รัตนสูตรปราบภัย ณ เมืองไพศาลี อาณาจักรวัชชี
佛陀平息毗舍离城的灾祸
ในสมัยพุทธกาล เมืองไพศาลี หรือเวสาลี นครหลวงแห่งอาณาจักรวัชชี มีการปกครองระบอบสามัคคีธรรม (คล้ายกับลักษณะสาธารณรัฐในปัจจุบัน) เป็นเมืองที่มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ มีประชาชนอยู่หนาแน่น
佛陀时代,在跋阇国的毗舍离城,具有類似於现代共和制度的政治统治方式,是一个富饶繁荣的城邦,人口眾多而密集。
ต่อมาเมืองไพศาลีเกิดภัย๓ประการคือ ๑.ข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าแห่งเหี่ยวตาย เกิดทุพภิกขภัยใหญ่ ๒.มีโรคระบาดพวกคนยากคนจนอดอยากล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ซากศพถูกนำไปทิ้งไว้นอกเมืองก็ส่งกลิ่นเหม็นตลบไป ๓.พวกอมนุษย์ก็พากันเข้าเมืองคนยิ่งล้มตายกันมากขึ้น เกิดอหิวาตกโรคตามมา เป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
可惜好景不常,毗舍离后来发生了三大灾祸:
1.季节性的降雨不准时,导致稻谷枯死,粮食稀缺,物价飙升,引发了大规模的饥荒。
2.流行病席卷,许多穷人首当其冲,贫病交加,饱受饥饿及病痛而死。大量的尸体被扔到城外,导致臭气熏天,并吸引来许多非人。
3.非人开始趁机肆虐,进城扰民,导致死亡率急剧上升,并引发了更严重的瘟疫,堪称前所未有的大灾难。
กษัตริย์ลิจฉวีซึ่งมีจำนวนถึง ๗,๗๐๗ องค์ จึงให้ประชาชนประชุมพร้อมกันในสัณฐาคาร (ห้องประชุมใหญ่) เพื่อร่วมกันพิจารณาสอดส่องความประพฤติของบรรดากษัตริย์ทั้งหลายว่า ได้ทำผิดศีล หรือมีพฤติกรรมอันใดที่ไม่ดี จึงทำให้เกิดภัยต่าง ๆ ดังกล่าว
当时,毗舍离城共有七千七百零七位王族。所有的民众们在大会议厅结集商议,审查各位王族的行为是否有造业或犯戒,从而成为这些灾祸的导因。
เมื่อไม่เห็นว่ากษัตริย์ทั้งหลายทำความผิดมีโทษอันใด จึงหาทางระงับภัย ๓ ประการนั้น โดยเห็นร่วมกันว่าควรกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ที่พระนครราชคฤห์ จึงได้ส่งเจ้าลิจฉวี ๒ องค์ เป็นฑูตนำเครื่องราชบรรณาการไปถวายพระเจ้าพิมพิสาร ณ พระนครราชคฤห์
然而,民众并没有发现哪位王族犯了戒或造恶,于是找寻其他的方法来解决这三大危机。集会中,大家一致同意,向佛陀求助。
是时,佛陀正安住于王舍城。毗舍离城于是派了两位王族代表,携带供品前去王舍城,拜见佛陀以及王舍城的频毗沙罗王。
เจ้าลิจฉวีทั้งสองจึงได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว จึงทูลขอเวลาตกแต่งหนทางตั้งแต่เมื่องราชคฤห์ ไปจนถึงฝั่งแม่น้ำคงคาเป็นระยะทางประมาณ ๘๐ กิโลเมตร และโปรดให้สร้างวิหารไว้สำหรับพักตามระยะทางอีก ๕ หลัง
佛陀答应了两位使者的恭请。王舍城的频毗沙罗王于是请求一段时间,用以整修方便佛陀行进的道路,从王舍城开始直到恒河河岸边,大约八十公里的路程,途中并兴建有五所寺院,提供给佛陀休息使用。
พระเจ้าพิมพิสารโปรดให้กั้นเศวตฉัตร (ร่มขาว) ถวายพระพุทธเจ้า ๒ คันและกั้นถวายภิกษุสงฆ์ที่ติดตามอีก ๕๐๐ รูป รูปละ ๑ คัน พระองค์ได้ตามเสด็จไปพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ทรงถวายเครื่องสักการบูชา ของหอมและทรงบำเพ็ญกุศลถวายทานตลอดทางไปจนถึงฝั่งขวาของแม่น้ำคงคา และทรงส่งข่าวสารไปยังเมืองไพศาลีให้ทราบว่า บัดนี้พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงฝั่งแม่น้ำคงคาแล้ว พระเจ้าพิมพิสารทรงพระดำเนินลงไปในน้ำลึกจนถึงพระศอ (คอ) เพื่อส่งพระบรมศาสดาข้ามฝั่งแม่น้ำคงคา
除此之外,频毗沙罗王还特别为佛陀准备了两支白色大伞盖,也为随行的五百位比丘准备了一人一支白色伞盖。同时,频毗沙罗王也跟随着僧团的队伍一起出发,一路上供养精致美食、花、香等给僧团,直到队伍抵达恒河。频毗沙罗王派人将佛陀已抵达恒河岸边的消息传达给毗舍离王族,然后,为了表达自己对佛陀最崇高的敬意,频毗沙罗王步入水中,直到河水淹盖至他的颈部,以此恭送佛陀。
ทางเมืองไพศาลี ซึ่งตั้งอยู่ห่างฝั่งซ้ายของแม่น้ำคงคาขึ้นไปทางเหนือประมาณ ๔๐ กิโลเมตร เมื่อทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว ก็เตรียมปราบทางให้ราบเรียบตั้งแต่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำคงคาไปจนถึงเมืองไพศาลี และสร้างวิหารประจำไว้จำนวน ๓ หลัง เตรียมทำการบูชาเป็น ๒ เท่าของพระเจ้าพิมพิสารที่ทรงทำมาแล้ว เรือขนานนำพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป มาในแม่น้ำคงคาเป็นระยะทาง ๑๖ กิโลเมตร ก็ถึงเขตเมืองไพศาลี บรรดากษัตริย์ลิจฉวีก็พากันลุยนำลงรับเสด็จพระพุทธเจ้าในแม่น้ำคงคาถึกถึงพระศอเช่นกัน
毗舍离城位于恒河左岸約莫40公里處,早在获知佛陀接受恭请時,城民便開始著手修建通畅的马路,从恒河左岸一路延伸到毗舍离城。途中並修建有三所寺院,以供佛陀休息使用。另外,他們还准备了相較於频毗沙罗王所供養之供品的兩倍份量,來進行供養,也安排有船隻前來迎接佛陀和五百位比丘,直達鄰近毗舍离城的岸邊,航程大約有16公里。在河岸邊的毗舍离王族們,同樣為了表達對佛陀最崇高的敬意,紛紛步入水中,直到河水淹蓋至頸部,以此迎接佛陀的到來。
ครั้นเรือขนาบเทียบถึงฝั่ง พอพระพุทธเจ้าทรงยกพระบาทแรกย่างเหยียบฝั่งแม่น้ำคงคา กลุ่มเมฆมหึมาซึ่งแผ่กระจายตั้งเค้ามืดมิดก็บันดาลให้ฝตตกลงมาห่าใหญ่ น้ำฝนไหลนองท่วมพื้นดินระดับน้ำสูงถึงเข่าบ้างถึงสะเอวบ้าง ถึงคอบ้าง พัดพาเอาซากศพลอยลงแม่น้ำคงคาไปหมด ทำให้ภาคพื้นดินบริสุทธิ์สะอาดโดยทั่วไป
就在船只行驶靠近岸边时,天空变得昏暗起来,乌云密布,闪着雷电,四方开始下起倾盆大雨,而当佛陀举起一只脚,踏上恒河岸边时,天空随即下起“莲花雨”(只有想被淋湿的人才会被淋湿)。
大雨滂沱,水位不断上涨,淹至膝盖、腰部、甚至颈部。洪水将所有的浮尸冲入恒河,彻底的洗净大地,使得整个地区变得清净干净。
พระพุทธเจ้าเสด็จถึงประตูเมืองไพศาลีในเวลาเย็น ได้ตรัสให้พระอานนท์เรียน “รัตนสูตร” เพื่อเดินจาริกทำพระปริตไปในระหว่างกำแพง ๓ ชั้น ในเมืองไพศาลีกับบรรดากุมารลิจฉวีแล้วตรัส “รัตนสูตร” ขึ้นในกาลครั้งนั้น ที่เรียกพระสูตรนี่ว่า “รัตนะ” เพราะหมายถึง พระรัตนตรัย คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ
由于佛陀的到来,帝释天王以及其他具有威德力的诸天人们也都一并跟随前来,齐聚在毗舍离城,使得多数的非人流窜逃亡。傍晚时分,佛陀抵达毗舍离城门口,指示阿难尊者学取《宝经》。而后,让阿难尊者领着王族们走绕全城,进行撒圣水仪式,同时诵念《宝经》,作为护卫,并指示阿难尊者在场开示《宝经》。所谓的“宝”,意即佛宝、法宝和僧宝。
เมื่อพระอานนท์เรียนรัตนสูตรจากพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เอาบาตรของพระพุทธเจ้าใส่น้ำถือไปยืนที่ประตูเมือง พลางรำลึกถึงพระพุทธคุณตั่งแต่ทรงตั้งความปราถนาที่จะได้บรรลุพระโพธิญาณ จนถึงทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรและโลกุตรธรรม ๙ (คือมรรค ๔ ผล ๔ และนิพพาน ๑ ) แล้วเข้าไปภายในพระนคร เดินสวดมนต์และสาดน้ำมนต์ไปในระหว่างกำแพงเมือง ๓ ชั้น ทำให้พวกอมนุษย์ที่ยังหลวงเหลืออยู่บ้างพากันหนีออกจากเมืองไปหมด พวกชาวเมืองจึงออกจากบ้านของตนถือดอกไม้และของหอม พากันตามบูชาพระอานนท์แห่ล้อมท่านมา พระอานนท์เดินสวดมนต์ไปทั้งคืน
如次这般,自从佛陀抵达毗舍离城,便让阿难尊者领着佛陀的钵,从城市的入口处开始,绕着所有的城墙及房屋,日夜挥洒装在钵中的圣水,边洒边诵念《宝经》,边诵念《宝经》,边忆念佛陀自开始立愿要修波罗蜜成佛,直到佛陀初转法轮经,教授九世间法(四向、四果及涅槃)时。当阿难尊者的圣水逐步洒至全城,躲藏在各处的非人争相逃遁,而就在非人们相继离去之时,当地百姓们的疾病也立即转好痊愈,于是,众人纷纷走出家门,捧着鲜花和香水,前来供养阿难尊者。
พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่เมืองไพศาลี และตรัสเทศนารัตนสูตรทุกวันรวม ๗ วัน เมื่อทรงเห็นว่าภัยทุกอย่าง สงบเรียบร้อยแล้วจึงตรัสลากษัตริย์ลิจฉวีและชาววัชชีทั้งหลายเสด็จกลับราชคฤห์ ครั้งนี้มีประชาชนมาบูชาสักการะถวายแก่พระองค์เป็นการยิ่งใหญ่เพื่อส่งพระพุทธองค์ข้ามแม่น้ำคงคา
随后,毗舍离城的百姓们在城市中央的集会堂,特地安置佛座,以香、花等等装饰使之庄严无比,并邀请佛陀入座,比丘僧团、帝释天王、诸天众,以及毗舍离城的王族、百姓们亦纷纷前来就座,谛听佛陀开示《宝经》。佛陀连续七天开示《宝经》,令全城消除怖畏,解除危机,升起平安,一切灾难终告平息。半个月后,佛陀告别毗舍离城,准备启程回王舍城。王族与百姓们相偕前来,进行盛大的供养,并举行隆重的仪式恭送佛陀以及僧团。
这便是佛陀开示《宝经》的因缘。饥荒、瘟疫等灾难看似是大环境使然,不过,其实我们的心也会影响整体环境。佛陀及古代诸圣僧等能够平息灾难,主要是透过累世广修善法,累积善缘善业,心纯净有力,从而产生真实语的力量。因此,若我们能效法先贤,遵循三宝的教诲积极行善,布施、持戒、静坐,便也将能逐步累积善业,从根本上消灾消难。