
ดังนั้น เมื่อบุคคลใดที่ย้ำคิด ย้ำพูด และย้ำทำ ในสิ่งที่ดีอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้นิสัยดีๆเกิดขึ้นติดตัวบุคคลนั้นไปตลอด แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากบุคคลใดที่ย้ำคิด ย้ำพูด และย้ำทำ ในสิ่งที่ไม่ดีอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้บุคคลนั้นได้นิสัยที่ไม่ดีติดตัวไปเช่นกัน เมื่อบุคคลใดได้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่เป็นประจำ ด้วยการย้ำคิด ย้ำพูด และย้ำทำ ผ่านกิจวัตรกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ก็จะทำให้สิ่งนั้นกลายมาเป็นพฤติกรรมเคยชินของบุคคลนั้น หรือที่เรียกว่า นิสัย หรือ สันดาน นั่นเอง และนิสัยนี้จะเป็นโปรแกรมประจำตัวของแต่ละบุคคล ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อชีวิต ทั้งนี้เป็นเพราะนิสัยทั้งด้านดีและด้านไม่ดีจะกลายโปรแกรมประจำตัวติดตาม ตัวบุคคลนั้นไปข้ามภพข้ามชาติ
所以,当一个人总是不断的去想、去说、去做好事时,就能让那个人生出好的性情并一直跟随他。而如果那个人总是不断的去想、去做、去说坏事时,就会让那个人生出恶习并一直跟随他。当一个人总是反复地想,反复地说,反复地做的日常事务,那些事就会变成那个人的日常习惯,称之为性格或本性。这些性格就成为每个人自身的程序,对生命有着巨大的影响。这些好的和坏的性情会都转变成自身程序生生世世紧随着那个人。
สำหรับนิสัยไม่ดีที่มีอยู่ในตัวของเรานั้น แท้จริงแล้วเกิดขึ้นจาก กิเลส ที่มาบีบคั้นใจโดยที่เราไม่รู้ตัว อีกทั้งยังบังคับให้คิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่ว อีกด้วย โดยที่กิเลสนี้ ก็คือสิ่งที่แฝงติดอยู่ในใจของเรา แล้วทำให้ใจของเราเศร้าหมองขุ่นมัว เปรียบเหมือนกับการใส่สีลงไปในน้ำใส ก็จะทำให้น้ำใสเกิดการเปลี่ยนสีไปจากเดิม เช่นเดียวกันกับสภาพใจดั้งเดิมของเรานั้น ก็มีลักษณะที่ใส สะอาด และบริสุทธิ์ แต่ด้วยกิเลสนี้เอง จึงทำให้ใจของเราเสียสภาพที่ดีงามไป ซึ่งกิเลสมีอยู่ด้วยกันสามตระกูลใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้ คือ
我们的坏性情是来自在于我们内心的烦恼,这些烦恼强迫我们去想,去说,去做坏事,隐藏在我们心里的烦恼会让我们的心浑浊。就好比把颜料放到清水中,就会把水本来的颜色改变。我们的心本来是透明,干净和纯净的,但因为烦恼,就使得我们的心失去了本来的光彩。这些烦恼有如下3组:
1.กิเลสตระกูลโลภะ คือ กิเลสที่ทำให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดความอยากได้จนเกินพอดี ถึงกับเกิดอาการดิ้นรนจนอยู่ไม่เป็นสุข และหากระงับความอยากที่เกิดขึ้นไม่ได้ ก็จะเป็นต้นเหตุให้คิดแสวงหาสิ่งที่อยากได้มาครอบครองด้วยวิธีการต่างๆ แต่ถ้าหากไม่ได้สิ่งที่ต้องการนั้นมาด้วยวิธีการที่ชอบธรรม ก็จะนำให้ไปทำความชั่วต่างๆ เช่น ลักขโมย ทุจริต คอรัปชั่น โกง ปล้น หรือฆ่าคนตาย เป็นต้น
1.贪欲之烦恼,即让众生产生过份的欲望,然后深陷其中,以致没有幸福可言。如果不能阻止欲望的产生,会为自己想要占有之物的贪念找到各种原因,如果不能以合法的手段获取所需之物,那么欲望就会引领其去做各种恶事,如:偷盗,贪污舞弊,欺诈,强抢或是杀害他人等等。
2.กิเลสตระกูลโทสะ คือ กิเลสที่ทำให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดความรู้สึกโกรธ ขัดเคือง ไม่พอใจ เพราะถูกขัดใจด้วยสิ่งที่ไม่ชอบใจ ซึ่งถ้าหากระงับความโกรธที่เกิดขึ้นไม่ได้ ก็จะเป็นต้นเหตุให้คิดประทุษร้าย และทำลายผู้ที่ทำให้ตนเองรู้สึกขัดใจด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ฟ้องร้อง ยึดทรัพย์ เผาบ้านเรือน หรือฆ่าผู้นั้นให้ตาย เป็นต้น
2.嗔欲之烦恼,即让众生生出恼怒,不满之心的烦恼,之所以这样是因为受到不称心之事的触犯。如果不能制止住嗔怒,就会成为想要利用各种手段来伤害那个让自己感到不满之人,比如:辱骂,占有财产,烧人房屋或是杀害等等。
3.กิเลสตระกูลโมหะ คือ กิเลสที่ทำให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดความหลงผิด มีความรู้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง จนเป็นผลทำให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ และไม่เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม กลายเป็นคนมีความเห็นผิดอย่างสุดโต่ง ทำให้ปิดกั้นหนทางสวรรค์และ พระนิพพานของตนเองไปในที่สุด ดังนั้น เมื่อผู้ใดถูกโมหะเข้าครอบงำจิต จนเกิดความหลงผิด ย่อมทำให้คำพูดและการกระทำของผู้นั้นผิดพลาดตามไปด้วย
- 痴迷之烦恼,即让众生产生迷失之心,所知所想偏离真相,以致使众生不能明了善恶是非,不知功德罪业,不信因果报应,变成一个身具邪见之人,最后使得自己前往天堂和涅槃的道路关闭。所以,当一个人被痴迷控制心灵之后,就会迷失,致使自己的言行也跟着犯错。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 80
“ กิเลสสามตระกูล (2) ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十集
“烦恼群(二)”
梦中梦幼稚园编辑
จะเห็นได้ว่า กิเลสทั้งสามตระกูลนี้จะคอยบีบคั้นใจของมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย อยู่ตลอดเวลา โดยทำให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ย้ำคิด ย้ำพูด และย้ำทำในทางที่ไม่ดีอยู่เป็นประจำ จนกลายเป็นนิสัยที่ไม่ดีติดตามตัวไปข้ามภพข้ามชาติ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายพลาดพลั้งไปกระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากวงจรแห่งวัฏสงสารนี้ไปได้
我们可以看出:这3组烦恼一直在强迫众生之心,让众生总是在错误的道路上反复地想错,说错,做错,直至成为一种坏的性情生生世世地跟随着他们。也因为这样,使得众生反反复复的犯下错误,以致不能脱离六道轮回。
เมื่อเราได้รู้แล้วว่า ต้นเหตุที่ก่อให้เกิดนิสัยที่ไม่ดีนั้นมาจากกิเลส ซึ่งแม้เราจะยังมองไม่เห็นตัวว่ามีรูปร่างและลักษณะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่เราสามารถจะสังเกตได้นั้นก็คือ พฤติกรรมไม่ดีที่ตัวเราแสดงออกมา อันเกิดขึ้นจากกิเลสที่แฝงตัวอยู่ภายในใจ ดังนั้น ถ้าหากเราต้องการที่จะกำจัดกิเลสที่มีอยู่ภายในใจให้หมดสิ้นไป เราจะต้องแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่ดีให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้กิเลสที่ซุกซ่อนอยู่ภายในใจเกิดอาการย่ำแย่และฝ่อลง แต่บุญกุศลจะเพิ่มพูนและเข้ามาแทนที่อยู่ภายในใจของเราแทน
当我们知道产生坏性情的原因是源自烦恼后,即使我们还看不到自己有着怎样的性情和特点,但我们能够留意的是:那些不良行为都源自于潜伏在我们内心的烦恼,所以,如果我们要完全地去除内心的烦恼,就要修正自己的不良行为,这样才能让隐藏在我们内心的烦恼干瘪下去,让功德增加并取代之存留在我们的内心。
อุปมาเหมือนกับการที่เราเป็นไข้ ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นเชื้อโรคที่ ทำให้เราเป็นไข้ก็ตาม แต่เมื่อเรากินยารักษาโรคเข้าไป จนทำให้อาการไข้ลดลง ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เชื้อโรคเหล่านั้นถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น เมื่อเราไม่อยากให้นิสัยไม่ดีมีอยู่ภายในตัวของเรา เราก็ต้องสั่งสมพฤติกรรมที่ดีเข้าไปแทนที่ ด้วยการย้ำคิด ย้ำพูด และย้ำทำ แต่สิ่งที่ดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเกิดความคุ้นเคยและเคยชินกับการทำความดี ก็จะเป็นผลทำให้นิสัยที่ดีเกิดขึ้นมาแทนที่ และสามารถล้มล้างนิสัยที่ไม่ดีไปได้ในที่สุด
好比我们发烧了,即使自己看不见让我们发烧的病菌,但当我们服药后,病情会缓和下去,就可以知道,那些病菌是被消灭了。所以,当我们不想让不良的性格存留在体内时,我们就需积累良好的行为取代不良性格,通过反反复复地想着,说着,做着好事,直至对行善产生一种熟悉和习惯,这样,产生的良好性格就会取代不良性格,并最终消灭不良性格。
ดังนั้น เราจึงจำเป็นจะต้องสร้างบารมีให้ เต็มที่เต็มกำลัง ทั้งนี้เป็นเพราะการสร้างบารมีเป็นการทุ่มเททำความดีอย่างยิ่งยวด ชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพัน จึงส่งผลทำให้นิสัยที่ดีเกิดขึ้นกับตัวเรา และติดตามตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ อีกทั้งยังเป็นการกำจัดกิเลสอันเป็นบ่อเกิดของนิสัยที่ไม่ดีให้หมดสิ้นไปอีก ด้วย
所以,我们要全力以赴地修波罗蜜,这是因为修波罗蜜即是竭尽心力地去行善,此称之为拿生命作赌注,之后功德将回向于我们,让好的性情在身上产生并生生世世地紧随我们而去。这将是去除所有烦恼的方法。
สำหรับการสร้างนิสัยที่ดีให้เกิดขึ้นกับตัวเรา เพื่อกำจัดกิเลสอันเป็นบ่อเกิดของนิสัยที่ไม่ดีให้หมดไปนั้น พระโพธิสัตว์ผู้ ปรารถนาที่จะตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์หนึ่งในอนาคต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบำเพ็ญ พุทธการกธรรม หรือ บารมีสิบทัศ อันประกอบด้วย ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และ อุเบกขาบารมี ให้ครบถ้วนและเต็มเปี่ยมทุกประการ
让自身生出良好的性情,为的是去除所有的不良性情,菩萨许愿要在未来世证悟正等正觉成就佛陀,更必须要修行圣法或者说是十波罗蜜,此十波罗蜜包括布施波罗蜜,戒波罗蜜,忍波罗蜜,精进波罗蜜,真谛波罗蜜,慧波罗蜜,舍波罗蜜,出离波罗蜜,仁慈波罗蜜,愿波罗蜜。菩萨要圆满地修完每一个波罗蜜。
อีกทั้งพระโพธิสัตว์ทุกท่าน จะต้องทุ่มเทสร้างบารมีทั้งสิบทัศนี้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง ชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อที่จะต่อสู้กับกิเลสที่ซึมซาบเอิบอาบอยู่ภายในใจ ให้หมดสิ้นไป
另外,每一位菩萨都需全心全意地投入到修三十波罗蜜的事业中,投入全部身心,为的是除尽渗入内心的烦恼。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 81
“ทานบารมี และ ศีลบารมี”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十一集
“布施波罗蜜和戒波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
พระโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาที่จะตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต จะต้องบำเพ็ญบารมีทั้งสิบทัศให้ครบถ้วนและเต็มเปี่ยมทุกประการ ซึ่งบารมีแต่ละประการนั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
菩萨许愿在未来世证悟正等正觉成就佛陀,这就必须要圆满地修完每一个波罗蜜,详情如下:
1.ทานบารมี หมายถึง การให้ การบริจาค หรือการสละสิ่งของต่างๆของตนเองให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งทานบารมีนี้เป็นบารมีอันดับแรกที่พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญก่อนบารมี ประการอื่นๆ
1.布施波罗蜜,指的是:不图回报地捐赠或是献出自己的种种财物,这是菩萨在修其他波罗蜜之前先要修的第一个波罗蜜。
ทั้งนี้เป็นเพราะพระโพธิสัตว์เป็นผู้มีมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ ในการที่จะนำพาตนเองและสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสารแห่งความทุกข์ ไปสู่ฝั่งพระนิพพานอันเป็นบรมสุข ดังนั้น ท่านจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีหมู่คณะที่จะมาช่วยกันทำภารกิจอันสำคัญ นี้ให้สำเร็จให้ได้ และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ท่านต้องสั่งสมทุนหรือเสบียงที่จะมาหล่อเลี้ยงทั้งตนเองและหมู่คณะ ให้สามารถสร้างบารมี และทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
因为菩萨有着伟大愿望,即是引领自己和众生脱离痛苦的六道轮回之圈奔赴涅槃极乐之地。所以,菩萨非常需要有团体来帮助他完成这一重任。这就使得菩萨需要积累资本或是粮食来养育自己和团体,以便能全力以赴地去弘扬佛教。
เพราะฉะนั้นพระโพธิสัตว์ทุกท่าน จึงเริ่มต้นการสร้างบารมีด้วยการบำเพ็ญทานบารมีเป็นอันดับแรก เพื่อที่ท่านจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลากับการแสวงหาปัจจัยสี่ อีกทั้ง ยังทำให้ท่านสามารถที่จะบำเพ็ญบารมีประการอื่นๆได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ การบำเพ็ญทานบารมียังเป็นการขัดเกลากิเลส ด้วยการกำจัดความตระหนี่ออกไปจากใจ และสร้างนิสัยรักการให้เป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย
因此,每一位菩萨首先要修的就是布施波罗蜜,为的是不用浪费时间去寻找四事,还能够让菩萨可以更方便地修其他波罗蜜。除此之外,修布施波罗蜜还能通过去除铿吝之心,培养喜于布施之心来削磨烦恼。
จะเห็นได้ว่า ทานบารมีเป็นพื้นฐานที่สำคัญ ในการที่จะสร้างบารมีประการอื่นๆได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง ด้วยเหตุนี้เอง พระโพธิสัตว์ทุกท่านจึงมีอัธยาศัยรักในการบริจาคทานอยู่เป็นนิตย์ โดยไม่ว่าท่านจะถือกำเนิดเกิดเป็นอะไรก็ตาม ท่านก็จะมีใจรักและยินดีในการให้ทานอยู่เสมอ
从这可以看出,布施波罗蜜是能够全力以赴地去修波罗蜜的重要基础,所以,每位菩萨才会习惯性的乐于布施,不管菩萨出生为什么,菩萨总是有颗乐于布施的心。
ซึ่งการบริจาคทานของพระโพธิสัตว์นี้ อุปมาเหมือนกับบุคคลที่สามารถคว่ำหม้อที่มีน้ำอยู่เต็ม ให้น้ำในหม้อไม่เหลือเลยแม้สักหยดหนึ่งได้ ฉันใด พระโพธิสัตว์ผู้มีอัธยาศัยรักในการให้ทานเป็นอย่างยิ่ง ก็สามารถที่จะบริจาคได้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทรัพย์ อวัยวะ หรือแม้กระทั่งเลือดและชีวิต ฉันนั้น
因而菩萨的布施就好比是能够将自己收集到壶中的水全部倾出,可以一滴不剩。菩萨性喜布施,能够布施每一种东西,不管是钱财,器官,甚至血液和生命。
2.ศีลบารมี หมายถึง การรักษากาย วาจา ให้สะอาดและบริสุทธิ์ ซึ่งศีลบารมีนี้เป็นบารมีประการที่สองที่พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญเป็นลำดับ ต่อไป ทั้งนี้เป็นเพราะการบำเพ็ญศีลบารมีเป็นการรักษาความเป็นปกติของมนุษย์เอาไว้ เพื่อจะได้ใช้อัตภาพของความเป็นมนุษย์นี้ สั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
2.戒波罗蜜,指的是保持身口意的干净和纯净,因而,戒波罗蜜就是菩萨要修的第二个波罗蜜,因为修戒波罗蜜是保持人的清净心,为的是用纯净之心来全心全力地积累波罗蜜。
เพราะฉะนั้น เมื่อพระโพธิสัตว์ได้บำเพ็ญทานบารมี ซึ่งเป็นการสั่งสมเสบียงบุญข้ามภพข้ามชาติแล้ว ท่านก็จำเป็นจะต้องรักษาศีลให้สะอาดและบริสุทธิ์ด้วย เพื่อที่ท่านจะได้เกิดวนเวียนอยู่แต่ในสองภพภูมิเท่านั้น นั่นก็คือ มนุสสภูมิและเทวภูมิ ซึ่งเมื่อท่านละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็จะได้ไปเสวยสุขอยู่ในสุคติโลกสวรรค์ และเมื่อถึงเวลาอันสมควรก็ลงมาเกิดสร้างบารมีต่อบนโลกมนุษย์ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ท่านสามารถที่จะสร้างบารมีได้อย่างตลอดต่อเนื่อง ไม่ขาดสาย ไม่ขาดตอน และไม่ต้องเสียเวลาของการสร้างบารมีไป
所以,当菩萨修了戒波罗蜜之后,就意味着积累了生生世世的粮食。而菩萨也必须干净纯净地持戒,为的是让菩萨能够只在两界中轮回,即:人界和天界。当菩萨离世之后,就得以在天界享福,时机一到,菩萨就下凡到人间修波罗蜜。所以,就使得菩萨能够持续不断地修波罗蜜,不丧失时机也不浪费修波罗蜜的时间。
แต่ถ้าหากรักษาศีลไม่บริสุทธิ์ และได้พลาดพลั้งไปกระทำความผิดเสียแล้ว ก็อาจจะเป็นผลทำให้ต้องพลัดไปเกิดในทุคติภูมิ ซึ่งเป็นภพภูมิของสัตว์นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน ก็จะทำให้ขาดโอกาสในการสร้างบารมีในภพชาตินั้นไป
但如果不能纯净持戒并失足犯下错误,就有可能转世到恶道,这是地狱众生,饿鬼,阿修罗和牲畜的世界,将会丢失那一世修波罗蜜的机会。
จะเห็นได้ว่า ศีลเป็นเสมือนเกราะแก้วคุ้มกันภัย ที่จะทำให้ผู้รักษาศีลไม่ต้องพลัดไปเกิดในทุคติภูมิ และไม่ต้องถูกเบียดเบียนทำร้ายร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน หรือของอันเป็นที่รัก อันเป็นผลมาจากวิบากกรรมที่ตนเองได้เคยพลาดพลั้งไปกระทำความผิดเอาไว้ อีกทั้งศีลยังเป็นเหตุให้ได้ความสมบูรณ์พร้อมด้วย รูปสมบัติ คือ การมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้ และมีอายุขัยที่ยืนยาวนาน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ผู้รักษาศีลสามารถที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่เต็ม กำลัง นอกจากนี้ ศีลยังเป็นเครื่องกลั่นธาตุในตัว ทำให้กาย วาจา ใจ ใสสะอาดบริสุทธิ์ และมีใจหยุดนิ่ง ตั้งมั่น เป็นสมาธิ(Meditation)ได้ง่ายอีกด้วย
从这我们可以看出:戒律好比是抵御风险的盔甲,让持戒之人不用转世到恶道,身体、生命、钱财或是心爱之物不会遭受损害。另外,戒律还是取得圆满色财的源泉,色财指的是身体齐全健康,不痛、不病、长寿。所以,就使得持戒之人能够全力以赴地去持戒。除此之外,戒律还是净化内在之器物,可以让身口意洁净,让心宁静、稳定,容易集中精神。
เพราะฉะนั้น ตลอดทุกภพทุกชาติที่พระโพธิสัตว์ได้เกิดมาสร้างบารมี ท่านจะตั้งใจบำเพ็ญศีลบารมี ด้วยการสมาทานศีลอยู่เป็นวัตร และรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์อยู่เสมอ โดยที่ท่านจะสำรวมระวังไม่ให้ศีลของตนเองด่างพร้อยหรือขาดตกบกพร่องเลยแม้ แต่น้อย ถึงแม้ว่าท่านจะต้องสละชีวิตเพื่อรักษาศีลของตนเองไว้ก็ตาม ท่านก็ยินยอมและพร้อมที่จะตาย แต่จะไม่ยอมให้ศีลของตนเองต้องขาดไปอย่างแน่นอน
所以,在菩萨出生修波罗蜜的每一世中,都认真修戒波罗蜜,保持持戒清净。菩萨谨守慎行,不让自己的戒律有丝毫缺陷或是瑕疵,即使要为持戒而牺牲性命,他也在所不惜,坚决不愿自己的戒律受损。
อุปมาเหมือนกับจามรี1 ยอมที่จะสละชีวิตเพื่อรักษาขนหางของตนไว้ ฉันใด พระโพธิสัตว์ก็ยอมที่จะสละชีวิตเพื่อรักษาศีลของตนไว้ ฉันนั้น
就好比是牦牛,它是如何如珍惜生命般爱惜自己的尾毛,菩萨就是那样如爱惜生命般护持自己的戒律,甚至不惜牺牲性命的。
1 จามรี เป็นสัตว์ที่มีขนหางสวยงามมาก มันจึงรักขนหางของตนเองยิ่งกว่าชีวิต ซึ่งถ้าหากขนหางของมันไปติดออยู่ที่กอหนาม มันจะค่อยๆปลดขนหางให้หลุดออกจากกอหนามนั้น โดยจะไม่ยอมให้ขนหางของตนเองขาด
牦牛是一种有美丽尾毛的动物。它爱自己的尾毛甚于性命,如果尾毛被荆棘缠上,它会慢慢地把毛从那些荆棘中一根根剥离出来,也不愿意让自己的一根尾毛断掉。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 82
“ เนกขัมมบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十二集
“出离波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
3.เนกขัมมบารมี หมายถึง การออกบวช หรือการหลีกออกจากกาม เนกขัมมบารมี ถือเป็นบารมีที่สำคัญที่จะช่วยให้พระโพธิสัตว์ผู้มุ่งบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ปลอดกังวลจากเรื่องกามคุณ และมีอิสระในการสร้างบารมีอื่นๆได้อย่างสะดวกขึ้น
3.出离波罗蜜指的是出家或是脱离情欲,是一种能够帮助菩萨证悟正等正觉,脱离情欲烦恼并获得更多方便与自由来修其他波罗蜜的重要波罗蜜。
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ กามคุณ คือ สิ่งที่ครอบงำสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ติดอยู่ในห้วงวัฏสงสาร แม้พระโพธิสัตว์จะได้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์ และถึงพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติอันมากมาย ซึ่งเกิดจากการบำเพ็ญทานบารมีและศีลบารมี แต่ถ้าตัวท่านมัวหลงเพลิดเพลินไปยุ่งเกี่ยวหรือหมกมุ่นอยู่ในเรื่องของ กามคุณเข้า ก็จะทำให้บารมีที่อุตส่าห์สั่งสมมาต้องพลอยหดถดถอยลงไปอย่างน่าเสียดาย เพราะมัวไปเสียเวลา เงินตรา และอารมณ์กับเรื่องกามคุณอยู่นั่นเอง
因为性欲控制众生,让众生沉沦于六道轮回,虽然菩萨因为修布施波罗蜜和戒波罗蜜而能投生为人并拥有大量的财富,但如果菩萨沉湎或是迷恋于情欲之事,那么因为浪费时间,浪费钱财,浪费感情在情欲之事中,辛苦所积累的波罗蜜必定会令人可惜地减少倒退。
นอกจากนี้ กามคุณยังทำให้ใจของผู้ที่ข้องเกี่ยว มีห่วง มีกังวล มีความผูกพัน จนกระทั่งใจของผู้นั้นขาดอิสรภาพในที่สุด ด้วยเหตุนี้เอง กามคุณจึงเปรียบเสมือนพันธนาการที่มองไม่เห็น ที่มาตรึงใจของสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ออกห่างจากความดี ดังนั้น ยิ่งใจไปเกาะเกี่ยวในเรื่องของกามคุณมากเท่าไหร่ การสั่งสมบุญสร้าง บารมีเพื่อบรรลุโพธิญาณ ก็จะยิ่งทำได้ยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะเป็นผลทำให้การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ จะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง จนในที่สุด พระโพธิสัตว์ก็จะไม่สามารถหลุดพ้นออกจากคุกแห่งความทุกข์ หรือห้วงวัฏสงสารนี้ได้เลย
除此之外,情欲还会让相关之人的心有牵挂和担忧,直至那个人的心失去自由。因为这样,情欲就好比是一座看不见,用来捆绑住众生之心让众生远离善事的监狱。所以,心越是纠缠于情欲之事,为证悟正等正觉所要积累的波罗蜜就越是难修,使得菩萨不能够全力以赴地修波罗蜜,以致不能脱离痛苦的六道轮回之笼。
ด้วยเหตุนี้เอง พระโพธิสัตว์จึงแสวงหาหนทางที่จะออกจากกาม ด้วยการสละชีวิตการครองเรือน และมุ่งบำเพ็ญเนกขัมมะ ประพฤติพรหมจรรย์ตลอดมา เพื่อใจจะได้ปลอดกังวลและมีอิสรภาพอย่างแท้จริง และที่สำคัญที่สุด เพื่อให้การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง
因此,菩萨才会去寻找脱离情欲之路,舍弃生命和家庭去修行出离波罗蜜,苦行不辍。让心能够脱离烦忧,获得真正的自由。而最重要的是:为了让菩萨所修的波罗蜜能够圆满。
ดังนั้น ใจที่ปรารถนาจะออกจากคุกแห่งความทุกข์หรือห้วงวัฏสงสารนี้ จึงอุปมาเหมือนกับนักโทษผู้ติดอยู่ในเรือนจำที่ปรารถนาจะออกจากที่คุมขัง ฉันใด พระโพธิสัตว์ก็ย่อมปรารถนาที่จะออกไปให้พ้นจากคุก คือ การเวียนว่ายตายเกิด ด้วยการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี ฉันนั้น
所以,菩萨想要脱离痛苦牢笼或是轮回之圈的心就好比是囚禁在监狱的牢犯想要出狱一样。菩萨也想着借修出离波罗蜜来脱离牢笼——轮回。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 83
“ ปัญญาบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十三集
“智慧波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
4.ปัญญาบารมี คือ ความรอบรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ความเข้าใจสภาวะของสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามความเป็นจริง ซึ่งพระโพธิสัตว์ทั้ง หลายจะมุ่งแสวงหาความรู้เหล่านั้น เพื่อมากำจัดกิเลสอาสวะให้สิ้นไปจากใจ ดังนั้น ปัญญาบารมีจึงถือเป็นบารมีที่สำคัญมากๆบารมีหนึ่งเลยทีเดียว
4.智慧波罗蜜指的是学识渊博,可以洞察前因后果,如实明了所有事物的状态,所有的菩萨都一心寻找那些知识,为的是把所有的烦恼都从心里除去。所以,智慧波罗蜜是一种非常重要的波罗蜜。
ส่วนทางมาแห่งปัญญาบารมีนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสามระดับ ดังต่อไปนี้
智慧波罗蜜的来源,可以分为如下3个等级:
1.สุตมยปัญญา หมายถึง ความรู้อันเกิดจากการได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้ศึกษาความรู้ต่างๆจากสำนักเรียนของอาจารย์ผู้ มีชื่อเสียง หรือจากบุคคลรอบข้าง ซึ่งความรู้ในระดับนี้ ถือเป็นเพียงความรู้ระดับต้นๆเท่านั้น เพราะเป็นความรู้ที่ทรงจำต่อๆกันมา อาจจะมีผิดพลาดคลาดเคลื่อนกันไปบ้าง ดังนั้น จึงต้องมีปัญญาที่สูงขึ้นไปกว่านี้เกิดขึ้นมารองรับ นั่นก็คือ ปัญญาระดับที่สอง…จินตมยปัญญา
1.闻所成慧,指的是知识来自于听、闻、读,从明师的讲堂上或是身边之人的身上学习知识,而这一等级的知识仅仅是初级知识。因为所记下来的知识,兴许有些错误。所以,需要有更高的智慧以应对,那就是第二等级智慧:思慧。
2.จินตมยปัญญา หมายถึง ความรู้อันเกิดจากการพินิจพิจารณาไตร่ตรองทดลองด้วยตนเอง เป็นความรู้ที่สำเร็จด้วยการคิด ซึ่งถือเป็นความรู้ระดับกลาง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว…ความรู้ของชาวโลกทั้งหลายจะสูงสุดก็เพียงแค่จินต มยปัญญานี้เท่านั้น แต่เหนือฟ้าก็ยังฟ้าที่กว้างใหญ่กว่า หรืออาจกล่าวได้ว่า “ในสิ่งที่ใช่…กลับมีสิ่งที่ใช่กว่า”-ดังนั้น จึงไม่แปลกเลยที่จะมีปัญญาหรือความรู้ที่เหนือกว่าจินตมยปัญญา นั่นก็คือ ภาวนามยปัญญา
2.思所成慧,指的是知识来自于自身的思索和实验,由思考所得的知识,这种算是中级知识。一般来说,世人最高的知识也仅仅是思慧而已,但是天外有天,或者说:一山又比一山高。所以,不用吃惊于会有比思慧更高级的智慧或是知识,那个智慧就是:修慧。
3.ภาวนามยปัญญา หมายถึง ความรู้แจ้ง เป็นความรู้อันเกิดจากการเจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนา ซึ่งถือเป็นความรู้อันบริสุทธิ์ ที่จะทำให้พระโพธิสัตว์สามารถค้นพบหนทางที่จะนำตนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารไปสู่ฝั่งพระนิพพานได้ในที่สุด ดังนั้น ภาวนามยปัญญา จึงถือเป็นความรู้ระดับสูงสุด หากใครมีปัญญาระดับนี้ บุคคลผู้นั้นจะต้องมีจิตที่ใส สว่าง และบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก เพราะใจที่ใสสว่างจะนำมาซึ่งความรู้หรือดวงปัญญาอันบริสุทธิ์ ยิ่งความสว่างของใจไปถึงไหน ความรู้ก็จะไปถึงนั่น และเมื่อความสว่างของใจมากเข้า มากเข้า จนกระทั่ง…ความสว่างนั้น เป็นความสว่างที่สว่างอย่างไม่มีประมาณ บุคคลผู้นั้นก็จะมีดวงปัญญาที่แทงตลอดในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งปวง จนในที่สุด จะสามารถค้นพบความรู้อันประเสริฐ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะนำไปสู่หนทางแห่งความดับทุกข์ได้ในที่สุด
3.修所成慧,来自于禅定的知识,是一种纯净的知识,将能使菩萨可以找到带领众生脱离六道轮回,最终进入涅槃之岸的道路。所以,修慧才会被认为是高级知识,如果谁能拥有这一等级的智慧,那个人身上肯定有一颗异常透明、光亮、纯净的心。因为透明光亮的心将会引来纯净的知识或是智慧,心越是明亮,所得知识就越是高级。当心越来越明亮,越来越明亮,直至变成一种无可称计的光亮后,菩萨就能够探索到卓越的知识,这是一把重要的钥匙,能够引领人到达消除苦难之路。
ดังนั้น พระโพธิสัตว์ผู้มุ่งขจัดกิเลสอาสวะ ย่อมมีความมุ่งมั่นในการฝึกฝนเพิ่มพูนปัญญาบารมีอยู่เสมอ โดยการขวนขวายแสวงหาความรู้ต่างๆจากคนทุกชนชั้น เพื่อจะนำความรู้ที่ได้จากคนเหล่านั้นมากำจัดอาสวกิเลสในตนให้หมดเกลี้ยงไป จากใจ หากแม้จะต้องเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้นั้นแล้ว ท่านก็ยินดีและยินยอมโดยไม่เสียดายชีวิตเลย
所以,一心要消除烦恼的菩萨必定想要修炼出更多的智慧,从各个阶层之人身上探索种种知识,以便运用那些知识来除尽身心中的烦恼。即使要用生命来交换那些知识,菩萨也会愿意,也会在所不惜。
ด้วยเหตุนี้เอง การบำเพ็ญปัญญาบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับพระภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็น วัตร โดยไม่เลือกว่าหนทางที่บิณฑบาตนั้นจะไปสู่ตระกูลสูง ต่ำ หรือปานกลาง ฉันใด พระโพธิสัตว์ย่อมปรารถนาที่จะไต่ถามผู้รู้อยู่ตลอดกาลเนืองนิตย์ ฉันนั้น
菩萨的智波罗蜜修行就好比经常去托钵的比丘,不刻意挑选前往富裕人家,贫困人家或是中等人家的托钵路线。只是一直想要询问有知识之人。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 84
“ วิริยบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十四集
“精进波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
5.วิริยบารมี หมายถึง ความเพียร ความแกล้วกล้าที่ไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคใดๆ เป็นความพยายามที่ประกอบไปด้วยความอุตสาหะที่จะสร้างบารมีอย่างไม่ย่อหย่อน แม้ว่าจะเกิดอุปสรรคอันใดก็ตาม จะไม่มีคำว่า ท้อแท้ และ ท้อถอย เกิดขึ้นในใจของพระโพธิสัตว์อย่าง เด็ดขาด ดังนั้น วิริยบารมี จึงถือเป็นบารมีที่สำคัญที่จะช่วยสร้างและหล่อหลอมอุปนิสัยของพระโพธิสัตว์ ให้มีความกล้าและมีความมุ่งมั่นในการสร้างความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป
5.精进波罗蜜,指的是勤奋,无畏任何困难艰险,全力以赴,毫不松懈地修波罗蜜。不管产生任何困难,气馁和畏缩这些词都绝不会出现在菩萨的心中。所以,精进波罗蜜会被认为是一种有助于塑造菩萨性格,让菩萨有勇气和毅力去修更多波罗蜜的波罗蜜。
เพราะคำว่า วิริยะ มาจากคำว่า วีระ แปลว่า กล้า หมายถึง ความกล้าที่จะแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง สิ่งใดที่รู้ว่าไม่ดี ก็จะพยายามปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น แม้ข้อบกพร่องนั้นจะเป็นสิ่งที่คุ้นชิน เคยชิน และประพฤติอยู่ทุกวี่ทุกวันก็ตาม ผู้ที่จะสั่งสมวิริยบารมีก็ต้องกล้า คือ กล้าที่จะปรับปรุงและแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นให้หมดไป
วิริยะ这个词出自วีระ,意为勇敢。指的是勇于克服自己的缺点,知道哪一点不好后,就尽量地去调整好。即使那个缺点已经变成一种习以为常的习惯,但积累精进波罗蜜的人一定很勇敢,即勇于调整和克服所有缺点。
อีกทั้งยังกล้าที่จะละเว้น หรือหลีกเลี่ยงจากความชั่วทั้งหลายที่ตนยังไม่เคยกระทำ และที่เคยผิดพลาดกระทำไปแล้ว
另外,积累精进波罗蜜之人还勇于面对已经犯下过的错误或是会避免还没犯下过的错误。
พร้อมกับปรับปรุงพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งทางด้านความคิด คำพูด และการกระทำ ให้สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยความดีให้ยิ่งๆขึ้นไปอีกด้วย ไม่ว่าความดีนั้นจะทำได้ยากสักแค่ไหน พระโพธิสัตว์ก็กล้าที่จะทำความดีนั้นๆให้สำเร็จจนได้ พูดได้เลยว่า “แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ท่านก็ยอม”
他们会善于调节自己的生命,包括想法,言辞和行为,让这些都因为善行而越来越圆满。不管那件善事如何艰巨,菩萨都敢于去做,并且完成。可以这样说:即使用生命去完成,也在所不惜。
ดังนั้น พระโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของตนเองให้ดีขึ้น โดยทำความเพียรอันประกอบไปด้วยกุศลกรรมให้เพิ่มพูนอย่างยิ่งยวด เรียกได้ว่าสิ่งใดที่เป็นความดี พระโพธิสัตว์ก็จะมุ่งมั่นและกล้าที่จะทำสิ่งนั้นอย่างไม่ลดละ เพื่อการบรรลุประโยชน์อันสูงสุดตามที่ตัวท่านได้ตั้งความปรารถนาเอาไว้ นั่นก็คือ การได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งใน อนาคต
所有的菩萨都敢于改变自己的生命状态,让生命因为修更多的功德而变得更好。菩萨为了能够如愿地证悟最高成果——在未来证悟成佛,那些行善的事情,他都会毫不退缩,一往无前地去做。
ดังนั้น การบำเพ็ญวิริยบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับพญาราชสีห์เป็นผู้มีความเพียรไม่ย่อหย่อนในทุกๆอิริยาบถ ทั้งนอน ยืน เดิน ฉันใด พระโพธิสัตว์ย่อมเป็นผู้มีความเพียรมั่น ไม่ย่อหย่อนในการทำความดีทั้งปวง ฉันนั้น
所以,菩萨的波罗蜜修行就好比狮王不愿在包括睡,站,行等各种举动上大意疏忽。勤奋的菩萨也不会在行善上有所松懈。
ที่ทำการเปรียบเทียบกับอิริยาบถของพญาราชสีห์นั้น ก็เป็นเพราะในยามที่พญาราชสีห์จะออกหากิน ไม่ว่าเหยื่อตัวนั้นจะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น กระต่าย หรือสัตว์ตัวใหญ่ๆ เช่น ช้าง พญาราชสีห์ก็จะจับสัตว์เหล่านั้น ด้วยความไม่ประมาท และจะใช้ความพยายามในการจับสัตว์เหล่านั้นเท่าๆกัน หรือแม้ในยามนอน ซึ่งโดยปกติแล้วพญาราชสีห์จะใช้เวลานอนยาวนานถึงเจ็ดวัน โดยก่อนที่จะหลับ พญาราชสีห์จะสังเกตพื้นที่ที่ตัวเองนอนโดยรอบ จากนั้นก็จะสังเกตหาง หู และเท้าของตัวเองในทุกๆครั้ง ถ้าหากครั้งใดที่ตื่นมาแล้วพบว่า พื้นที่ที่ตนเองนอนกระจัดกระจาย หรือหาง หู และเท้าไม่อยู่ในตำแหน่งเดิม พญาราชสีห์ก็จะยอมอดอาหารและนอนต่อไปเช่นนั้นอีกเจ็ดวัน หรือในยามยืนหรือเดิน พญาราชสีห์ก็จะมีท่วงท่าและลีลาที่สง่างามน่าเกรงขาม อีกทั้งยังมีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
因为在狮王外出觅食时,不管食物大小,无论是小如兔子还是大如象的动物,狮王都会很勤奋的去捕捉,毫不懈怠,付出的努力都是相差无几的。即使是在休息的时候,一般的情况下,狮王睡觉的时间长达7天,在入睡之前,狮王都会周全地查看一下自己睡觉的姿势,特别会注意自己的尾巴,耳朵和脚。如果每次醒来后发现:自己睡到了别处,或是尾巴,耳朵和脚不在原来的地方,那么狮王就会忍住饥饿并继续入睡七天(表达狮王非常注重自己的威仪,不会在任何微小的细节上疏忽大意)。而狮王在站立的时候,有着庄严美丽,值得敬畏的姿态和风范,另外,还有了解自身的智慧。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 85
“ ขันติบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十五集
“忍波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
เมื่อพระโพธิสัตว์มุ่งมั่นสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างอุกฤษฏ์ ด้วยความเพียรที่กลั่นกล้าเช่นนี้แล้ว บารมีขั้นต่อไปที่จะขาดไม่ได้เลย…นั่นก็คือ ขันติบารมี
当菩萨如此勇敢,极致地积累波罗蜜后,接下来不可缺少的就是忍波罗蜜。
6.ขันติบารมี คือ ความอดทนอดกลั้นต่ออุปสรรคและความยากลำบากต่างๆ ซึ่งเป็นบารมีที่จะทำให้พระโพธิสัตว์มีกำลังใจในการสร้างบารมีทั้งสิบทัศให้ ยิ่งๆขึ้นไป โดยไม่หวั่นไหวและท้อถอยต่อเป้าหมายที่ตัวท่านได้ตั้งความปรารถนาไว้
6.忍波罗蜜就是:忍受各种艰难困苦,这是一种让菩萨有信心修习更多波罗蜜的波罗蜜。不会对自己订下的目标畏惧和退怯。
เพราะหนทางการสร้างบารมีนั้น ใช่ว่าจะสะดวกสบายหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะอาจจะมีบ้างในบางครั้งที่ตัวท่านจะต้องอดทนอดกลั้นต่ออำนาจกิเลสภายใน ใจของตัวเอง ถ้าหากท่านเผลอใจยอมทำตามอำนาจของกิเลสเมื่อไหร่ เป้าหมายของการสร้างบารมีที่ตัวท่านตั้งใจเอาไว้ก็อาจจะเบี่ยงเบนไปได้ หรือในบางครั้งก็ต้องอดทนอดกลั้นต่อคำพูดหรือการกระทำของคนรอบข้างที่ไม่ เข้าใจ ซึ่งคนกลุ่มนี้มักจะพูดจากระทบกระเทียบเย้ยหยัน หรือกลั่นแกล้งด้วยวิธีการต่างๆนานา จนทำให้หมดกำลังใจในการสร้างบารมีได้
因为修习波罗蜜之路,不会是一直坦荡顺利的。有时菩萨要忍受住自己内心烦恼的干扰,如果菩萨疏忽大意,遵照烦恼的命令去做,那么菩萨的修波罗蜜目标或许就会出现偏差,有时菩萨还要忍受周围不良之人的言行。这些人会出言讽刺嘲笑或是用种种方法来刁难他人,以致让人完全没有修波罗蜜的信心。
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พระโพธิสัตว์จะต้องมีความอดทนในสิ่งต่างๆที่ มากระทบ ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ เพื่อที่ท่านจะได้รักษาใจให้เป็นปกติ ไม่หวั่นไหวในปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้น
所以,菩萨的身口意需要忍受住各种事情的冲击,保持一颗平常心,不畏惧发生的各种问题或是阻碍。
อีกทั้ง จะต้องไม่หลงใหลในคำสรรเสริญเยินยอ อันจะเป็นเหตุทำให้เกิดความประมาท ดังนั้น พระโพธิสัตว์จึงจำเป็นจะต้องมีความหนักแน่นต่อคำสรรเสริญเยินยอและนินทาว่า ร้าย…ให้ได้
另外,不要沉迷于赞美,因为这会让人疏忽大意,所以,菩萨必须坚定地面对称赞和指责。
ด้วยเหตุนี้เอง พระโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงต้องเพิ่มพูนความอดทนในการสั่งสมบุญสร้างบารมีให้ ยิ่งยวดยิ่งๆขึ้นไป เพื่อให้ความอดทนเหล่านั้นได้กลั่นตัวเป็นขันติบารมีที่กลั่นกล้าในที่สุด ซึ่งความอดทนนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็นสี่ระดับด้วยกัน ซึ่งในแต่ละระดับนั้นจะมีความละเอียดลุ่มลึกที่แตกต่างกันไป ดังต่อไปนี้ คือ
所有的菩萨必需要在积累波罗蜜的时候增强忍辱之心,为的是让那些忍辱最终能够提炼成忍波罗蜜。这些忍辱可以分为4级。每一个等级都会有细微的不同,如下所述:
1.ความอดทนต่อความลำบากตรากตรำ หมายถึง ความอดทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างบารมี สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก อากาศจะร้อนอบอ้าวหรือหนาวเหน็บเพียงใด ก็หาได้เป็นอุปสรรคหรือเป็นเหตุปัจจัยที่ จะทำให้พระโพธิสัตว์เกิดความเกียจคร้านในการสร้างบารมีได้ ซึ่งถ้าจะว่ากันไปแล้ว ความอดทนต่อความลำบากตรากตรำนี้ ยังถือว่าเป็นแค่ความอดทนระดับอนุบาลเท่านั้นเอง
1.忍受困难艰辛,指的是忍受住不利于修波罗蜜的气候环境,对于菩萨来说,不管是下雨还是出太阳,天气是如何的炎热或寒冷,这都不是菩萨懒于修波罗的障碍。对困难艰辛的忍受也仅仅是幼儿园级别的忍辱罢了。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 86
“ ขันติบารมี ตอนที่ 2 ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十六集
“忍波罗蜜(二)”
梦中梦幼稚园编辑
2.ความอดทนต่อทุกขเวทนา หมายถึง ความอดทนต่อการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือความไม่สบายกาย เป็นต้น สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว ถึงแม้ตัวท่านจะเจ็บป่วยอย่าง ไร แต่พระโพธิสัตว์ก็ไม่ยอมละทิ้งการสร้างบารมี ซึ่งท่านจะคอยหมั่นสอนตนเองอยู่เสมอว่า ตราบใดที่ตัวท่านยังไม่สิ้นลมหายใจ ตราบนั้นท่านก็จะขอมุ่งมั่นสร้างบารมีต่อไปอย่างไม่ลดละ ดังนั้น ความอดทนต่อทุกขเวทนา จึงถือเป็นความอดทนที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง หรืออาจจะเรียกความอดทนระดับนี้ว่า…เป็นความอดทนระดับประถมนั่นเอง
2.忍受苦受,指的是忍受病痛或是不舒适等等。对于菩萨来说,不管他如何地疼痛,都不愿放弃修波罗蜜,他总是勤奋地积累着波罗蜜,只要还有一口气,菩萨都不会愿意放弃修波罗蜜,所以,对苦受的忍辱才被认为是高一级的忍辱,或许我们可以称呼这一级波罗蜜为小学等级波罗蜜。
3.ความอดทนต่อการกระทบกระทั่ง หมายถึง ความอดทนต่อความโกรธ ความไม่พอใจ ความขัดเคืองใจ อันเกิดจากความคิด คำพูดและการกระทำที่ไม่ถูกใจไม่ชอบใจ ซึ่งได้รับมาจากบุคคลรอบข้าง หรือหมายถึง ความอดทนต่อคำแนะนำสั่งสอนจากบุคคลต่างๆ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีวุฒิภาวะที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าตน รวมไปถึงความอดทนเมื่อต้องประสบกับความอยุติธรรมต่างๆในสังคม
3.忍住摩擦争吵,指的是忍受对身边之人不合己意的想法、言辞和行为的嗔怒,不满和仇恨,忍受住各类人的命令,不管那个人资历比我们深还是比我们浅,当我们遭受到社会上不公平待遇时都要忍受住。
สำหรับนักสร้างบารมีหรือพระโพธิสัตว์ทั้งหลายแล้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องพบเจอกับความอยุติธรรมหรือความไม่เข้าใจต่างๆ นานา อันเป็นเหตุที่จะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นกลับหาได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างบารมีของพระ โพธิสัตว์ หรือนักสร้างบารมีเหล่านั้นไม่ ตรงกันข้าม…อุปสรรคทั้งหลายเหล่านั้นกลับเป็นเหมือนแบบฝึกหัดหรือบททดสอบ ว่า นักสร้างบารมีหรือพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะสามารถอดทนอดกลั้น และพร้อมที่จะยกใจตัวท่านเองและสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ก้าวล่วงผ่านอุปสรรค เหล่านั้นไปได้หรือไม่ ดังนั้น ความอดทนต่อการกระทบกระทั่งนี้ จึงถือได้ว่าเป็นความอดทนที่ยากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง หรืออาจจะเรียกความอดทนระดับนี้ว่า…เป็นความอดทนระดับมัธยมนั่นเอง
对于修波罗蜜者或是所有的菩萨,遭遇到不公或是种种的误解是件非常正常的事情,这些都是起源于摩擦争吵,但无论如何都好,这些摩擦争吵不仅没有成为修波罗蜜者和菩萨们的障碍,反而成为了他们的磨刀石或是试炼品,修波罗蜜者和所有的菩萨都能够忍受住并同时提升自己和众生的心境以跨越那些障碍,忍受住这些摩擦争吵被认为是比忍受困难和苦受波罗蜜更高一级的波罗蜜,这一级的波罗蜜或许可以成为中学水平的波罗蜜。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 87
“ สัจจบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十七集
“诚实波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
4.ความอดทนต่ออำนาจกิเลส หมายถึง ความอดทนต่ออารมณ์อันน่าใคร่ น่าเพลิดเพลินใจ อันเกิดจากอำนาจกิเลสซึ่งมาล่อลวงให้นักสร้างบารมีหรือพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ย่อหย่อนหรือหลุดออกจากเส้นทางของการสร้างบารมี ความอดทนในข้อนี้ถือว่า…เป็นความอดทนระดับ อุดมศึกษา ซึ่งเป็นความอดทนที่ทำได้ยากที่สุด ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะพระโพธิสัตว์หรือนักสร้างบารมีทั้งหลาย ล้วนยังมีกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ภายในใจตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าหากใครไม่ฝึกควบคุมอินทรีย์ให้แก่กล้า หรือขาดแล้วซึ่งความอดทนต่ออำนาจกิเลส กิเลสต่างๆที่หมักหมมซุกซ่อนอยู่ภายในใจก็อาจจะกำเริบเสิบสานขึ้นมาได้ ซึ่งจะเป็นผลทำให้นักสร้างบารมีหรือพระโพธิสัตว์เหล่านั้น อาจพลาดพลั้งทำผิดทำพลาด และเผลอไปสร้างวิบากกรรมใหม่ที่ไม่ดีขึ้นมาได้
4.忍受住烦恼的力量,指的是忍受住欲望和迷恋的情绪,这些都是源自于烦恼的力量,来诱骗修波罗蜜者或所有菩萨放松脱离修波罗蜜之路,这一种忍辱可以认为是高等级忍辱,也是最难做到的忍辱,这是因为菩萨或是所有的修波罗蜜者都一直会有烦恼沉睡在心中,如果谁不能够把自己的根性控制住,那么隐藏堆积在心底的各种烦恼就会恶化散开,或许让修波罗蜜者和菩萨大意地犯下了新的恶业。
ดังนั้น การบำเพ็ญขันติบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับแผ่นดิน แม้บุคคลทั้งหลายจะละทิ้งสิ่งของที่สกปรกลงบนแผ่นดินมากมายเพียงใด แต่แผ่นดินกลับยังคงนิ่งเฉย ไม่ยินดียินร้ายและไม่เคยขัดเคือง ฉันใด พระโพธิสัตว์ย่อมอดทนต่อการสรรเสริญและนินทาจากมหาชนทั้งหลายได้ ฉันนั้น
所以,菩萨的忍辱波罗蜜修行就好比大地,虽然其他人把许多的垃圾丢弃在大地上,但大地还是一如既往地安静,无喜无悲也不愤恨,就如同菩萨忍受住世人的赞美与责难。
หลังจากที่พระโพธิสัตว์สั่งสมบารมีมาถึงบารมีขั้นที่หกแล้ว บารมีขั้นต่อไปที่พระโพธิสัตว์จะได้บำเพ็ญนั้นก็คือ สัจจบารมี
在菩萨把波罗蜜积累到第六阶段之后,菩萨下一阶段要积累的波罗蜜是真实波罗蜜。
7.สัจจบารมี คือ ความจริงจังจริงใจ (กล่าวคือ จริงทั้งคำพูดและการกระทำ)-สำหรับ พระโพธิสัตว์แล้ว หากตั้งใจที่จะกระทำสิ่งใดที่เป็นสิ่งที่ดี พระโพธิสัตว์ก็จะมุ่งมั่นและตั้งใจทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ตามที่ตัวท่านได้ตั้งความปรารถนาเอาไว้ โดยจะไม่ยอมผันแปรไปตามอุปสรรคที่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
7.真实波罗蜜,即真心实意(说的言行出自真心),对于菩萨来说,如果要认真去做好事,菩萨就会全心全意地去做,直到那件事情如他所愿地完成,绝不会在遇到困难后有所退缩。
ไม่ว่าอุปสรรคที่มาขัดขวางนั้น จะเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาและอยากจะได้มาครอบครอง เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือคำยกย่องชมเชยต่างๆ เป็นต้น หรือเป็นปัญหาต่างๆ อันเกิดจากความไม่เข้าใจในมโนปณิธานของพระโพธิสัตว์ว่า สิ่งที่พระโพธิสัตว์ได้กระทำอยู่นี้ เป็นไปเพื่อสิ่งใด ด้วยเหตุนี้เอง พระโพธิสัตว์จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบำเพ็ญสัจจบารมี เพื่อจะรักษามโนปณิธานอันสูงสุดที่ตัวท่านได้ตั้งความปรารถนาไว้ให้มั่นคง ซึ่งจะเป็นผลทำให้ตัวท่านไม่หลุดออกจากเส้นทางของการสร้างบารมี
不管前来阻碍的困难是所有人都想要占有的东西,如:利,誉,称或是各种推崇赞扬的言辞,或是因为不了解菩萨的宏愿,不了解菩萨如此做是为了众生而产生的各种问题,所以,菩萨非常有必要去修行真实波罗蜜,为的是让自己能够坚定不移地维持住许下的最高愿望,这让菩萨不会从修波罗蜜之路中脱离出来。
เรียกได้ว่า หากแม้มีใครที่คิดข่มเหงรังแก หรือมุ่งจะทำร้ายพระโพธิสัตว์นั้นให้ตาย เพื่อที่จะบังคับให้ท่านละทิ้งเป้าหมายอันมั่นคงนี้แล้ว ท่านก็พร้อมที่จะยอมตาย แต่จะไม่ขอยอมออกนอกเส้นทางที่ตนได้ตั้งใจไว้อย่างเด็ดขาด นั่นก็คือความตั้งใจที่จะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าให้ได้
可以这样说:即使有人为了强迫菩萨放弃这一坚定目标而想要凌辱欺负或是置菩萨于死地,菩萨宁死也绝不会脱离自己认真制定的路线,即一心证悟无上正等正觉,成就佛陀的路线。
ด้วยเหตุนี้ พระโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพูนและรักษาความสัตย์จริง อันประกอบไปด้วยความซื่อตรง เที่ยงตรง และไม่ผันแปรต่อมโนปณิธานที่ได้ตั้งใจไว้ จนกว่ามโนปณิธานอันยิ่งใหญ่นั้นจะสำเร็จสมความปรารถนา
所以,菩萨才会一心想要增加和捍卫真实,诚实正直和坚定不移对待自己认真发下的宏愿,直至这个宏大的愿望能够实现。
ดังนั้น การบำเพ็ญสัจจบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับดาวประกายพรึก เมื่อเคยขึ้นประจำอยู่ทางทิศใดก็ย่อมโคจรขึ้นประจำอยู่ในทิศนั้น ไม่ว่าฤดูกาลไหนๆก็ย่อมขึ้นเที่ยงตรงไม่เปลี่ยนแปลง ฉันใด พระโพธิสัตว์ก็จะไม่ขอออกไปนอกเส้นทางแห่งการสร้างบารมีที่ท่านได้เคยตั้ง สัจจะไว้ ฉันนั้น
所以,菩萨的真实波罗蜜修行就好比启明星,在什么方向升起,就会一直在那个方向运行,不管是什么季节,启明星都会一如既往地在那个方向升起,而菩萨也会像启明星一样坚定不移,不会脱离他曾经订下的修波罗蜜之路。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 88
“ อธิษฐานบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十八集
“决意波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
สำหรับบารมีที่พระโพธิสัตว์ จะได้บำเพ็ญต่อไปนั้น คือ อธิษฐานบารมี
菩萨接下来所要修的波罗蜜是决意波罗蜜
8.อธิษฐานบารมี คือ ความตั้งใจอันมั่นคง แน่วแน่ และเด็ดเดี่ยว ที่จะมุ่งไปให้ถึงจุดหมายปลายทางที่พระโพธิสัตว์ได้ตั้งมโนปณิธานเอาไว้ ซึ่งถ้าหากพระโพธิสัตว์ยังไม่บรรลุถึงเป้าหมายนั้นแล้ว ท่านก็ไม่มีวันล้มเลิกความคิดและความตั้งใจที่จะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางนั้น อย่างเด็ดขาด
8.决意波罗蜜即是坚定,不动摇和坚决,一心达成菩萨发下的愿望,如果菩萨还没有达成所愿,那么菩萨永远不会放弃到达终点的方法。
ดังนั้น อธิษฐานบารมี จึงเป็นบารมีที่เกิดจากการตั้งเป้าหมาย และตอกย้ำเป้าหมายแบบซ้ำๆย้ำๆ เพื่อที่พระโพธิสัตว์จะได้ตั้งมั่นอยู่กับเป้าหมายที่ตัวท่านได้ตั้งความ ปรารถนาไว้ นั่นก็คือ การได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งใน อนาคต
所以,决意波罗蜜才是源于发愿和反复坚定目标的波罗蜜,为的是让自己立下的愿望能够坚定。那即是:在未来世证悟正等正觉成就佛陀。
แม้จะมีอุปสรรคและปัญหาต่างๆ มากมาย ที่เกิดขึ้นมาขัดขวางหนทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายนั้นก็ตาม แต่ด้วยความตั้งใจอันมั่นคง แน่วแน่ และเด็ดเดี่ยว ที่มีอยู่ภายในใจของท่าน จึงทำให้ท่านสร้างบารมีมุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หันหลังกลับ เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายอันสูงสุดนั่นก็คือ การไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพาน
尽管会有许许多多,各式各样的障碍和问题前来阻挡菩萨达成目标的道路,但因为菩萨内心坚定不移的信念,使得菩萨能够一往无前,永不退缩地修波罗蜜,为的是达成那个最高的目标:进入涅槃的彼岸。
ตราบใด ที่พระโพธิสัตว์ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ที่ท่านได้ตั้งความปรารถนาเอาไว้ ตราบนั้น ท่านก็จะไม่ยอมล้มเลิกและทอดทิ้งการสร้างบารมีอย่างเด็ดขาด แม้อุปสรรคที่ท่านต้องพบเจอนั้นจะต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม แต่ท่านก็จะไม่มีวันยอมแพ้ต่ออุปสรรคนั้นเป็นอันขาด เรียกได้ว่า “ยอมตาย แต่จะไม่ขอยอมแพ้กันเลยทีเดียว”
只要菩萨一天还没有达成自己定下目标,那么菩萨坚决不会放弃修波罗蜜,即使遇见了要用生命去交换的障碍,菩萨也不会屈服于那些困难。这可以称作:愿死不愿败。
ด้วยเหตุนี้เอง อธิษฐานบารมีจึงเป็นบารมีที่ช่วยหล่อหลอมให้พระโพธิสัตว์ มีจิตใจที่มั่นคงแน่วแน่ และไม่หวั่นไหวในการสร้างบารมี อีกทั้งยังช่วยตอกย้ำในมโนปณิธานอันสูงสุดให้กับพระโพธิสัตว์อีกด้วย
决意波罗蜜是一种帮助菩萨把心灵熔炼得坚定,在修波罗蜜中毫无畏惧的波罗蜜,同时还有助于反复地坚定菩萨的最高理想。
ดังนั้น การบำเพ็ญอธิษฐานบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับภูเขาศิลาแท่งทึบที่ไม่หวั่นไหว โยกคลอน ด้วยแรงลมที่พัดมาจากทิศทั้งสี่ ฉันใด พระโพธิสัตว์ย่อมตั้งจิตอธิษฐานตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุด ฉันนั้น
因此,佛陀的决意波罗蜜修行就好比是一座不因四方吹来之强风而畏惧动摇的巍巍大山,菩萨必定会一次又一次地许愿,直至达成最高目标。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 89
“ เมตตาบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第八十九集
“仁慈波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
หลังจากที่พระโพธิสัตว์สั่งสมบารมีมาถึงบารมีขั้นที่แปดแล้ว บารมีขั้นต่อไปที่พระโพธิสัตว์จะได้บำเพ็ญนั้น คือ เมตตาบารมี
在菩萨积累到第八个波罗蜜后,接下来菩萨要修的是仁慈波罗蜜:
9.เมตตาบารมี คือ ความรัก ความปรารถนาดี หรือความคิดช่วยเหลือเกื้อกูลให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญ สำหรับพระโพธิสัตว์ผู้มุ่งปรารถนาจะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้พ้นจากกองทุกข์ไป สู่ฝั่งพระนิพพานนั้น ตัวท่านจะต้องมีคุณสมบัติพิเศษอันสำคัญประการหนึ่ง นั่นก็คือ ความน่าเข้าใกล้อันเกิดจากความรัก และความปรารถนาดี แบบ…ไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง
9.仁慈波罗蜜即是爱心,好心帮助他人获得幸福的想法,对于一心要带领众生脱离苦难,进入涅槃的菩萨来说,菩萨必须要具备一种重要的特别品质是:
เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากได้พบได้เจอ หรือได้ยินแค่เพียงเสียงของพระโพธิสัตว์แล้ว ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นมิตรหรือศัตรู ความรู้สึกสบายอกสบายใจ และความรู้สึกที่อยากจะเข้าใกล้ เพื่อจะสนทนาปราศรัย (อันเป็นไปเพื่อการสั่งสมบุญสร้างบารมี)-กับ พระโพธิสัตว์ ย่อมเกิดขึ้นกับใจของบุคคลผู้นั้นอย่างอัศจรรย์ ดังนั้น เมตตาบารมีจึงเป็นบารมีที่จะคอยหล่อหลอมและส่งเสริมให้พระโพธิสัตว์ มีจิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตาน่าเข้าใกล้ และมีความรักความปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างแท้จริง
不管是谁,碰见或是只听到菩萨的声音,无论那个人是朋友还是敌人,都会感觉到舒心,为了要去和菩萨交谈而想要亲近菩萨(这是为了积累波罗蜜),这种感觉必定会神奇地产生在那个人的心中。因此,仁慈波罗蜜会是一种培养和加强菩萨温和之心,拥有慈悲令人想要靠近和真正地对众生有着好意的波罗蜜。
แม้พระโพธิสัตว์จะประสบพบเจอกับบุคคลผู้ไม่หวังดี ที่คอยคิดเบียดเบียนประทุษร้ายตัวท่าน แต่สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว แทนที่ท่านจะคิดประทุษร้ายต่อบุคคลผู้นั้นคืน ท่านก็หาได้ทำเช่นนั้นไม่ ตรงกันข้าม พระโพธิสัตว์กลับยิ่งมีแต่ความรู้สึกที่เมตตาปรารถนาดีต่อบุคคลผู้นั้น และพร้อมจะให้อภัยกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บุคคลผู้นั้นได้ผิดพลาดกระทำลงไปอีก ด้วย
尽管菩萨会遇到一些不怀好意,想要伤害菩萨的人,但菩萨不仅不会想去报复那些人,反而会反其道而行,对那些人充满慈悲,并原谅那些人所犯下的种种错事。
ด้วยเหตุนี้เอง กระแสแห่งความรัก ความเมตตา และความปรารถนาดีของพระโพธิสัตว์ จึงได้แผ่ขยายไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลายในทุกหนทุกแห่งอย่างไม่มีประมาณ โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ใดๆ ด้วยความคิดว่า สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนต่างก็เป็นหมู่ญาติอันเป็นที่รักของท่านทั้งสิ้น และด้วยความรักความเมตตาและความปรารถนาดี อันไม่มีประมาณของพระโพธิสัตว์นี้เอง จึงทำให้ท่านคิดปรารถนาที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ข้ามพ้นจากห้วงทะเลแห่งกองทุกข์หรือวัฏสงสารนี้ไปให้หมด
所以,菩萨的爱心、慈悲和好意才会如水流般无穷无尽地流向各地的众生。不会择取血统,宗教和种族,把所有众生都当做是自己爱戴的亲人,因为菩萨无尽的爱,慈悲和好意,使得菩萨想要带领所有众生脱离六道轮回的苦海。
ดังนั้น การบำเพ็ญเมตตาบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับสายน้ำย่อมแผ่ความเย็นให้กับคนดีและคนเลวโดยเสมอกัน อีกทั้งยังสามารถชำระล้างมลทิน คือ ธุลี ให้แก่คนทุกชนชั้นรวมไปถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ ฉันใด พระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมเพิ่มพูนเมตตาในชนทั้งหลาย ทั้งที่เคยเกื้อกูลและที่ไม่เคยเกื้อกูลแก่ตัวท่าน โดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ เพศ วัย หรือเผ่าพันธุ์ใดๆ ฉันนั้น
菩萨的仁慈波罗蜜修行好比是河流会给好人和坏人都带来清凉,还能够为众生清洗污垢尘埃。菩萨会增加对众人的慈悲,不管是什么种族,性别,年龄,血统或者曾经帮助过自己还是没有帮助过自己的,都会对一视同仁。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 90
“ อุเบกขาบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛
第九十集“舍波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
สำหรับบารมีข้อสุดท้ายที่พระโพธิสัตว์จะได้บำเพ็ญต่อไปนั้น คือ อุเบกขาบารมี
菩萨最后要修行的波罗蜜即是舍波罗蜜,
10.อุเบกขา มีความหมายอยู่ทั้งหมดสามนัยยะด้วยกัน ดังนี้
10.舍有如下3种含义
นัยยะที่หนึ่ง หมายถึง ความเป็นผู้ที่มีใจเที่ยงธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือหมายถึง การให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอย่างเสมอภาคกัน โดยไม่มีอคติหรือลำเอียงต่อผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นความลำเอียงเพราะรัก ความลำเอียงเพราะชัง ความลำเอียงเพราะหลง หรือความลำเอียงเพราะกลัว
第一种含义指的是成为一个有公道心,不偏向任何一方的人。不会因为爱而偏心,不会因为厌恶而偏心,也不会因为迷恋或畏惧而偏心,给予每一个人以平等公正,不会偏心或是偏袒任何一个人。
นัยยะที่สอง หมายถึง การปล่อยวาง หรือการวางเฉยเมื่อเห็นว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้แล้ว สำหรับในกรณีที่ยังสามารถช่วยเหลือกันได้ ก็ให้ช่วยเหลือกันไป แต่ถ้าหากไม่สามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้แล้ว พระโพธิสัตว์ก็จะปล่อยวาง โดยพิจารณาว่า สรรพสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ใครทำกรรมใดไว้ ก็ย่อมได้รับผลของกรรม (ที่ตัวเขาได้ทำ)-นั้น เป็นต้น
第二个含义指的是:当看到自己不能作出什么帮助后,就放开或是放下,对于能够相助之事,就继续给予帮助,但如果不能对一件事有助益后,菩萨就会放开,想着众生有着自己的罪业,谁造下何种罪业,必遭何种恶果。
นัยยะที่สาม หมายถึง การวางเฉยในอารมณ์ต่างๆที่เข้ามากระทบ ไม่ว่าอารมณ์นั้นจะเป็นอารมณ์ที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจก็ตาม พระโพธิสัตว์ก็จะต้องมีใจที่สงบนิ่ง (ใสเย็น แจ่มกระจ่าง)-คือ มีอารมณ์ที่ไม่สุขไม่ทุกข์ (เป็นสภาวะกลางๆเฉยๆ อย่างผู้ที่มองโลกไปตามความเป็นจริง)
第三种含义指的是:放下各种冲击我们的情绪,不管那种情绪是满意还是不满意,菩萨都需要有一颗静定的心(平静,皎洁明亮)即:无喜无悲(平和的心态,如实看待世间之人)
ดังนั้น อุเบกขาบารมี จึงหมายถึง การฝึกใจของพระโพธิสัตว์ให้หยุดนิ่ง โดยไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์หรือสิ่งต่างๆที่มากระทบอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่ว่าอารมณ์หรือสิ่งต่างๆที่มากระทบใจของพระโพธิสัตว์นั้น จะเป็นสิ่งที่น่าชอบใจหรือไม่ชอบใจก็ตาม
所以,舍波罗蜜意味着菩萨把心锻炼得静定,即以生命为赌注,不管是令人欢喜的或是不令人欢喜的,不畏惧于任何来冲击的情绪或是事物,
อีกทั้ง ยังเป็นการฝึกให้พระโพธิสัตว์มีใจที่บริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป จะได้ไม่เอนเอียงไปตามความยินดียินร้ายอันเกิดจากความอคติลำเอียงต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคน สัตว์ สิ่งของ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เอง พระโพธิสัตว์จึงจำเป็นจะต้องฝึกวางใจให้เป็นกลางๆในธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าสิ่งต่างๆที่ท่านจะต้องพบเจอในหนทางการสร้างบารมีนั้น จะเป็นความสุขหรือจะเป็นความทุกข์ก็ตาม
这还能使菩萨锻炼心变得更加纯洁,不会因为个人的喜恶而对人、动物、物品的事情进行偏袒,所以,菩萨很有必要去修心,把心放置在一切有为法的中间,不管菩萨在修波罗蜜的路途中将要遇到什么事情,是幸福的还是痛苦的都将是一样。
ดังนั้น อุเบกขาบารมี จึงถือเป็นบารมีอันดับสุดท้ายในบารมีสิบทัศที่สำคัญมาก ซึ่งพระโพธิสัตว์จะต้องกระทำอย่างยิ่งยวด เพราะพระโพธิสัตว์ได้เล็งเห็นแล้วว่า อุปสรรคสำคัญที่จะมาบั่นทอนการสร้างบารมีของท่านนั้น คือ ความมีใจเอนเอียงต่อสิ่งต่างๆที่มากระทบ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมาในรูปของความสุขหรือความทุกข์ก็ตาม อันเป็นเหตุทำให้ใจของพระโพธิสัตว์อาจจะกระเพื่อมขึ้นๆลงๆด้วยความดีใจหรือ เสียใจขึ้นมาได้
因此,舍波罗蜜才被认为是重要的十波罗蜜中的最后一个波罗蜜,菩萨必须要全力以赴,因为菩萨已经看出:困难险阻将来削弱自己的波罗蜜修行,不要对各种来冲击的事物进行偏袒,不管那件事来自喜相或是苦相,因为高兴或是伤心而让自己的心浮浮沉沉。
ด้วยเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ พระโพธิสัตว์จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบำเพ็ญอุเบกขาบารมี โดยการฝึกใจให้วางเฉย ไม่ยินดียินร้ายในโลกธรรมทั้งแปดประการ อันได้แก่ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ นั่นเอง
综上种种原因,菩萨才非常必要去修行舍波罗蜜,练习把心放开,不对世间八法中的利衰毁誉,称饥苦乐动心。
ดังนั้น การบำเพ็ญอุเบกขาบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับแผ่นดินที่คนทิ้งสิ่งของที่สะอาดบ้างไม่สะอาดบ้าง แผ่นดินย่อมไม่แสดงอาการใดๆ มีแต่นิ่งเฉยไม่หวั่นไหว ฉันใด พระโพธิสัตว์ก็วางใจเป็นกลาง ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายได้ ฉันนั้น
菩萨的舍波罗蜜修行好比是被人们丢弃干净和不干净物品的大地,但大地不会具有任何的情绪,有的只是静定和无惧。而菩萨也会像大地那样把心放置在中间,不畏惧所有的世间法。
จากเรื่องราวของบารมีทั้งสิบทัศที่ได้กล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่ากว่าบารมีของพระโพธิสัตว์แต่ละท่านจะเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ จนได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระโพธิสัตว์ทุกๆท่านจะต้องทุ่มเทในการสั่งสมบ่มบารมีทั้งสิบทัศให้แก่รอบ ให้เข้มข้น ให้บริบูรณ์อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันเลยทีเดียว ชนิดที่เรียกว่า ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ หรือต้องแลกมาด้วยชีวิต เพื่อให้ได้มาซึ่งบารมีนั้น…ท่านก็ยอม ซึ่งทั้งหมดที่พระโพธิสัตว์ได้ทุ่มเททำไปนี้ ก็เป็นไปเพื่อมวลมนุษย์ชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างแท้จริง
从上面所讲到的十波罗蜜可以看出:每一位要积累圆满的波罗蜜以证悟成佛陀的菩萨,都必须要积累完十波罗蜜,让波罗蜜浓烈,圆满,可以说是:即使是要赴汤蹈火或以命交换来获得波罗蜜,菩萨都乐意去做。所以,菩萨所做的所有事情的投入都是真正地为了众生。
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่บารมีของพระโพธิสัตว์เต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว เมื่อนั้นพระโพธิสัตว์ก็จะเสด็จมาบังเกิดบนโลกมนุษย์ พร้อมกับตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งวัฏสงสารได้ในที่สุด นอกจากนี้ บารมียังสามารถแบ่งระดับตามความเข้มข้นของการสร้างบารมีได้อีกสามระดับ ส่วนแต่ละระดับจะมีความแตกต่างและความเข้มข้นต่างกันอย่างไรนั้น เราคงต้องติดตามกันในตอนต่อไป
当菩萨的波罗蜜圆满之后,就会投生在人世间,同时证悟成佛,为的是最终能够带领众生脱离六道轮回之圈,除此之外,波罗蜜能够按照所修波罗蜜的深度分为三级。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 91
“ บารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมี ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第九十一集
“波罗蜜 中波罗蜜 深波罗蜜”
梦中梦幼稚园编辑
เมื่อพระบรมโพธิสัตว์พิจารณาเห็น พุทธการกธรรม หรือ บารมีสิบทัศ อันเป็นเครื่องบ่มโพธิญาณให้แก่รอบแล้ว พระโพธิสัตว์ก็ จะลุยหน้าสั่งสมบารมีทั้งสิบประการนี้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง เพื่อมุ่งไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุด นั่นก็คือ การตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ในแต่ละภพแต่ละชาตินั้น ก็มีความยิ่งหย่อนในการสร้างบารมีไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงได้มีการแบ่งระดับของบารมีออกไปตามความยิ่งหย่อนของการบำเพ็ญบารมี ไว้ทั้งหมดสามระดับด้วยกัน ซึ่งในแต่ละระดับนั้น จะมีชื่อเรียกดังต่อไปนี้
当菩萨思索出圣法或是十波罗蜜是圆满培养正等正觉之法后,菩萨就全力以赴地积累十波罗蜜,以便能够达成最高目标,即:证悟成佛。所以,菩萨的每一世修波罗蜜之行,在修波罗蜜的深浅上都有所不同,所以,才会按照波罗蜜的深浅划分为3个等级,每一个等级都有如下的称呼:
บารมีระดับต้น เรียกว่า “บารมี”
初级波罗蜜称为波罗蜜
บารมีระดับกลาง เรียกว่า “อุปบารมี”
中级波罗蜜称为中波罗蜜
บารมีระดับสูงสุด เรียกว่า “ปรมัตถบารมี”
高级波罗蜜称为深波罗蜜
บารมีระดับต้น หรือที่เรียกสั้นๆว่า บารมี คือ บารมีที่เกิดจากการสั่งสมบุญอย่างยิ่งยวดของพระโพธิสัตว์ ยกตัวอย่าง เช่น การบริจาคทรัพย์หรือการถวายทานด้วยวัตถุสิ่งของที่พระโพธิสัตว์กระทำอย่างเต็มที่เต็มกำลัง หรือการรักษาอุโบสถศีล (ศีลแปด)-ทุก วัน อย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ เป็นต้น แม้พระโพธิสัตว์จะสั่งสมบารมีอย่างยิ่งยวดเยี่ยงนี้ ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นการสั่งสมบารมีในระดับที่หนึ่ง หรือบารมีระดับต้น เท่านั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะยังมีการสั่งสมบารมีที่เข้มข้นยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก นั่นก็คือ การบำเพ็ญบารมีระดับกลาง หรือ อุปบารมี นั่นเอง
初级波罗蜜,简单地称为波罗蜜,即:产自于菩萨全力以赴积累的波罗蜜,比如捐献财物或是菩萨全心全意地布施物品。即使菩萨这样全力地积累波罗蜜,还只是被认为是积累第一级的波罗蜜或是初级波罗蜜而已。这些都是因为还有更加高深的波罗蜜要积累,即是:中级波罗蜜。
สำหรับบารมีระดับกลาง หรือ อุปบารมี หมายถึง บารมีที่พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญให้ยิ่งยวดยิ่งกว่าบารมีระดับต้น เพราะการที่พระโพธิสัตว์จะได้มาซึ่งบารมีระดับกลางหรืออุปบารมีนั้น พระโพธิสัตว์จะต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนอกจากพระโพธิสัตว์จะยินดีในการบริจาคทรัพย์อย่างเต็ม ที่เต็มกำลังแล้ว พระโพธิสัตว์ยังมีความยินดีที่จะบริจาคแม้กระทั่งอวัยวะเลือดเนื้อในร่างกาย ของท่าน เพื่อให้ได้มาซึ่งอุปบารมีอีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น การบริจาคดวงตาของตัวเองให้เป็นทาน เป็นต้น ดังนั้น บารมีระดับกลาง หรือ อุปบารมี จึงจัดเป็นบารมีที่ทำได้ยากยิ่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
中级波罗蜜或是中波罗蜜,指的是比初级波罗蜜更多的波罗蜜,因为菩萨要获得中级波罗蜜必须要有坚定的信念,因为菩萨除了愿意全力地去捐献钱财之外,还愿意于奉献出自己身体的血肉和器官,为的是能够获取中波罗蜜,比如菩萨以自己的眼睛作为布施品的例子等。所以,中级波罗蜜或者中波罗蜜才被认为是更难积累的另一级波罗蜜。
ส่วนบารมีระดับสูงสุด หรือ ปรมัตถบารมี คือ บารมีที่พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญอย่างยวดยิ่งและยิ่งยวด ชนิดที่เรียกว่า ยิ่งกว่าบารมีระดับใดๆทั้งสิ้น เพราะการที่พระโพธิสัตว์จะได้มาซึ่งบารมีระดับสูงสุดหรือปรมัตถบารมีนั้น พระโพธิสัตว์จะต้องเอาชีวิตของท่านเข้าแลกกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่านอกจากพระโพธิสัตว์จะยินดีในการบริจาคทรัพย์ อวัยวะ และเลือดเนื้อในร่างกายของท่านแล้ว แม้ชีวิตของท่านเอง ท่านก็ยินดีที่จะสละให้ เพื่อให้ได้มาซึ่งการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ดังนั้น ปรมัตถบารมีนี้ถือเป็นการบริจาคในสิ่งที่ให้ได้ยากที่สุด เพราะถ้าเป็นคนธรรมดาสามัญก็คงไม่มีใครยอมสละชีวิตของตนเองอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ บารมีที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตหรือปรมัตถบารมี จึงจัดเป็นบารมีระดับสูงสุดแบบยวดยิ่ง
最高级的波罗蜜或是深波罗蜜,是菩萨需要尽最大努力去修行的波罗蜜,这是一种要付出比任何一种波罗蜜更多努力的波罗蜜,必须要拿自己的生命去交换。即是:菩萨为了能够获得深波罗蜜以证悟正等正觉,除了愿意奉献自己的财物,血肉和器官外,即使是自己的生命也愿意舍弃。所以,深波罗蜜才被认为是最难捐献之物,因为普通人不会有谁愿意牺牲自己的生命,需要用生命或是深波罗蜜来交换的波罗蜜才是最高级的波罗蜜。
เมื่อเราได้ทราบถึงรายละเอียดของบารมีทั้งสามสิบทัศ (ซึ่งประกอบด้วยบารมีสิบทัศ อุปบารมีสิบทัศ และ ปรมัตถบารมีสิบทัศ)-แล้ว เราจะเห็นได้ว่ากว่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะได้มาตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้านั้น พระโพธิสัตว์จะต้องบ่มบารมีทั้งสามสิบทัศให้แก่รอบ แบบย้ำๆซ้ำๆ และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งบารมีทั้งสามสิบทัศเต็มเปี่ยมบริบูรณ์
当我们详尽地了解了30种波罗蜜后(包括10种初级波罗蜜,10种中级波罗蜜和10种深波罗蜜)我们可以看到,所有菩萨证悟成佛之前,菩萨必须要以生命为赌注,并反反复复地积累完30种波罗蜜,直至30种波罗蜜圆满。
ดังนั้น การสั่งสมบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับคนคั้นน้ำมันจากเมล็ดพืชด้วยเครื่องหีบน้ำมัน ซึ่งกว่าคนคั้นน้ำมันจะได้น้ำมันมาแต่ละหยดละหยาดนั้น เขาจะต้องหมุนเครื่องหีบให้วนกลับไปกลับมาหลายครั้งหลายหนแบบซ้ำๆย้ำๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำมันจากเมล็ดพืช ฉันใด พระโพธิสัตว์ทั้งหลายกว่าจะได้มาตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระโพธิสัตว์จะต้องบ่มบารมีทั้งสามสิบทัศให้แก่รอบแบบย้ำๆซ้ำๆ และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งบารมีทั้งสามสิบทัศเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ฉันนั้น
所以,菩萨积累波罗蜜就好比是人用榨油机从植物种子种榨取油一样,即使那个人只能够榨出一滴油,他都必须要来来回回地转动着榨油机,为的是从植物种子中得到油。而菩萨们要证悟成佛,也必须要以生命为赌注,并在生命的反复中积累完30种波罗蜜,直至30种波罗蜜圆满。
ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์ให้ความสำคัญกับการพิจารณา ตรวจดูบารมีทั้งสามสิบทัศอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ ทั้งนี้ก็เพราะพระโพธิสัตว์ตั้งใจที่จะกลั่นกรองเอาเฉพาะบารมีที่เป็นที่สุด ของที่สุด ที่จะทำให้พระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเร็วที่สุด
而菩萨之所以这么重视思考并如此详细周密地查看30种波罗蜜,那是因为菩萨一心要获取最后所提炼出的波罗蜜,让菩萨最终能够证悟佛法,成就佛陀。
เมื่อพระโพธิสัตว์ตรวจตรา และพิจารณาดูบารมีทั้งสามสิบทัศอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว พระโพธิสัตว์ก็จะสั่งสมบุญทุกๆบุญอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อให้กาย วาจา และใจ สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป จนกระทั่ง บุญต่างๆที่พระโพธิสัตว์ได้สั่งสมอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ได้กลั่นตัวเป็นบารมีทั้งสามสิบทัศในที่สุด
当菩萨详细地检查并思考这30种波罗蜜后,菩萨全身心的积累各种功德,为的是让身口意能够更加的纯净,直至菩萨以生命作赌注去积累下的各种功德能够最终净化成30种波罗蜜。
ด้วยเหตุที่พระโพธิสัตว์มีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่จะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้นี้เอง จึงทำให้พระโพธิสัตว์มีความเพียรพยายามเป็นอย่างมาก แม้หนทางแห่งการสร้างบารมีนั้นจะยากลำบากและยาวนานสักเพียงใด แต่ท่านก็ยังคงเชิดคางและเดินหน้าลุยสร้างบารมีต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่ง อาจหาญ ร่าเริง บันเทิงอยู่ในการสร้างบุญสร้างบารมี อย่างชนิดที่เรียกว่า เป้าหมายเป็นหลักอุปสรรคไม่มี ตราบจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ…การเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
因为要证悟阿耨多罗三藐三菩提,必使得菩萨精进修行,不管修波罗蜜之路多么的崎岖和漫长,他依然坚定,勇敢,愉悦,毫不气馁地前行在修功德波罗蜜之路上,仿佛拥有目标后,一切都不再是阻碍,这种心态菩萨一直保持到究竟——证悟成佛。
ดังนั้น พระโพธิสัตว์แต่ละท่านจึงต่างลุยหน้าสร้างบารมี ตั้งแต่บารมีในระดับเบื้องต้นสิบทัศเรื่อยมา จนมาถึงบารมีระดับกลางหรืออุปบารมีอีกสิบทัศ จนกระทั่งมาถึงปรมัตถบารมีที่เป็นที่สุดของที่สุดแห่งบารมี เมื่อใดที่พระโพธิสัตว์สร้างบารมีครบทั้งสามสิบทัศ เมื่อนั้นหนทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะเป็นความจริงได้ในที่สุด
所以,诸位菩萨都会一往无前地修波罗蜜,从初级波罗蜜到中波罗蜜,再到深波罗蜜,一旦圆满十波罗蜜,证悟成佛将成现实。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 92
“การสร้างบารมีสิบทัศในเชิงปฏิบัติ”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第九十二集
“修波罗蜜的方法”
梦中梦幼稚园编辑
หลังจากที่พวกเราได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับบารมีสิบทัศทั้งสามระดับมาแล้ว สำหรับครั้งนี้เราจะมาศึกษากันในเรื่องของการสร้างบารมีในเชิงปฏิบัติ ซึ่งสามารถสรุปเป็นข้อๆได้ ดังนี้
- ทานบารมี ถ้าจะพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็หมายถึง การวางแผนเพื่อให้…รวยแบบเหลือกินเหลือใช้ เหลือไว้สร้างบารมีไปข้ามภพข้ามชาติ จะได้สร้างบารมีได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะ รวยแบบเหลือกินเหลือใช้เหลือไว้สร้างบารมีไปข้ามภพข้ามชาติได้นั้น พระโพธิสัตว์ก็จะต้องประกอบเหตุด้วยการสละทรัพย์หรือสิ่งของเป็นทาน อย่างไม่หวงแหนและไม่เสียดาย เพื่อเป็นการกำจัดความเห็นแก่ตัวและความตระหนี่ให้หมดไปจากใจ ซึ่งมหาทานเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเสบียงติดตัวพระโพธิสัตว์ ไปตลอดหนทางแห่งการสร้างบารมี
在我们学习了三级10波罗蜜后,我们来学习一下修波罗蜜的方法,这些方法可以总结为如下几点:
1.布施波罗蜜,如果说得易懂一些,指的是筹划让自己生生世世绰有余裕,把多余下来的财物用来去修波罗蜜,这样就能够全力以赴地去修波罗蜜。菩萨要毫不可惜和不遗憾地捐献钱财或是物品出来作布施品,为的是去除心中自私和铿吝,这些大布施将变成功德,在修波罗蜜的全程中紧随菩萨。
- ศีลบารมี คือ การวางแผนเพื่อให้…ได้เกิดเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อมทั้งกาย วาจาและใจ ไม่พิกลพิการ แข็งแรงและอายุยืน ไปทุกภพทุกชาติ เพื่อจะได้เอากายมนุษย์นี้มาสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่ เพราะถ้าหากพระโพธิสัตว์ต้องพลัดไปเกิดในอัตภาพอื่นที่ไม่ใช่กายมนุษย์แล้ว การสร้างบารมีก็จะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้การสร้างบารมีนั้นต้องล่าช้าไปเป็นอย่างมาก ซึ่งกว่าที่พระโพธิสัตว์จะได้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบไปทุกภพ ทุกชาตินั้น ท่านจะต้องรักษาศีลห้าให้เป็นปกติอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน กล่าวคือ จะต้องใช้ชีวิตด้วยความสำรวมระวัง และไม่ไปทำให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะตนเอง เป็นต้น ซึ่งศีลบารมีนี้จะเป็นเครื่องช่วยสนับสนุนให้พระโพธิสัตว์สามารถสร้างบารมี ในรูปกายของมนุษย์ได้อย่างเต็มที่เต็มกำลังให้มากยิ่งๆขึ้นไป
2.戒波罗蜜是筹划让自己生生世世都生为一个身口意都健全,不残疾,身体健康,长寿之人,为的是用这具健全人身全力地修波罗蜜。因为如果菩萨没有转世为人,就不能够全身心地去修波罗蜜,那么波罗蜜修行就会变得非常缓慢。及至菩萨能够生生世世地投生为健全圆满之人,菩萨必须要以生命为赌注般地如常持守五戒,即是要谨慎小心地生活,不让他人因为自己而痛苦。因此这个戒波罗蜜是菩萨生为人之时帮助菩萨能够全力地修更多波罗蜜的助臂。
- เนกขัมมบารมี เป็นการวางแผนเพื่อ…ความปลอดกังวลของใจ โดยการควบคุมกามคุณทั้งหลายไม่ให้กำเริบได้ ใจ จะได้เป็นอิสระจากพันธนาการในเรื่องของกามคุณทั้งปวง เพราะเมื่อพระโพธิสัตว์หลีกออกจากกามด้วยการประพฤติพรหมจรรย์ (อยู่เป็นโสดไม่ครองเรือน)-พระโพธิสัตว์ก็จะ มีเวลา อารมณ์ และโอกาสในการสร้างบารมีอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่ยิ่งๆขึ้นไป ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะสามารถประพฤติพรหมจรรย์ได้อย่างตลอดรอดฝั่งนั้น พระโพธิสัตว์จะต้องมีหัวใจที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวอย่างเอาชีวิตเป็น เดิมพันกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า “ยอมตายไม่ยอมแต่ง”
3.出离波罗蜜即是筹划让自己脱离心中的担忧,控制所有欲望,不让其恶化,以便能够从欲望中脱离出来获得自由。因为在菩萨经过苦修从欲望中脱离出来之后(单身,没成家),菩萨就会有时间,有心情和机会全力修更多的其他种波罗蜜。菩萨要想一直无烦恼地苦修,就必须要有一颗一往无前,用生命作为赌注的心,可以说得上是“宁死不婚”。
4.ปัญญาบารมี คือ การวางแผนเพื่อให้ได้…ความรู้และปัญญาอันบริสุทธิ์ พระ โพธิสัตว์จะได้อาศัยปัญญานั้น กำจัดกิเลสให้หมดไปจากใจของตน อีกทั้งยังเป็นไปเพื่อการตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะได้มาซึ่งความรู้และปัญญาอันบริสุทธิ์นั้น พระโพธิสัตว์จะต้องแสวงหาครูดีให้เจอ เมื่อพบครูดีแล้ว ท่านก็จะต้องตั้งใจศึกษาและไต่ถามหาความรู้ต่างๆกับครูนั้น จนกระทั่งแตกฉาน แล้วนำความรู้ที่ได้มานั้นไปปฏิบัติให้ถูกต้อง จนเกิดเป็นผลดีต่อชีวิตการสร้างบารมี
4.智波罗蜜,即是筹划让自己获取纯净的知识和智慧,以便菩萨能够依靠那个智慧除尽自己心中的烦恼,同时证悟佛法成就佛果。而菩萨要获取这些纯净的知识和智慧,必须要寻找到好的老师,当遇见好的老师之后,菩萨必须要认真学习和善于发问,直至自己能够融会贯通,然后运用这些知识让自己行事正确,直至对修波罗蜜之行有益处。
5.วิริยบารมี เป็นการวางแผนเพื่อ…การฝึกหัดดัดนิสัย ให้พระโพธิสัตว์มีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง และพัฒนาตนเองไปสู่สิ่งที่ดีให้ยิ่งๆขึ้นไป จนกระทั่งกลายเป็นอัธยาศัยที่ดีติดตัวท่านไปข้ามภพข้ามชาติ ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะมีวิริยบารมีที่แก่กล้านั้น ท่านจะต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงจากสิ่งที่ไม่ดี ไม่สมบูรณ์ ไปสู่สิ่งที่ดีและสมบูรณ์กว่า อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
5.精进波罗蜜,筹划让自己改变性情,让菩萨拥有能够改善和开拓自身的勇气。直至变成一种能够生生世世紧随自己的好性情,而菩萨要拥有深厚的精进波罗蜜,菩萨必须敢于以生命作为赌注,把不好的,不圆满的东西调整得更好和更圆满。
6.ขันติบารมี เป็นการวางแผนเพื่อ…การต่อสู้หักหาญกับอุปสรรคน้อยใหญ่ทุกๆชนิด ไม่ว่าจะเป็นดินฟ้าอากาศ ความเจ็บป่วยไข้ อำนาจการบีบคั้น และอำนาจแห่งกิเลสอาสวะซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดที่บีบคั้นให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอย่างนับภพนับชาติไม่ถ้วน ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะมีขันติบารมีที่แก่กล้านั้น ท่านจะต้องบ่มอินทรีย์ของตัวท่านให้แก่รอบ ด้วยคุณธรรมขั้นพื้นฐาน นั่นก็คือ ความอดทน ซึ่งท่านจะต้องอดทนด้วยใจที่ใสและชุ่มเย็น ไม่ว่าอุปสรรคที่พบเจอจะใหญ่หลวงสักเพียงใด ท่านจะต้องอดทนและไม่ยอมถอยหลังเลยแม้แต่เพียงก้าวเดียว จนกว่าท่านจะถึงซึ่งเส้นชัยแห่งความสำเร็จ เรียกได้ว่า “ไม่สู้ ไม่หนี และจะขอทำดีเรื่อยไป”
6.忍辱波罗蜜,即是筹划让自己跟各种大大小小的苦难作斗争,不管是天气,病痛,压迫,还是烦恼的威力,而烦恼的威力是最强大的压迫力,使得众生要生死轮回无数世,菩萨要有深厚的忍辱波罗蜜,必须要通过基础道德促使自己的慧根齐全。即是,菩萨须用透明和清凉的心忍受遇见的巨大艰难险阻,菩萨必须忍受并不愿后退一步,直至到达终点,可以说是:“不争,不逃并愿一直行善下去。
7.สัจจบารมี เป็นการวางแผนเพื่อ…สร้างอุปนิสัยให้พระโพธิสัตว์เป็นคนซื่อตรง จริงจังและเด็ดเดี่ยวในการทำความดี ไม่ ว่าจะนานแสนนานแค่ไหน ตราบใดที่ยังไม่บรรลุถึงเป้าหมาย ตราบนั้นพระโพธิสัตว์ก็จะเดินหน้าเรื่อยไป จนกว่าจะถึงเป้าหมายปลายทางอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะมีสัจจบารมีที่แก่กล้านั้น ท่านจะต้องรักษาสัจจะของตนยิ่งด้วยชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัจจะต่อเป้าหมายที่ตัวท่านได้ตั้งใจไว้ นั่นก็คือ…การบรรลุพระโพธิญาณ
7.诚实波罗蜜,即是筹划培养自己性情,使菩萨成为一个正直真诚并坚决行善之人,不管多么长久,只要还没有达成目标,就会一直前进下去,以生命作为赌注,直至到达终点。菩萨要想获取深厚的诚实波罗蜜,必须要以生命捍卫自己的诚实,不管言辞还是行动,特别是忠诚于自己订下的目标——证悟正等正觉。
8.อธิษฐานบารมี เป็นการวางแผนเพื่อ…การตั้งเป้าหมายและตอกย้ำเป้าหมายที่มีอยู่ในใจให้หนาแน่น จนเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ได้กลายเป็นภาพแห่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาในใจอย่างแจ่มชัด ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะมีอธิษฐานบารมีที่แก่กล้านั้น ท่านจะต้องตั้งเป้าหมายหรือทิศทางให้ชัดเจน แล้วก็ปฏิบัติตามในสิ่งที่ท่านได้ตั้งเป้าหมายนั้น ด้วยความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น จนกว่าจะถึงเป้าหมายปลายทางแห่งความสำเร็จนั้น
8.祈祷波罗蜜,即是定下计划并反复地坚定心中的计划,让这个计划坚固稳定。直至订下的计划清楚地转变成来源于心中的成功画面。菩萨要想获取深厚地祈祷波罗蜜,必须要制定下清晰的目标或是路线,然后坚定不移地按着制定下来的目标执行,直至到达成功的终点。
9.เมตตาบารมี เป็นการวางแผนเพื่อให้…พระโพธิสัตว์เป็นผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์อย่างแท้จริง ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะมีเมตตาบารมีที่แก่กล้านั้น ท่านจะต้องให้ความรักและความปรารถนาดีแก่สรรพสัตว์ทุกชีวิตอย่างไม่เลือกที่ รักผลักที่ชัง เห็นใครมีความทุกข์หรือลำบาก ท่านก็มีไมตรีจิตพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เสมือนผู้ที่ได้รับความทุกข์นั้นเป็นประดุจญาติร่วมสายโลหิตเดียวกัน เมื่อพระโพธิสัตว์เป็นผู้ที่มีความเมตตาเป็นปรกติเช่นนี้แล้ว ท่านก็จะเป็นบรมครูผู้เป็นที่รักของสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างแท้จริง
9.仁慈波罗蜜,即是计划让自己成为一个对他人有美好期望,可以真正地帮助他人脱离苦难的人。菩萨要想获取浓烈的仁慈波罗蜜,就必须要一视同仁地给予众生爱心和美好的期望。看到谁遭遇痛苦或是苦难,菩萨就友好地前去相助,就像那个遭遇苦难的人是与自己有着血缘关系的人一般。当菩萨成为这样一个慈悲之人,菩萨就将真正地成为众生所爱戴的老师。
10.อุเบกขาบารมี เป็นการวางแผนเพื่อให้…พระโพธิสัตว์เป็นผู้มีใจสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ นินทา หรือสรรเสริญ เป็นต้น ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์จะมีอุเบกขาบารมีที่แก่กล้านั้น ท่านจะต้องเป็นผู้มีความเที่ยงธรรม และมีใจสงบราบเรียบสม่ำเสมอมั่นคง ไม่มีอคติ และรักษาความยุติธรรมเท่าชีวิต
10.舍波罗蜜,计划让自己成为一个心灵宁静,不畏惧所有世间法的人,不管那是快乐,痛苦,指责还是称颂。而菩萨要想获取浓烈的舍波罗蜜,菩萨必须是个公正,心灵坚定宁静之人,没有偏见并像捍卫生命般捍卫公平。
สำหรับบารมีสิบทัศทั้งสามระดับดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะต้องปฏิบัติให้เข้มข้นยิ่งๆขึ้นไป โดยเป็นการวางแผนเพื่อฝึกนิสัยที่ดีให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง และกำจัดนิสัยที่ไม่ดี หรือความคุ้นในสิ่งที่ไม่ดี ให้ออกไปจากใจของตนเองให้ได้ ซึ่งแผนต่างๆที่ได้วางไว้ทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นการวางแผนเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น แต่ทั้งหมด คือ การวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และเป็นการวางแผนผังของชีวิตในระยะยาว โดยเป็นแผนที่ตั้งเป้าหมายกันข้ามภพข้ามชาติเลยทีเดียว
关于前面所讲到三级十波罗蜜,发愿成佛的人将更加严格的执行下去,这是一个为了给自己培养出好性情并从心中去除恶性或是不好习惯的计划,所有制定下来的计划,不是短期的计划,所有的这些计划,都是一个一个阶段,长期的生命计划,是生生世世制定的目标方案。
เมื่อวางผังของชีวิต ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะพาข้ามห้วงแห่งวัฏสงสารแล้ว พระโพธิสัตว์ก็มุ่งหน้าตั้งใจสร้างบารมีต่อไปอย่างไม่ลดละ แม้ว่าเส้นทางสายนี้จะไม่ได้ราบเรียบสะดวกสบาย เพราะตลอดเส้นทางพระโพธิสัตว์อาจจะต้องพบเจอกับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ มากมาย แต่สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว ท่านก็ไม่ได้ย่อท้อแต่อย่างใด ตรงกันข้ามท่านกลับอดทนและมีความพยายาม เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของชีวิตให้ได้
当菩萨制定了生命的计划,就好比是带领人穿越轮回之圈的指南针,菩萨就可以毫不迟疑地一心继续修波罗蜜,即使这一条路不会平坦,一路上,菩萨或许会遇见许许多多,各式各样的艰难困苦和问题,但对于菩萨来说,他不仅不会有丝毫气馁,反而会忍受住苦难并努力地去达成生命的目标。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 93
“พระเจ้าสังขจักรบำเพ็ญปรมัตถบารมี ตอนที่ 1”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第93集
赏卡扎关国王修深波罗蜜 第一集
梦中梦幼稚园编辑
เมื่อเราได้ศึกษาความเป็นมา ซึ่งบอกให้เราทราบถึงความยากลำบากและคุณสมบัติในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้ว ต่อจากนี้ไป เราก็จะได้มาศึกษาเรื่องราวการสร้างบารมีในพระชาติแรกที่พระศรีอริยเมตไตรย์ ได้บำเพ็ญปรมัตถบารมี แล้วได้ตั้งความปรารถนาต่อเบื้องหน้าพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง
当我们研究了佛陀的来源,即告诉我们知道证悟成佛所遭遇的困难和所要具备的品行。从现在开始,我们就来学习一下弥勒佛在第一世修波罗蜜后,在一位前尊佛陀的面前发下大愿的事情。
เรื่องก็มีอยู่ว่า ในกาลสมัยของพระสิริมิตรสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ซึ่งในกาลต่อมาก็คือพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ลงมาบังเกิดสร้างบารมีเป็นกษัตริย์แห่งนครอินทปัตถ์ โดยจะมีพระนามว่า พระเจ้าสังขจักร
这件事是这样的: 在สิริมิตร时代的时候,当时他的尊号是赏卡扎关。那个时代之后,弥勒佛就投生为อินทปัตถ์的国王来修波罗蜜。
อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าสังขจักรทรงมีพระทัยปรารถนาอย่างแรงกล้าขึ้นมาว่า “หากบุคคลใดมาบอกข่าวแก่พระองค์ว่า ในขณะนี้พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ได้บังเกิดขึ้นแล้ว พระองค์จะสละราชสมบัติให้แก่บุคคลผู้นั้นทั้งหมด”
有一天,赏卡扎关国王心中起了一个非常强烈的愿望:如果有人来告诉我现在佛宝,法宝,僧宝都出世了的消息,那么我就把王位让给那个人。
และถ้ามีใครมาบอกข่าวอันเป็นมงคลกับพระองค์เช่นนั้นจริงๆ พระเจ้าสังขจักรก็จะทรงสละราชสมบัติ แล้วรีบเสด็จพระราชดำเนินไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นในทันที
如果有谁真的能把这一祥瑞告知给国王,赏卡扎关国王就放弃王位,马上去觐见佛陀。
ส่วนสาเหตุที่ทำให้พระเจ้าสังขจักรทรงดำริเช่นนี้ ก็เป็นเพราะพระองค์ทรงบังเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า “ราชสมบัติอันโอฬารที่ชนทั้งหลายพากันหลงใหลนี้ หากนำไปเทียบกับการได้พบเห็นบุคคลอันประเสริฐ ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้พ้นแล้วซึ่งทุกข์ทั้งปวง ราชสมบัติเหล่านั้น ก็กลับกลายกองดินหรือเป็นสิ่งที่ไร้ค่าไร้ความหมายไปทันที”
我们赏卡扎关国王会这么做,那是因为国王产生了这样的想法:这个让世人相继迷失的财富如果拿来跟可以觐见圣人相比,比如脱离了所有痛苦的人——佛陀,那么这些财富马上变成了一堆泥土或是毫无价值之物。
ในเวลาต่อมา ได้มีสามเณรรูปหนึ่งเดินทางผ่านมาที่กรุงอินทปัตถ์ เมื่อชาวเมืองได้พบเห็นสามเณรผู้สงบสำรวมแล้ว แทนที่จะเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ตรงกันข้าม กลับเข้าใจผิดคิดว่า…สามเณรรูปนี้เป็นยักษ์
后来,有一位沙弥路经 อินทปัตถ์城,当城民遇见这一位宁静安详的沙弥之后,不仅没有产生信仰,反而误解这位沙弥为夜叉。
เพราะเห็นว่า สามเณรนุ่งห่มแปลกและผิดแผกจากนักบวชที่พวกตนเคยเห็น เนื่องจากพระพุทธศาสนายังไม่เผยแผ่เข้ามาในเมืองนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้พวกชาวเมืองจึงพากันวิ่งเข้าไปเพื่อหมายจะทำร้ายสามเณร
由于佛教还没有传播到这一国家,当他们看到这位沙弥穿着怪异,不同于以往自己所见到出家人,所以这些居民就相继逼近过来想要伤害沙弥。
เมื่อสามเณรเห็นพวกชาวเมืองกรูกันเข้ามาหมายจะทำร้าย สามเณรจึงตกใจกลัวเป็นอย่างมาก และรีบวิ่งหนีไปทันที ในระหว่างที่สามเณรกำลังวิ่งหนีอยู่นั้น สามเณรก็ได้พลัดหลงเข้าไปทางเขตพระราชวังของพระเจ้าสังขจักร
沙弥看到居民蜂拥过来企图伤害他之后,就害怕得立即逃跑,在他逃跑之时,他迷路跑到了通向赏卡扎关国王王宫一带的路上。
ครั้นสามเณรวิ่งหลบเข้าไปในเขตท้องพระโรงแล้ว พวกชาวเมืองที่วิ่งไล่ตามมาก็ไม่กล้าวิ่งไล่ตามสามเณรเข้าไปภายในเขต พระราชวัง เพราะเกรงพระราชอาญา
当沙弥躲进皇宫附近后,那些追赶过来的居民因为害怕违反王法,不敢进到王宫追赶沙弥。
แต่อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตหรือบรรยากาศที่ดูน่าจะเลวร้ายของสามเณรในครั้งนี้ กลับกลายเป็นโอกาสหรือบุญของพระเจ้าสังขจักร ที่จะทำให้พระองค์ได้พบกับมงคลแห่งชีวิตอันสูงสุดในอนาคตอันใกล้นี้
但怎样都好,沙弥的这一次危机反而成为了赏卡扎关国王的机缘或是福气,使得国王能够在不久后遇见生命中最高的福缘。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 94
“พระเจ้าสังขจักรบำเพ็ญปรมัตถบารมี ตอนที่ 2”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第94集
赏卡扎国王修深波罗蜜 第二集
梦中梦幼稚园编辑
เมื่อสามเณรวิ่งหลบเข้าไปในเขตท้องพระโรงแล้ว ก็ได้ไปพบกับพระเจ้าสังขจักร และในทันที่พระองค์ได้พบกับสามเณร พระองค์ก็ทรงแปลกพระทัยเป็นอย่างมาก พระองค์จึงได้สอบถามสามเณรว่า “ท่านผู้เจริญ ท่านมีเรื่องเดือดร้อนอันใดหรือ จึงวิ่งเข้ามาในท้องพระโรงของเรา”
沙弥逃入皇宫后,就遇上了赏卡扎国王,同时,赏卡扎国王对在此出现的沙弥也感到万分好奇,问道:不知先生遇上了何种急事,闯入我的皇宫中。
ครั้นสามเณรได้อธิบายถึงที่มาที่ไปว่า “เราได้ถูกชาวเมืองเข้าใจผิด คิดว่าเป็นยักษ์จำแลงแปลงกายมา จึงได้วิ่งหนีเข้ามาในเขตราชวังของพระองค์”-พระเจ้าสังขจักรจึงทรงสอบถามต่อว่า “แล้วท่านเดินทางมาจากไหนหรือ”
沙弥解释说:我被民众误解,以为是夜叉幻化而来,情急之下,我才躲入皇宫之中。国王接着问:先生从何处而来?
สามเณรจึงทูลตอบพระเจ้าสังขจักรว่า “เราเป็นสามเณรที่บรรพชาในสำนักของพระสิริมิตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน”-ทันทีที่พระสังขจักรได้ยินว่า พระพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐอุบัติขึ้นแล้วเท่านั้น ความปีติยินดีอย่างสุดประมาณก็พลันบังเกิดขึ้นในพระทัยของพระองค์
沙弥禀明道:我是一位在尸弃佛座下修行的比丘,他是一位知者,觉者,喜悦者。当国王听说卓绝无上的佛陀降世后,心中立即涌上无量的法喜。
อุปมาเหมือนดั่งคนที่เดินอยู่กลางทะเลทรายมาเป็นเวลานานแสนนาน ครั้นมีผู้มาบอกให้เขาได้ทราบว่า ถ้าเดินตรงไปตามทางข้างหน้านี้ อีกไม่ไกลนักก็จะได้พบแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์แล้ว คนที่เดินอยู่กลางทะเลทรายนั้น ย่อมรู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
仿佛一位在沙漠中心跋涉了无数岁月的人,当有人告诉他只要径直向前,将获得充足的水源时,他定会欢喜万分。
แต่ความปีติยินดีของชายผู้อยู่กลางทะเลทรายแล้วได้พบแหล่งน้ำ แม้จะมีมากสักเพียงใดก็ตาม ย่อมไม่อาจเทียบได้กับความปลื้มปีติยินดีที่เกิดขึ้นในพระทัยของพระเจ้าสังข จักร ในเวลานี้ได้เลย
但不管那个人如何的激动欢喜,也比不上此时的赏卡扎。
ด้วยเหตุแห่งความปลื้มปีตินี้เอง พระเจ้าสังขจักรถึงกับทรงเปล่งอุทานขึ้นดังๆว่า “อโห…พุทโธ โอ…พระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของโลกทรงอุบัติขึ้นแล้ว”
因法喜得无法抑制,赏卡扎国王情不自禁地喊道:啊,佛 陀,世界的依靠诞生了。
ว่าแล้ว พระเจ้าสังขจักรก็ไม่ทรงรอช้า ทรงตัดสินใจเสด็จไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าทันที โดยไม่ให้ใครคอยตามเสด็จแม้แต่คนเดียว อีกทั้งพระองค์ก็ไม่ทรงใช้ยานพาหนะใดๆในการเดินทางในครั้งนี้เลย ซึ่งระยะทางที่จะต้องเดินทางไปนั้น ยาวไกลถึง 16-โยชน์เลยทีเดียว
此时,赏卡扎国王已然是迫不及待地要去朝见佛陀,他不让一人随行,也不使用任何代步的工具,就这样孤身一人走上了长达16由旬的朝见佛陀之路。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 95
“พระเจ้าสังขจักรบำเพ็ญปรมัตถบารมี ตอนที่ 3”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛 第95集
赏卡扎国王修深波罗蜜 第三集
梦中梦幼稚园编辑
แต่เนื่องจากพระเจ้าสังขจักรทรงเป็นกษัตริย์สุขุมาลชาติ ซึ่งมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายมาโดยตลอด และไม่เคยต้องกระทำในสิ่งที่ลำบากพระวรกายมาก่อนเลย ดังนั้น เมื่อพระองค์เสด็จดำเนินไปได้เพียงวันเดียว พระบาททั้งสองของพระองค์ก็ได้แตกช้ำ
由于赏卡扎身为国王,一直养尊处优,未曾干过什么体力活,所以,赏卡扎国王只走了一天,双脚脚掌就裂开了。
สามวันต่อมา พระบาททั้งสองข้างของพระเจ้าสังขจักรก็แตกจนมีพระโลหิตไหลออกมา ถึงขนาดที่พระองค์ต้องค่อยๆคลานไปเลยทีเดียว แต่ด้วยกำลังพระอุตสาหะอันแรงกล้า แม้จะเสวยทุกขเวทนาแสนสาหัสเพียงใด พระองค์ก็มิได้ทรงย่นย่อท้อถอย ตรงข้ามกลับทรงตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ที่จะไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้จงได้
三天后,国王裂开的双脚脚掌已然流出血来,虽然如此,他还是缓缓爬行而去,由于有着超强的毅力,即使历经再大的痛苦,他也没有气馁,相反,朝见佛陀之心,益发坚定。
ด้วยเจตนาอันแรงกล้าที่จะได้พบพระจอมไตรผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งกว่าผู้ ใดในโลก พระเจ้าสังขจักรจึงทรงอดทนอดกลั้นในทุกขเวทนาต่างๆที่บังเกิดขึ้น โดยหาได้มีความอาลัยอาวรณ์ในพระวรกายของพระองค์เลยแม้แต่น้อย
因为朝见佛陀之愿比任何世人都强烈,国王忍受着周遭发生的种种痛苦,一点都不吝惜自己的身体。
ด้วยความเพียรพยายามอันหาที่สุดไม่ได้ของพระเจ้าสังขจักร พระองค์จึงได้เสด็จไปถึงที่ประทับของพระสิริมิตรสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด
经历千辛万苦后,赏卡扎国王终于来到了佛陀所在之处。
ครั้นพระเจ้าสังขจักรเสด็จเข้าไปถึง ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ในพระวิหาร เมื่อมองเข้าไปก็เห็นพระรัศมีกายของพระตถาคตเจ้าสว่างไสวเรืองรองเป็นอย่าง มาก เมื่อได้เห็นเช่นนั้น พระเจ้าสังขจักรก็ทรงเกิดความปลื้มปีติยินดีล้นพระทัยอย่างไม่มีประมาณ จนถึงกับวิสัญญีภาพ สลบลงไป ณ ที่นั้นนั่นเอง
赏卡扎国王到达之后,就看到佛陀端坐于大殿内,身体发出明亮的光芒,看到此等景象,他竟法喜到当场昏了过去。
เมื่อพระเจ้าสังขจักรทรงฟื้นได้สติขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็ทรงน้อมตัวเสด็จเข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้า จากนั้นก็ได้ประคองอัญชลีประณมเหนือเศียรเกล้าพร้อมกับตรัสว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของโลก”-ครั้น ตรัสได้เพียงคำเดียว พระเจ้าสังขจักรก็ทรงนิ่งอึ้ง และมิอาจตรัสคำอื่นต่อไปได้อีก ที่เป็นเช่นนี้ ก็ด้วยความปลื้มปีติปราโมทย์ใจที่มันเปี่ยมล้นอยู่เต็มพระหฤทัยของพระองค์
赏卡扎国王恢复知觉后,即刻躬身走到佛陀的身边,双手合十说道:参见世界的依靠,至高的佛陀。然后仅仅说了这一句,就静静地说不出其它话来,因为激动法喜的心情已经完全占据了国王的内心。
ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นเช่นนั้น พระองค์จึงทรงแสดงธรรมว่าด้วยเรื่อง คุณของพระนิพพาน ครั้นพระ พุทธองค์ทรงแสดงธรรมได้เพียงบทเดียวเท่านั้น พระเจ้าสังขจักรก็ดำริว่า “พระนิพพานนี้…ถือว่าเป็นที่สุดแห่งโลกหล้า มิอาจหาสิ่งใดมาเทียบได้ ส่วนเศียรเกล้าของเราพร้อมทั้งมหามงกุฎนี้ก็ถือเป็นที่สุดแห่งโลกเช่นกัน ควรที่เราจะทำสักการบูชาพระธรรมเทศนาของพระองค์ด้วยเศียรเกล้าและมหามงกุฎนี้”
佛陀看见这样,就给赏卡扎开示了涅槃之德的精妙佛法,佛陀仅是开示了一个章节,赏卡扎国王就说道:涅槃为世界的究竟,无以伦比。而我的头颅和王冠也同样是世界之最,应以此来供养佛陀的法。
เมื่อทรงดำริดังนี้แล้ว พระเจ้าสังขจักรจึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาทั้ง ปวงนั้น มีพระนิพพานสิ่งเดียวเป็นที่สุด บัดนี้ ข้าพระบาทจะตัดเศียรเกล้ากับมงกุฎ กระทำสักการบูชาพระธรรมเทศนาของพระองค์ ด้วยเดชะแห่งผลสักการบูชาของข้าพระบาทนี้ ขอให้ข้าพระองค์ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าด้วย เถิด”
话毕,赏卡扎国王就跪拜道:尊敬的佛和尊敬的法,涅槃至高至上,现在,我将献出我的头颅和王冠来供养此章佛法,愿我在未来世证悟成佛。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 96
“พระเจ้าสังขจักรบำเพ็ญปรมัตถบารมี ตอนที่ 4”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛第96集
赏卡扎国王修深波罗蜜 第四集
梦中梦幼稚园编辑
ว่าแล้วพระเจ้าสังขจักรก็ทรงชักพระขรรค์ขึ้นเหนือพระเศียรของพระองค์ ทันทีที่พระเจ้าสังขจักรทรงชักพระขรรค์ขึ้นเหนือพระเศียรของพระองค์แล้ว พระเจ้าสังขจักรก็ทรงลงพระขรรค์ที่พระศอ ตัดพระศอของพระองค์ขาดสะบั้นลง สิ้นพระชนมายุต่อหน้าพระพุทธองค์ ณ ที่นั้น
说完赏卡扎国王就抽出短剑,举于头上,然后朝着颈部挥下短剑,就这样,赏卡扎国王身首异处,命丧佛陀尊前。
สำหรับการสละชีวิตเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาของพระเจ้าสังขจักรในครั้งนี้ ถือเป็นการบำเพ็ญปรมัตถบารมีสำหรับผู้ที่มีใจปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตายอย่าง ที่ใครหลายๆคนที่ไม่เข้าใจ แอบเข้าใจผิด ซึ่งการบำเพ็ญปรมัตถบารมีนี้ คือ การบำเพ็ญบารมีขั้นสูงสุดที่กระทำได้โดยยาก เพราะเป็นการกระทำความดีที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต ไม่ได้ทำเพราะถูกโมหะจิต (จิตที่ประกอบด้วยความหลง)-เข้าครอบงำ แต่เป็นการกระทำเพื่อมุ่งปรารถนาพระโพธิญาณในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใน อนาคต ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ก็ทรงผ่านการบำเพ็ญปรมัตถบารมี หรือยอมสละชีวิตถวายเป็นพุทธบูชา มาแทบทั้งสิ้น
此次以身供佛非是局外之人所认为的自杀行为,实是发心求取菩提的人修深波罗蜜之举,此深波罗蜜是非常难修的最高级的波罗蜜,因为这种行善须以命相换。常人因被疑著心(为痴迷所蒙蔽的心)所控往往不能做到。赏卡扎国王此举乃是为了在未来获取成就佛陀的菩提智,诸佛都曾修过深波罗蜜,都愿以生命作布施。
และด้วยความที่พระเจ้าสังขจักรทรงยอมสละชีวิตของพระองค์ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสิริมิตรสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนี้ ถือเป็นการกระทำด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ดังนั้น บุญที่ เกิดขึ้นจากการบำเพ็ญปรมัตถบารมีในครั้งนี้ จึงส่งผลทำให้พระเจ้าสังขจักรมีจิตที่ผ่องใส และเมื่อละจากโลกไป พระองค์ก็ทรงไปบังเกิดอยู่บนดุสิตเทวโลก ในทันทีที่พระองค์สิ้นพระชนม์
此次赏卡扎以生命布施佛陀的举动乃是一种对佛陀的信仰,非是简单的自杀行为,所以,这次修深波罗蜜的功德使得他的心清净湛然,在死后就往生到兜率天中。
สำหรับพระชาตินี้ ถือเป็นพระชาติแรกในการบำเพ็ญปรมัตถบารมี ที่พระบรมโพธิสัตว์ได้ทรงตั้งความปรารถนา ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ด้วยการถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากภพชาตินั้น เป็นต้นมา พระบรมโพธิสัตว์หรือพระเจ้าสังขจักร ก็ได้สั่งสมบุญสร้างบารมีมุ่งตรงต่อหนทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันเรื่อยมา
这一世是弥勒菩萨修深波罗蜜的第一世,也是他以生命作布施,在佛尊前发心证悟成佛的一世。那一世之后,弥勒菩萨或者说是赏卡扎国王在成佛之路上不断修行,以生命为赌注积累波罗蜜。
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 97
“พระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราช”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛第97集
“巴帕弯皇帝陛下”
梦中梦幼稚园编辑
หลังจากภพชาตินั้นเป็นต้นมา พระบรมโพธิสัตว์-(หรือพระเจ้าสังขจักร)-ก็ ได้สั่งสมบุญสร้างบารมี มุ่งตรงต่อหนทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน นับตั้งแต่ภพชาตินั้นเรื่อยมา จนกระทั่งในที่สุด เมื่อบารมีของพระบรมโพธิสัตว์เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ กล่าวคือ ผ่านระยะเวลาในการบ่มบารมีมายาวนานกว่า 80-อสงไขย กับเศษอีกแสนมหากัป ช่วงเวลาที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงปรารถนาและรอคอยมานานแสนนานก็จะมาถึง ซึ่งก็คือ การได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง
那一世之后,弥勒菩萨(赏卡扎国王)在成佛之路上不断修行,以生命为赌注积累波罗蜜。在弥勒菩萨历经八十阿僧祗劫又十万大劫的波罗蜜修行圆满后,他守候已久的成佛之日即可到来。
ในระหว่างที่พระบรมโพธิสัตว์กำลังสั่งสมบุญสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยมนั้น พระบรมโพธิสัตว์ (ซึ่งจัดเป็นพระวิริยาธิกโพธิสัตว์)-จะมีโอกาสได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง 2,048,109-พระองค์เลยทีเดียว โดยในช่วง 16-อสงไขยกับเศษอีกแสนมหากัปสุดท้าย (ซึ่งก็คือ ช่วงที่บารมีของพระบรมโพธิสัตว์ เพียงพอที่จะได้รับพุทธพยากรณ์)-พระบรมโพธิสัตว์ประเภทพระวิริยาธิกโพธิสัตว์ จะทรงได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมแล้วกว่า 109-พระองค์
在菩萨积累波罗蜜的期间(此时为精进菩萨),将有福缘在成佛前的16阿僧祗劫又10万大劫前遇到2,048,109尊佛陀(此时弥勒菩萨已有足够的波罗蜜接受佛陀授记),作为精进菩萨的弥勒菩萨,他将获得109尊佛陀的授记。
โดยพระชาติแรกที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงได้รับพุทธพยากรณ์ ก็คือ พระชาติที่พระองค์ทรงบังเกิดเป็น พระรัตนเถระ หรือ พระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราช ซึ่ง ตรงกับยุคสมัยของพระมหุตตสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องก็มีอยู่ว่า ในกาลสมัยของพระมหุตตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมโพธิสัตว์ได้ลงมาบังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ปกครองทวีปทั้งสี่ มีพระนามว่า ปภาวันตะ จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราชได้ทรงสดับข่าวอันเป็นมงคลว่า ในบัดนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติขึ้นบนโลกแล้ว ในกาลนั้นเองพระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราชพร้อมด้วยเหล่าบริวาร รวมถึงเหล่าข้าราชบริพารที่แวดล้อมพระองค์ รวมเป็นพื้นที่กว้างยาวถึง 36-โยชน์ ก็ได้รีบเสด็จออกเดินทางไปเข้าเฝ้าพระมหุตตสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันเดียวกันนั้น
弥勒菩萨首次获得佛陀授记是在他生为拉达纳长老或是巴帕弯皇帝之时,那时正好是佛陀时期,那时,弥勒菩萨降生为皇帝,统御四洲,名号为巴帕弯。一天,巴帕弯皇帝收到了一条喜讯——佛陀诞生于世。听到这个喜讯,巴帕弯皇帝马上带领侍从和方圆36由旬内的官员在那一天去朝见佛陀。
และในทันทีที่พระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราช ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นพระมหุตตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ความปลื้มปีติใจแบบสุดล้นพ้นประมาณก็พลันบังเกิดขึ้นอยู่ภายในพระราชหฤทัย ของพระองค์ และด้วยผลแห่งความปลื้มปีติใจแบบสุดล้นพ้นประมาณนี้เอง จึงทำให้พระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราชทรงกระทำการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการถวายรัตนะทั้งเจ็ดประการอันถือเป็นสมบัติคู่บุญของพระเจ้าจักรพรรดิ ตั้งแต่แรกเห็น พร้อมกันนั้นพระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราชก็ทรงกราบถวายบังคมพระบรมศาสดา แล้วทรงประทับนั่งอยู่ ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง
在巴帕弯皇帝目睹到佛陀的那一刻,无量的法喜涌上他的心头,使得他只是初次相见,就以只有皇帝才可拥有的七宝供养给佛陀,在跪拜佛陀之后,巴帕弯皇帝就到一旁打坐。
ในกาลนั้นเอง ด้วยความที่พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้รู้แจ้งโลก พระพุทธองค์จึงทรงตรัสพระธรรมเทศนาไปตามจริตอัธยาศัยของพระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราช ภายหลังจากที่พระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราชได้สดับตรับฟังพระธรรมเทศนา จากพระมหุตตะสัมมาสัมพุทธเจ้าจบลงแล้ว พระองค์ทรงมีพระทัยเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็น อย่างมาก และด้วยความที่พระองค์ทรงมีพระทัยเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากนี้เอง พระองค์จึงทรงสละจักรพรรดิสมบัติทั้งหลายทั้งปวง แล้วเสด็จออกผนวชเป็นพระภิกษุในพระศาสนาของพระมหุตตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันนั้น
此时,作为世间解的佛陀,就依照巴帕弯皇帝的心开示佛陀,巴帕弯皇帝在聆听了佛陀的佛法后,对佛教产生了强烈无比的信仰,因而舍弃王位,在那一天出家成为佛陀座下的比丘。
เมื่อพระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราชได้เสด็จออกผนวช เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว พระองค์ทรงมีพระนามใหม่ว่า พระรัตนเถระ ซึ่ง พระองค์ทรงเป็นพระภิกษุผู้มีสีลาจารวัตรที่งดงามประดุจดั่งพระจันทร์วันเพ็ญ ที่ลอยเด่นอยู่ท่ามกลางนภากาศ อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ(Meditation) และปัญญา อีกด้วย จนกระทั่ง ภายหลังจากที่พระรัตนเถระทรงสามารถบำเพ็ญฌานและอภิญญาให้บังเกิดขึ้นได้แล้ว ด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณา กล่าวคือ มีความปรารถนาที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ไป สู่ฝั่งพระนิพพานให้ได้ พระองค์จึงทรงตั้งความปรารถนาที่จะบรรลุพระสัพพัญญุตญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต และจากจุดนี้เองที่ทำให้พระองค์ทรงบริบูรณ์พร้อมไปด้วยธรรมสโมทานทั้งแปด ประการ ซึ่งถือเป็นธรรมอันสำคัญยิ่งสำหรับผู้ที่จะได้รับปฐมพุทธพยากรณ์จากพระสัมมา สัมพุทธเจ้า อันประกอบด้วย
巴帕弯皇帝出家为比丘后,法号为拉达纳,他的德行高洁,宛如挂在天空中的圆月。此外,他戒定慧俱足,在后来还修成了禅定和神通。因为身具大慈大悲之心,想要救助众生脱离苦难,进入涅槃。所以他发心要在未来证悟一切智,成就佛果。他也因具有大慈大悲之心,而使得总摄八法圆满无碍,此法对于能够获得佛陀的授记至关重要。八法分别为:
1.เกิดเป็นมนุษย์
生而为人
2.เกิดเป็นผู้ชาย
生为男子
3.ประกอบเหตุหรือสั่งสมบุญเอาไว้มาก
创造因缘或是积累大量的功德
4.ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
有缘得遇佛陀
5.ได้ออกบวช
剃度出家
6.บรรลุฌานและอภิญญา
证入禅定和神通
7.ถึงพร้อมด้วยการกระทำอันยิ่ง คือ ทำความดีเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป
行的善比普通人多
8.มีความพอใจในโพธิญาณ
满足于菩提智
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 98
“พระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราช ตอนที่ 2”
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
弥勒佛第97集
“巴帕弯皇帝陛下 第二集”
梦中梦幼稚园编辑
ด้วยความที่พระรัตนเถระ หรืออดีตพระเจ้าปภาวันตจักรพรรดิราช ทรงมีวิริยะอุตสาหะในการบำเพ็ญทานเป็นอย่างยิ่งนี้เอง จึงทำให้พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายที่นั่งประชุมกันอยู่ในธรรมสภา ต่างก็เกิดความคิดคำนึงขึ้นมาคล้ายๆกันว่า “พระรัตนเถระผู้มีวิริยะอุตสาหะในการบำเพ็ญทานรูปนี้ ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า ท่านจักได้ไปบังเกิดเป็นเทวดา หรือเป็นท้าวสักกเทวราช หรือเป็นท้าวมหาพรหม หรือว่าท่านจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันแน่หนอ”
拉达纳或者说是过去的巴帕弯皇帝的精进修行让坐在法堂的诸位比丘都不约而同地想到:这位精进修行的比丘在未来是生为天人,天王,大梵天王,还是证悟成佛呢?
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบความคิดของเหล่าภิกษุทั้งหลาย ที่นั่งประชุมรวมกันอยู่ ณ ธรรมสภาแล้ว พระพุทธองค์จึงทรงไขข้อสงสัยเหล่านั้น ด้วยการประทานพุทธพยากรณ์ให้แก่พระรัตนเถระ ท่ามกลางเหล่าพระภิกษุสงฆ์สาวกทั้งหลายว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระรัตนเถระรูปนี้จักเป็นผู้รู้พุทธวิชาในอีก 16-อสงไขย กับเศษอีกแสนมหากัปนับจากนี้ โดยท่านจักได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าซึ่งมีพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า”
佛陀得悉坐于法堂的诸比丘的想法后,佛陀就对坐于诸比丘中心的拉达纳授记,以消除众人的疑虑:诸比丘,这位知晓佛法的拉达纳长老将在16阿僧祗劫又10万大劫后证悟成佛,尊号为弥勒佛。
พร้อมกันนั้น พระบรมศาสดาทรงได้ตรัสบอกถึง พระนามของพุทธบิดา พุทธมารดา สถานที่กระทำความเพียร โพธิบัลลังก์ พระอัครสาวกซ้าย-ขวา พระอัครสาวิกาซ้าย-ขวา และพุทธอุปัฏฐากของว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต
与此同时,佛陀还说出了弥勒佛父母的名讳,弥勒佛修行的道场,菩提宝座,左右大弟子和伺奉佛陀之人的名字。
ภายหลังจากที่พระรัตนเถระได้รับปฐมพุทธพยากรณ์จากพระมหุตตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้ว พระรัตนเถระหรือพระบรมโพธิสัตว์ก็ทรงเกิดความปลื้มปีติปราโมทย์ใจแบบสุดๆ ที่พระบรมศาสดาทรงเปล่งวาจาซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันผังแห่งการเป็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้าให้กับตัวท่าน และนับตั้งแต่วันนั้นพระรัตนเถระหรือพระบรม โพธิสัตว์ก็ยิ่งตั้งใจบำเพ็ญพระบารมีทั้งสิบทัศ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งหมดอายุขัย ครั้นเมื่อถึงเวลาลงมาบังเกิดสร้างบารมีอีกในภพชาติต่อๆ มา พระบรมโพธิสัตว์ก็ทรงมุ่งมั่นและตั้งใจบำเพ็ญพระบารมีทั้งสิบทัศอย่างไม่ถอน ถอย และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันนับตั้งแต่ภพชาตินั้นเรื่อยมา ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมีในช่วงสุดท้าย ซึ่งก็คือช่วง 16-อสงไขยกับเศษอีกแสนมหากัป
拉达纳在接受佛陀授记之后,拉达纳长老或者说是菩萨产生了无量的法喜,因为佛陀之言即是能够证悟成佛的标志。从那一天起,拉达纳长老愈发精进修行十波罗蜜,一生都在以生命作赌注的方式修行。当弥勒菩萨机缘来到,能够下凡修行波罗蜜的时候,他也会矢志不渝地修行十波罗蜜,在这16阿僧祗劫又十万大劫的时间里,他一直都是以生命作为赌注的方式精进修行。
ส่วนพระชาติล่าสุดที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงได้รับพุทธพยากรณ์ ก็เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง นั่นก็คือ พระชาติที่พระองค์ทรงเกิดเป็น พระอชิตภิกษุ ในยุคสมัยของพระสมณโคดมสัมมา สัมพุทธเจ้าของพวกเราทุกคนนั่นเอง และถ้าให้นับเวลาถอยหลังนับจากวันนี้ ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งอสงไขยปีเศษที่พระบรมโพธิสัตว์พระองค์นี้ จักได้มาบังเกิดเป็นพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้
距离弥勒菩萨接受佛陀授记的最近一世刚过去不久,那一世时他就是我们现在的释迦牟尼佛时代的慈氏比丘,如果进行倒计时,那么只剩下一个阿僧祗劫,弥勒菩萨就能证悟成为贤劫的最后一尊佛陀——弥勒佛。
ดังนั้น ใครก็ตามที่อยากจะเกิดมาพบกับพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า และอยากเกิดมาร่วมยุคสมัยเดียวกันกับพระพุทธองค์ บุคคลผู้นั้นก็ต้องสั่งสมบุญทุกๆ บุญทั้งทาน ศีล ภาวนา อย่างเต็มที่เต็มกำลังและทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เฉกเช่นเดียวกันกับพระบรมโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเมื่อไหร่ที่บุญของเราเต็มเปี่ยมและมีกำลังเพียงพอ ที่จะลงมาเกิดในยุคสมัยที่โลกมีแต่สิ่งอัศจรรย์และบุคคลอัศจรรย์ เมื่อนั้นความปรารถนาที่เราจะได้มาเจอกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้าย ของภัทรกัปนี้ ซึ่งก็คือ พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะเป็นจริงได้
所以,如果谁想要遇见弥勒佛,想跟佛陀同处一个时代,他就要如同发心证悟成佛的菩萨,尽最大地努力,以生命作为赌注去积累布施,持戒,静坐等各种功德。在我们功德圆满,投生到只有不可思议的人和物的时代之日,就是我们遇见贤劫最后一尊佛陀之愿达成之时。