การตรวจดูดวงบุญ
查看功德球
เวลาหมอดูจะดูดวง เขาจะถามวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากก่อน แล้วก็เอามาคำนวณ ผูกดวงแล้วก็ทำนายเจ้าชะตาซึ่งหมอบางคนก็ทายแม่นบ้าง ไม่แม่นบ้าง ทายตามเรื่องตามราวกันไป ซึ่งเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับ คุณหญิงล้อมและนายห้างสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้งห้างขายยาโอสถสภา (เต็กเฮงหยู)
算命的时候,算命先生一般会问生辰八字,然后结合术数测算命运的吉凶福祸,时而准确时而不准确。德恒裕药厂的创始人沙越·奥沙塔努柯先生和夫人就曾为此事烦恼。
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ หลวงปู่วัดปากน้ำ!
测算姻缘
เรื่องมีอยู่ว่า แต่เดิมทั้งคู่รักกันมาก ก่อนแต่งงานก็ไป“ดูดวง” ซึ่งไปดูมากี่หมอๆ เขาก็บอกว่า แต่งกันไม่ได้เด็ดขาด อยู่ด้วยกันแล้วจะล่มจม จึงทำให้ทั้งคู่เกิดความไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงพากันมากราบถามหลวงปู่วัดปากน้ำ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ตรวจดูให้
事情的起因是这两个人非常相爱,结婚前曾去算命,可算命先生却告诉他们说命理不合不宜结婚,否则成家后也会破产。为此两人非常不安又不知该如何是好,最后来拜见祖师,祖师答应为他们查看。
ดูดวงด้วยธรรมกาย
法身查看
แต่วิธีการดูของหลวงปู่ต่างกับการดูดวงของหมอดูอย่างสิ้นเชิง คือ ท่านไม่ต้องถามวันเดือนปีเกิด ไม่ต้องถามเวลาตกฟากอะไรให้ยุ่งยาก เพราะท่านเข้าธรรมกายไปตรวจดูดวงบุญ ดวงสมบัติในตัวได้
祖师的做法与算命先生完全不同,不问生辰八字,而是透过法身查看他们内在的功德球和财富球。
พอดูเสร็จ ท่านก็บอกว่า…ทั้งคู่นี่แต่งงานกันแล้วดี จะเป็นมหาเศรษฐีตระกลูหนึ่งของเมืองไทยเลยทีเดียว เพราะดวงบุญโตกว่าคืบหนึ่ง และท่านยังบอกอีกว่า ถ้ารวยแล้วให้มาอุปถัมภ์วัดปากน้ำ
祖师查看后说两个人适合结婚成家,且未来将成为泰国富甲一方的大富豪,因为体内的功德球超过半泰尺(约25厘米)。此外,祖师还告诉他们如果日后富贵了记得来护持北榄寺。
และสุดท้าย…ก็เป็นจริงอย่างที่หลวงปู่บอกไว้ทุกประการ เพราะจากเดิมคุณหญิงล้อมและนายห้างสวัสดิ์ก็ไม่ได้รวยอะไร มีเพียงร้านขายยาเล็ก ๆ แถวสำเพ็ง แต่ต่อมาได้ไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัดปากน้ำเรื่อย ๆ พอมาทีไร หลวงปู่ท่านจะพูดว่า “ทำบุญถูกทักขิไณยบุคคล..ยิ่งให้จะยิ่งรวย” และหลวงปู่ท่านก็จะให้พรของท่านไปเรื่อยๆ ทำให้กิจการขายยาขายดิบขายดีมาก จนต้องย้ายกิจการมาที่ ถ.เจริญกรุง และเปลี่ยนชื่อจากร้านขายยาเล็กๆ เป็นโอสถสถานเต็กเฮงหยู จากนั้นกิจการก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท โอสถสภา จำกัด และรวยติดอันดับของประเทศจริงๆ …
后来,一切皆如祖师所言。起初夫妻二人并不富裕,在曼谷盛彭区开一间小药店,但一直坚持去北榄寺供养斋僧。祖师常对他们说:“如法供养受施者,供养越多越富有。”然后慈悲给予祝福语。后来,他们药店的生意越来越红火,随后迁至曼谷石龙军路,药店更名为德恒裕药行,生意一直兴隆至今,如今名为德恒裕药厂有限公司。最后,他们果真成为泰国名副其实的大富豪。
แก้โรคภัยไข้เจ็บ
消除疾病
เรื่องอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่..ใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Beyond Expectation คือ เหนือความคาดหมายด้วยกันทั้งนั้น ขนาดในสมัยที่ท่านกำลังค้นคว้าวิชชาธรรมกายอยู่ ซึ่งช่วงนั้นยังไม่ได้ประชุมธรรมกาย(ซึ่งก็หมายถึงทีมงานทำวิชชาของท่ายังไม่มีครบ เพราะยังมาไม่มาก จึงยังไม่ได้รวมผู้ที่เข้าถึงพระธรรมกายให้มาทำวิชชาพร้อมกัน) แต่ท่านก็มีวิชาหนึ่ง..ที่ทำให้วงการแพทย์ต้องตกตะลึงหรืองงไปตามๆ กัน
许多人对祖师的威德力和神奇感到不可思议,完全出乎常人意料。祖师在钻研法身法门期间,尚未组建深修团队(因为当时证入法身的人不多,组建深修团队的时机尚未成熟。)却有令医学界都叹为观止的本领。
แท้งลูก ใกล้ตาย ช่วยได้ หายอัศจรรย์
摆脱致命流产
เพราะมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง นั่งเรือจ้างโดยให้เขาแจวมาส่งที่ท่าน้ำวัดปากน้ำ พอมาถึง..ผู้เป็นสามีก็กระหืดกระหอบรีบเข้ามากราบหลวงปู่ที่ศาลาสอนธรรมะทันที ด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจว่า “หลวงพ่อครับ..ภรรยาผมแท้งลูก ตอนนี้ลูกตายอยู่ในท้อง นอนรออยู่ที่เรือ..ทรมานมากเลยครับ.!!!”
有一对夫妻雇船来北榄寺,刚到码头丈夫就急冲冲到法堂跪拜祖师,心急如焚地说:“祖师,我妻子流产了,胎死腹中,现在躺在船里十分痛苦。”
พอหลวงปู่ฟังเสร็จ ท่านก็นิ่งๆ แล้วพูดว่า “เออ..เอาลูกออก..เอาแม่ไว้ก็แล้วกัน” จากนั้นหลวงปู่ก็เอาด้ายสายสิญจน์ที่ม้วนเป็นกลมๆ เล็กๆ แล้วสั่งผู้เป็นสามีว่า “เออ..เอาไปให้เมียของเอ็งกินพร้อมกับยื่นด้ายสายสิญจน์ที่ม้วนแล้วให้ที่มือ
祖师听完,静默一下后说:“嗯,那就取出孩子,保住母亲吧!”随后,祖师拿出一小捆卷好的祈福线,一边对男子说:“拿去给你妻子吃。”一边递到对方手中。
จากนั้นชายหนุ่มผู้เป็นสามีก็เลยถามหลวงปู่เพื่อให้แน่ใจว่า “ให้กลืนด้ายสายสิญจน์นี่เลยหรือครับ..??” หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า “ใช่…” ผู้เป็นสามีก็ไม่รอช้า รีบเดินไปที่เรือจ้าง แล้วเอาสายสิญจน์ที่หลวงปู่ให้มา ใส่ปากภรรยาที่นอนอยู่ในเรือ และให้ดื่มน้ำกลืนลงไป น่าอัศจรรย์!!สักพักเดียวเท่านั้น..!!! ด้านสายสิญจน์ก็ไปคล้องเด็กที่ตายอยู่ในท้องออกมาทันที จนทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกตะลึงแบบสุดๆ เพราะเด็กสามารถออกมาได้โดยไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องผ่าตัดอะไรสักอย่าง จนสุดท้ายแม่เด็กก็ปลอดภัย รอดชีวิตจากการตายทั้งกลมอย่างอัศจรรย์
年轻男子心里依然忐忑不安,再次问祖师:“要吞下这个祈福线吗?”祖师说:“是的。”随后,年轻男子赶忙回到船里,将祖师赠与的祈福线给妻子服用。神奇的是不一会儿祈福线套着腹中的胎儿流了出来,现场见到这一幕的人都无比震惊,因为无需经过打针或手术就能顺利取出胎儿。最后,那位女子安然无恙,神奇的从死亡边缘活了过来。
หมอเทวดา รักษาโรค
神医治病
ต่อมา..ภายหลังจากที่หลวงปู่ท่านประชุมธรรมกายแล้ว ท่านก็ทำวิชชาปราบมาร พร้อมกับช่วยแก้ทุกข์ภัยมนุษย์ไปด้วย และหนึ่งในการแก้ทุกข์ภัยมนุษย์ ก็คือ การทำวิชชาธรรมกายแก้โรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านนี้มาก จนมีคนมากมายร่ำลือกันว่า..ท่านเป็นยิ่งกว่าหมอเทวดา !!! เพราะโรคที่ใคร ๆ รักษาไม่หาย แถมเป็นโรคที่ร้ายรงมากในสมัยนั้น แต่หลวงปู่ท่านกลับสามารถใช้วิชชาธรรมกายรักษาหายได้หมด
后来,祖师组建深修团队,一边深修降魔法门,一边为世人排忧解难,其中一方面就是透过法身法门治病救人。当时,祖师在这方面闻名于世,许多人都称赞他赛过神医。因为有些疾病在那个时代很难治愈,但经过祖师地治疗一般都可以痊愈。
เพราะการทำวิชชาแก้โรคภัยไข้เจ็บของหลวงปู่ ท่านจะเข้าที่สาวไปถึงต้นเหตุของการเกิดโรค สาวไปถึงผู้ส่งโรคภัยไข้เจ็บมาบังคับมนุษย์ ซึ่งถ้าเขาบังคับได้ถึงจุดที่ทำให้เกิดโรค..มนุษย์ก็จะป่วยเป็นโรคนั้น โรคนี้.. และเมื่อท่านสาวไปถึงเหตุ ท่านก็จะไปดับที่เหตุ และพอเหตุดับ ผลก็จะดับไปด้วย แล้วมนุษย์ก็จะหายจากโรคนั้น
因为祖师透过法身法门治病时,不仅对病根寻根究底,还要找出导致人患病的始作俑者,若被对方控制了病根,那么人就会身患各种疾病。当祖师探明病根后就设法消灭它,病根若熄灭,结果即熄灭,身体才会痊愈。
“สัมมา อะระหัง” รักษาโรค
念“三玛阿罗汉”治病
หรือกรณีที่ผู้ป่วยกรรมหนักมากจริงๆ คือ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย โรคก็จะทุเลาลงอย่าเหลือเชื่อ หรือแม้แต่บางคนที่หมดอายุขัยลงแล้ว หลวงปู่ก็จะเอาบุญไปต่ออายุให้ (ในกรณีที่ร่างกายยังพอใช้การได้) ซึ่งการรักษาโรคของหลวงปู่นั้น ท่านจะให้เขียนชื่อและอาการของโรคลงในกระดาษรายงาน จากนั้นก็รวบรวมส่งเข้าโรงงานทำวิชชา โดยที่หลวงปู่ท่านจะกลั่นแก้คุมบุญ โดยสั่งให้พระและแม่ชีทำวิชชาช่วยกันแก้โรคให้ ซึ่งการแก้โรคของหลวงปู่นั้นท่านจะให้คนป่วยนั่งสมาธิ(Meditation)ให้ท่อง “สัมมา อะระหัง” ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังไปพร้อมๆ กันด้วย เพราะถ้าคนป่วยยอมนั่งสมาธิ ก็จะทำให้การแก้โรคของท่านสำเร็จง่ายและเร็วขึ้นเปรียบเสมือนกับการเป็นแผลบาดเจ็บที่ขา หากคนไข้นั่งแกว่งขาไปมาอยู่ตลอดเวลาหมอก็จะทำแผลได้ลำบาก ตรงกันข้าม..หากคนไข้ทำขาให้อยู่นิ่งๆ หมอก็จะทำแผลได้สะดวกเร็วขึ้น ซึ่งการทำอย่างนี้ ก็จะทำให้ท้ายที่สุด..โรคที่เป็นอยู่ก็จะหายเป็นอัศจรรย์ แถมคนป่วยหลายคนยังเข้าถึงธรรมะอีกด้วย…
有的病人身患重疾,难以医治痊愈,病情越来越严重,甚至危及生命,祖师便慈悲以功德为其续命(身体状况尚且良好的人)。在治病前,祖师一般让病人将名字和病症写在纸上,收集起来送进深修工厂。随后,祖师会指派深修法门的深修者帮忙治病,同时让患者专心跟随打坐和诵念“三玛阿罗汉”。若患者愿意配合打坐,将更容易和快速地治病,就像腿部受伤的人,如果一直摇摆双腿,医生很难包扎。相反,如果病人安静地坐,医生可以快速地包扎伤口。最终,病人不仅痊愈,有的病人还参悟佛法了。
วัณโรค โรคเรื้อน หายขาดได้
治愈结核病和麻风病
ในช่วงที่หลวงปู่ท่านทำวิชชาแก้โรคนั้น ท่านก็ได้ทดลองนำคนป่วยหนัก 2 คน คือ คนหนึ่งเป็นวัณโรค อีกคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อน..ซึ่งในสมัยนั้น ทั้ง 2 โรคนี้ เป็นโรคร้ายแรงที่สังคมรังเกียจมาก แถมไม่มีทางรักษาหาย แต่สุดท้ายหลวงปู่ก็ใช้วิชชาธรรมกายรักษาจนหายขาดเป็นอัศจรรย์
祖师在救死扶伤期间,曾遇到两个身患重症的病人。一个身患结核病,另一个身患麻风病,在那个年代,这两种病都属于被社会鄙视的严重疾病,且无法治愈。可是最后祖师还是透过法身法门神奇地治愈了这两种疾病。
และนับตั้งแต่นั้น..กิตติศัพท์เรื่องการรักษาโรคของหลวงปู่ก็เลื่องลือขจรขจายขยายไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนทำให้มีคนสนใจเข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดปากน้ำเป็นจำนวนมาก อย่างเช่นกรณี คุณชัช วนิกเกียรติ เป็นโรคเรื้อนที่ไปรักษามากี่หมอๆ ก็ไม่หาย จนคิดจะเปลี่ยนใจไปนับถือศาสนาอื่น เพราะมีคนบอกว่าถ้าเปลี่ยนไปนับถือศาสนานั้นแล้วจะหาย แต่ก็โชคดี ที่ช่วงนั้นคุณชัชเดินทางไปหาหลวงปู่ก่อน ซึ่งพอหลวงปู่เห็นก็บอกว่า “ไม่ต้องไปทำอะไรหรอก แค่โรคเรื้อน.. “สัมมา อะระหัง” เดี๋ยวก็หาย…” และสุดท้ายก็หายจริงๆ เพราะหลวงปู่ท่านทำวิชชาแก้โรคให้ พร้อมกับการที่คุณชัชได้หันมานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมไปพร้อมกันด้วย…
自从那之后,祖师的医术广为流传,声名远扬。后来,前往北榄寺修行的人络绎不绝。此外,另一个案例中名为查.瓦尼格的男子身患麻风病,拜访诸多名医皆束手无策,于是想放弃原先的信仰,转而信仰其他宗教。因为有人告诉他信仰某个宗教,病自然会好起来。幸运的是他当时先选择来拜见祖师,见面后祖师说:“什么都不用做,麻风病而已,默念三玛阿罗汉很快会痊愈。”最终果真如祖师所言,因为祖师透过法身法门帮其治病,加上他也有修行打坐。
โรคบ้า กับวิชชาธรรมกาย
癫狂病和法身法门
..เรื่องราวการทำวิชชาแก้โรคภัยไข้เจ็บของหลวงปู่มีอย่างมากมาย ซึ่งบางโรค..ดูๆ แล้ว ก็ไม่น่าจะรักษากันง่ายๆ เช่น โรคบ้า แต่หลวงปู่ท่านก็รักษาหาย อย่างเช่น เคสของ ป้าเทียบ.. จะมีอาการบ้าเฉพาะหน้าหนาว บ้าแบบชนิดคลุ้มคลั่งจนต้องเอาโซ่ล่ามไว้เลยทีเดียวหนำซ้ำไปรักษากี่หมอๆ ก็ไม่หาย จนผลสุดท้ายต้องมาขอพึ่งบารมีหลวงปู่ซึ่งหลวงปู่ท่านก็บอกว่า “เอ็งน่ะ..ไม่ต้องไปรักษาที่ไหนหรอก เดี๋ยวหมดกรรม มันหายเองแหละ…”
祖师用法身法门救死扶伤的案例很多,有的病治疗起来并不容易,但祖师总能妙手回春。其中一个案例,有位中年妇女患上癫狂病,且只在凉季时发病。发病时疯疯癫癫,需用绳子绑住,看过很多医生都无法治愈。最后,她只能来求祖师的功德加持。祖师对她说:“你无需去别处治疗,待业障消完病自然会好。”
จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ให้กินยาลมของวัดปากน้ำ ชื่อว่ายาลมบาดทะจิต และก็ให้นั่งสมาธิ “สัมมา อะระหัง” ในช่วงที่ไม่ออกอาการบ้า และสุดท้าย..ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คือ ต่อมาอีกประมาณ 4-5 ปี อยู่ๆ อาการบ้าก็หายเป็นปลิดทิ้งไปเฉยๆ เป็นอัศจรรย์…
之后,祖师给她服用北榄寺的祛风药,名为祛惊风药。此外,让她在不发病时打坐和默念三玛阿罗汉。后来四、五年后,她的病奇迹般地康复了。
โรคบ้า หายเป็นปลิดทิ้ง
治愈癫狂病
หรืออีกครั้งที่ ลุงสังวาล เทียนทองคำ ซึ่งเป็นน้องชายของสามเณรมงคล ที่เชี่ยวชาญในวิชชาธรรมกายมากในสมัยนั้น ได้เล่าให้ฟังว่า.. “มีคนป่วยเดินทางมารักษากับหลวงปู่มาก และทางวัดก็ได้จัดเตรียมที่พักไว้ให้ด้วย ซึ่งการรักษาโรคของหลวงปู่ ก็ไม่ต้องใช้ยาอะไรให้ยุ่งยาก แต่ก็รักษาหาย แม้แต่มะเร็งหรือวัณโรค ท่านก็รักษาหายหมด หรืออย่างบางคนที่เป็นบ้า..คลุ้มคลั่งมาเลย ถึงขั้นที่ญาติที่พามาต้องเอาโซ่ล่ามไว้ก่อนเพราะกลัวจะหนีไปที่อื่น แต่พอมาเจอหลวงปู่เท่านั้น..อาการที่บ้าๆ กำลังเป็นอยู่.. ก็สงบลงอย่างประหลาด และสุดท้ายหลวงปู่ท่านก็ทำวิชชาแก้โรคให้หายได้อย่างอัศจรรย์…”
有一次,一位精通法身法门的 沙弥的弟弟年老时曾叙述说:“有许多病人来找祖师治病时,寺院还提供住宿。祖师在治疗中极少使用药物,却可以治愈疾病。就算是癌症或肺结核,祖师也可以医治痊愈。又或者是癫狂病,病人疯疯癫癫,带她来的亲戚需用绳子绑着,因为害怕其乱跑。但来到祖师面前,她疯癫的症状却突然消失了。最终,祖师透过法身法门神奇地治愈了癫狂病。”
โรคบิด
痢疾
คนป่วยที่มาหาหลวงปู่ในสมัยนั้น มีตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงระดับไฮโซ อย่างเช่น คุณหญิงลมุน บุรกรรมโกวิท ภรรยา พ.อ.หลวงบุรกรรมโกวิท อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการ และคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม ท่านก็มาก็เกิดจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า เข้าวัดปฏิบัติธรรมและกลายเป็นอุปัฎฐากใหญ่ของวัดปากน้ำไปในที่สุด
求助祖师治病的人既有平民百姓也有达官贵人,例如:在贝·銮披汶颂堪元帅当政时期的前规划局总干事、内务部长隆·布罗格威的夫人罗姆·布罗格威女士因信仰祖师而进寺院修行,最终成为北榄寺的大护法。
หรืออย่างลูกศิษย์หลวงปู่อีกท่านหนึ่ง คือ พลตรีโสภณ กะราลัย ในช่วงที่ท่านมีลูกคนแรกอายุได้ประมาณ 8 เดือน อยู่ๆ หลวงปู่ก็ให้คนไปบอกที่บ้านพักในกรมทหารว่า “ให้ระวัง..ลูกจะเจ็บหนัก”
祖师还有一个弟子叫索般·葛拉雷少将,在他第一个孩子出生约八个月时,祖师突然派人去军营转告他说:“要小心,你的孩子将身患重病。”
ซึ่งพ่อคุณประทุม..ภรรยาของพลตรีโสภณฟังแล้วก็นึกสงสัยว่า.. “ลูกจะเจ็บป่วยได้อย่างไร ในเมื่อขนาดนั้นลูกยังแข็งแรงดีไม่มีทีว่าจะเจ็บป่วย” แต่เมื่อทราบจากหลวงปู่เช่นนั้น ก็พยายามระมัดระวังดูแลลูกอย่างที่ดีที่สุด แต่ต่อมาอีก 2-3 วัน จู่ๆ.. ลูกเจ็บป่วยเป็นโรคบิดขั้นรุนแรง จนหมอไม่รับรองว่าจะรอดชีวิต
他的父亲及妻子听完半信半疑地说:“孩子如此健康,怎会生病呢?”但从祖师那得知消息后,他们还是尽量小心照顾孩子。可两三天后,孩子果真得了严重的痢疾,医生也不敢保证能救回来。
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พลตรีโสภณเกิดอาการร้อนรนรีบมาถวายใบแจ้งอาการป่วยของลูกแด่หลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็บอกว่า “มันจะเอาไป เราต้องต่อสู้กันหน่อย จะแก้ไขให้” จากนั้นหลวงปู่ก็สั่งพระและแม่ชีทำวิชชาแก้โรคให้ และสุดท้าย..ลูกของพลตรีโสภณก็รอดชีวิต หายเป็นปกติอย่างเหลือเชื่อ
后来,索般·葛拉雷少将急忙将孩子的病症单呈交给祖师。祖师说:“他要带走,我们就与之战斗,一定会解决的。”随后,祖师吩咐深修者透过法身法门化解了疾病。最终孩子转危为安,身体也康复了。
คลอดลูก คลอดบุตรยาก
分娩难产
และอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงที่คุณประทุมตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 ก็มีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง กินข้าวไม่ได้เลยถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลนานเกือบเดือน แต่ก็ไม่ดีขึ้น จนหมอมาบอกว่า “เคสนี้..ต้องเอาเด็กออก ไม่งั้น..แม่จะตาย”
有一次,一位名叫巴拉图的女施主在怀二胎时,妊娠反应强烈而无法进食,住院近一个月也不见好转,医生建议取出胎儿,否则将危及母亲的生命。
จากนั้นหมอก็ยื่นเอกสารมาให้พลตรีโสภณเซ็นยินยอมเพื่อให้รีบเอาเด็กออก เพราะหากช้ากว่านี้ แม่เด็กจะเสียชีวิต แต่พลตรีโสภณก็ไม่ยอมจึงร้อนรนรีบมากราบหลวงปู่ว่า “ผม..ไม่อยากฆ่าลูกก็เหมือนฆ่าแม่” ซึ่งหลวงปู่ก็ตอบกลับว่า “เออ..ไม่ต้องฆ่าใครหรอก.. จะเอาไว้ทั้ง 2 คนนั่นแหละ..!!!” จากนั้นหลวงปู่ก็ใช้วิชชาธรรมกายช่วยชีวิต ซึ่งปรากฏว่าอยู่ๆ คุณประทุมก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างประหลาด จนหมอตัดสินใจไม่ทำแท้งและสุดท้าย..ก็รอดปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก อย่างที่หลวงปู่บอกจริง ๆ…
后来,医生将文件交给其丈夫签字同意,以便尽快取出胎儿,如果晚一点妻子会有生命危险。但丈夫一直不同意,急忙来拜访祖师,心急如焚地说:“我不想杀害孩子和妻子。”祖师说:“没必要杀人,两个都保得住。”随后,祖师透过法身法门施救,那位女施主的情况也逐渐好转,医生也决定不用堕胎。最后,如祖师所言孩子和母亲都保住了。
นอกจากเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว คนที่มีปัญหาเรื่องการคลอดลูกยาก ก็จะมากราบขอบารมีหลวงปู่ ซึ่งเขาก็จะเอากล้วยน้ำว้าไปถวายให้หลวงปู่ท่านซ้อนวิชชาธรรมกายให้ เมื่อหลวงปู่รับไปแล้วท่านก็เอาไปไว้ในมือท่าน จากนั้นท่านก็หลับตานิ่งๆ ครู่เดียว แล้วก็ส่งกล้วยน้ำว้าคืน เพื่อเอาไปให้ที่คนจะคลอดลูกกิน ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกมาก คือ พอคนกินกล้วยน้ำว่าที่ซ้อนวิชชาธรรมกายไปเท่านั้นเอง ปรากฏว่า คลอดลูกง่ายมากๆ เพราะแค่รู้สึกปวดท้องนิดๆ ก่อนคลอดเท่านั้น และก็คลอดปรื้ดออกมาเลยซึ่งวิชชาธรรมกายของหลวงปู่สามารถทำได้เกินกว่าศาสตร์ของแพทย์จะหยั่งถึง…
除了一般的病人之外,那些分娩难产的女施主,也会来请求祖师的功德庇佑。她们拿芭蕉来供养祖师,让祖师用法身法门往芭蕉里施法。祖师接过芭蕉握在手中,闭上眼睛静定一会儿后将芭蕉归还对方。神奇的是,当怀孕的女施主吃了施法的芭蕉后,分娩过程非常容易,只是在生产前感觉到一点疼痛,不久孩子就出生了。由此可见,祖师的法身法门已经超越了医学的范畴。
ฝรั่งและผัก..งอกฉับพลันกะทันหัน
番石榴和蔬菜神奇地生长
เรื่องนี้ พระทนุ ชยารักโข ปัจจุบันอายุ 70 ปี เล่าว่า..ท่านได้ฟังเรื่องนี้มาจากเจ้าของเรื่องโดยตรง ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นหนุ่ม อายุประมาณ 30 ปี ช่วงนั้นท่านไปทำบุญที่วัดปากน้ำอยู่เป็นประจำเนื่องจากโยมแม่แท้ๆ คือ โยมแม่กิมซุ้ย แซ่ลี้ ไปบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่นั่น และช่วยรับบุญขายพวงมาลัยให้สาธุชนนำไปบูชาหลวงปู่ และด้วยความที่ท่านไปวัดปากน้ำบ่อยๆ นี่เอง ก็ได้ไปเจอกับป้าคนหนึ่ง ซึ่งท่านไปวัดทำบุญกับวัดปากน้ำยาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งป้าคนนี้..เป็นหญิงชาวจีนหน้าตาใจดี อายุได้ 82 ปี ตอนนั้นเข้ามาจับมือท่าน..แล้วพูดกับท่านว่า “ลูกๆ ให้หมั่นมาไหว้หลวงพ่อวัดปากน้ำบ่อยๆ นะ..ท่านศักดิ์สิทธิ์มากนะ”
这位现年70岁的泰努·施亚拉克长老说,故事的主人公曾亲口跟他讲过一个故事。当时他还很年轻,大约30岁左右,因为母亲在北榄寺出家比丘尼,所以他经常去北榄寺修功德,顺便帮忙卖花环给信众供奉祖师。由于他经常来北榄寺,便有缘遇见一位老奶奶。这位老奶奶是一位善良的中国人,当时已82岁高龄,来北榄寺修功德长达30多年。老奶奶抓着他的手说:“孩子,要常来拜祖师,祖师非常神奇。”
ป้าคนนี้เล่าให้ท่านและโยมแม่ฟังพร้อมกันว่า ก่อนหน้านั้น..แกก็ไม่รู้หรอกว่าหลวงปู่วัดปากน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆ ที่ป้าชอบพายเรือมาทำบุญที่วัดปากน้ำอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2480 ป้ามีเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจ มากราบเรียนหลวงปู่ “หลวงปู่คะ..อยู่ๆ เจ้าของที่ดินที่เช่าทำสวนอยู่ เขาจะขอที่คืน ลูกกลุ้มใจ..เพราะตอนนี้ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้วค่ะ”
那时,这位老奶奶当面对他和他母亲说:“此前,虽然我经常划船来北榄寺修功德,却不知道祖师如此神奇。直到佛历2480年,我因一件烦心事来请教祖师:“师父,租地给我种植果树的人不想再租了,我很担心,因为不知道该去哪里住。”
หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า “เออ!! เอ็งไม่ต้องกลุ้มใจหรอก อย่างเอ็งน่ะ..มันมีที่อยู่อยู่แล้ว” ป้าคนนี้ก็พูดตอบหลวงปู่ว่า “หลวงพ่อ..อย่าพูดเล่นเลยเจ้าค่ะ ลูกกลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว”
祖师说:“不用担心,你已经有住处了。”老奶奶又说:“师父,您别开玩笑,我都担心死了。”
จากนั้นป้าก็พายเรือกลับบ้านด้วยอาการเฉาชีวิตแบบสุดๆ แต่พอไปถึงบ้านเท่านั้นเอง ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เพราะอยู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้ามาดักรออยู่ที่บ้าน เพื่อจะเอาที่ดินมาขายให้จำนวน 4 ไร่เศษ อยู่แถวถนนสวนผัก เขตบางขุนนนท์ ซึ่งก็ทำให้ป้าดีใจมาก เพราะจะมีที่อยู่ใหม่แล้ว แต่เรื่องมันไม่จบลงง่ายอย่างนั้นหรอก เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวป้ามีเงินอยู่แค่ 3,000 กว่าบาทเท่านั้น ยังขาดอยู่ประมาณ 9,000 บาท ถึงจะซื้อที่ดินแปลงนี้ได้
后来,老奶奶只好无奈地划船回家。可刚进家门就遇到惊喜,因为突然有人来说要卖位于邦坤农区菜园路附近的4泰亩土地。她听完很高兴,因为有新的地方住了。但事情并非如此简单,因为她当时只有3000泰铢,还缺9000泰铢才能买下那块地。
และด้วยความที่ป้าแกคุ้นเคยกับหลวงปู่ แกก็เลยหอบความหวังอย่างเปี่ยมล้นมุ่งตรงไปวัดปากน้ำ เพื่อไปขอยืมเงินหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ก็ตอบว่า “อาตมาจะไปเอาเงินมาจากไหน..”
由于老奶奶平常和祖师很熟,于是怀着极大的希望直奔北榄寺向祖师借钱,祖师却说:“我从哪儿弄来钱呢?”
พอได้ฟังหลวงปู่พูดอย่างนี้..ป้าแกก็เลยเข้าใจไปว่าหลวงปู่ไม่ยอมช่วย ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยพอใจรีบเดินกลับไปยังท่าเรือ เพื่อพายเรือกลับบ้าน และขณะที่แกกำลังเดินไปที่ท่าเรือนั้นเอง หลวงปู่ท่านก็พูดขึ้นมาดังๆ ว่า “ฝรั่งที่บ้าน เอ็งก็เอาน้ำไปรดเข้าสิ จะได้เก็บมาขาย มีเงินพอซื้อที่ดิน”
听完祖师的话,老奶奶以为祖师不肯帮忙,只好失落地走回码头准备划船回家。当她走向码头时,祖师突然大声地说:“家里的番石榴树,你要浇水然后摘果去卖,这样才有足够的钱买地。”
แต่ป้าแกไม่เชื่อหลวงปู่ เพราะตอนนั้นแกรู้สึกแต่ว่า หลวงปู่ไม่ยอมช่วย ดังนั้นตอนพายเรือกลับบ้าน ป้าก็คิดไปตลอดทางว่า “ในเมื่อหลวงปู่เป็นที่พึ่งให้ไม่ได้..ก็ต้องพึ่งตัวเอง” และด้วยความไม่พอใจนี้เอง พอกลับมาถึงบ้าน แทนที่จะเอาน้ำไปรดต้นฝรั่งทั้งหมดอย่างที่หลวงปู่บอก แกก็เอาน้ำไปรถต้นฝรั่งแค่ 6 ต้น เท่านั้น ทั้งๆ ที่สวนฝรั่งของป้าแกมีพื้นที่มากถึง 5 ไร่เศษ
可是老奶奶却不以为然,当时她固执的认为祖师不肯帮忙。在划船回家的路上,她一直想:既然师父不能依靠,那只能靠自己了。出于不满,她回到家并没有像祖师说的那样用水浇完所有的番石榴树,只浇了六棵而已,可事实上她有约五泰亩的番石榴园。
และพอรดน้ำเสร็จ แกก็ไม่สนใจไยดีอะไรทั้งนั้น แต่พอรุ่งเช้าเท่านั้นเอง!!! ก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น คือ ต้นฝรั่ง 6 ต้น ที่เมื่อวานป้าแกรดน้ำเอาไว้ มันเกิดเป็นอะไรไปไม่รู้ คือ อะเลิร์ตออกลูกเต็มต้นไปหมด อีกทั้งแต่ละลูกยังใหญ่กว่าฝรั่งปกติ และยังมีสีเขียวอ่อนดูหวานกรอบน่ากินมาก ซึ่งเมื่อป้าแกเห็นดังนั้น ก็ดีอกดีใจ รีบตะโกนเรียกลูกชายและสามีให้มาช่วยกันเก็บไปขายที่ตลาด ส่วนป้าแกก็รีบจัดแจงเอาน้ำมารดต้นฝรั่งต่อจนหมดทั้งสวน แต่คราวนี้รดใหญ่เลย
她浇完水后就不管了,第二天发生了一件神奇的事情,昨天她浇水的六棵番石榴树一夜间硕果累累,且每颗果实比一般的番石榴还大,颜色翠绿,又甜又脆。老奶奶看到这番神奇的场景欣喜若狂,急忙喊儿子和丈夫来帮忙摘果去市场卖,自己则接水浇完果园里所有的番石榴树。
และพอรดเสร็จวันรุ่งขึ้น..ฝรั่งทุกต้นมันพร้อมใจกันออกลูกแบบพึ่บพั่บ จนมองไปทางไหนก็มีแต่ฝรั่งลูกอ้วนๆ โตๆ เต็มไปหมดสุดลูกหูลูกตาทั้งพื้นที่ 5 ไร่เศษ จนเก็บไปขายกันไม่ทัน คือ ทุกคนในครอบครัว ต้องช่วยกันเดินแบกเข่งฝรั่งลงเรือเพื่อเอาไปขายหลายรอบมาก คือ เดินเก็บ..เดินแบกกันจนเท้าบวม ซึ่งตรงนี้..เป็นเรื่องอัศจรรย์มากๆ ว่าเป็นไปได้อย่างไร ที่ปุ๋ยก็ไม่ได้ใส่ ยาเร่งผลก็ไม่ได้ฉีด ดินก็ไม่ได้พรวน เวลาก็ไม่ต้องรอ แถมไม่ต้องตัดต่อพันธุกรรม หรือใช้เทคโนโลยีนาโนอะไรทั้งนั้น แต่ฝรั่งกลับออกเอาๆ
第二天,所有的番石榴树上都结满了番石榴,一眼望去5泰亩的果园全是硕大饱满的果实,感觉都快忙不过来了。全家人齐心协力摘果装框,抬上船运到市场去买,来来回回很多遍,走得脚都肿了。这真是不可思议,因为既没有施肥喷药,也没有松土除草,既不用等待太久,也不用高科技,番石榴树却能在一夜间硕果累累。
และที่น่าทึ่งมากไปกว่านั้นก็คือ พอนำฝรั่งไปขายที่ปากคลองตลาด เข่งฝรั่งยังไม่ทันวางเลย คนก็แย่งกันมารุมซื้อ ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และภายในไม่กี่วัน ป้าแกก็มีเงินซื้อที่ดินแปลงใหม่ได้ แถมยังมีเงินเหลืออีก 3,000 กว่าบาทเป็นอัศจรรย์..
更令人不可思议的是,番石榴刚运到市场门口,还没来得及摆摊就被顾客抢着买完了。没过几天,那位老奶奶不仅筹够买土地的钱,还盈余3000多泰铢。
แต่หลังจากที่ป้าแกซื้อที่ดินแล้ว ปัญหาใหม่ก็ตามมาอีก คือ มีแต่ที่ดินเปล่า แต่ไม่มีบ้านจะอยู่ ป้าแกก็เลยต้องการปลูกบ้าน แต่เงินที่เหลืออยู่ไม่พอปลูก ด้วยเหตุนี้..ป้าจึงรีบกลับไปหาหลวงปู่ใหม่ ซึ่งคราวนี้หลวงปู่บอกว่า “ผักหลังบ้านเอ็ง..เอาน้ำไปรดเข้าสิ แล้วก็เก็บไปขาย จะได้มีเงินพอปลูกบ้าน
买完土地后新问题又出现了,只有一片空地却没有房子住,于是她就想建一栋房子,只是钱不够。最后,她又来找祖师,这次祖师说:“拿点水去浇你后院的蔬菜,然后收去卖才有钱建房子。”
ซึ่งป้าแกคิดในใจว่า “ผักหลังบ้าน..มันตายจะหมดอยู่แล้ว เพราะร้อยวันพันปีก็ไม่เคยดูแลมัน” แต่ครั้งนี้..ป้าแกไม่เอ๊ะอ๊ะ.. อิดออด หรือรอช้าเหมือนครั้งก่อน แต่กลับอะเลิร์ตกระวีกระวาดรีบกลับไปรดน้ำผักกาดขาวหลังบ้าน
老奶奶心里想:后院的蔬菜差不多都枯萎了,因为好久没料理了。可是这次她不再郁闷和犹豫,立刻赶回家给蔬菜浇水。
ทันทีที่ป้าแกรดน้ำลงไปเท่านั้นเอง..ก็ต้องตกใจแบบสุดขีดเพราะจู่ๆ พอรดน้ำลงไป..ผักมันงอกขึ้นมาแบบฉับพลันกะทันหัน แถมยังแย่งกันชูใบขยายใหญ่อย่างกับผีหลอกกลางวันแสกๆ คือ หัวผักกาดมันโผล่ขึ้นมาทั้งหัวเลย จนป้าแกรีบตะโกนเรียกสามีเสียงหลงว่า.. “ เตี่ยตี๋ๆ มึงมาดู..มึงมาดู..ผีมันหลอกกู กูไม่กล้าดูแล้ว มึงออกมาดูให้กูหน่อย”
老奶奶浇完水后,神奇的一幕又发生了,原本枯萎的蔬菜突然起死回生,绿油油的一片比一般的菜更大,萝卜也纷纷从土里长出来。老奶奶对眼前的一切感到不可思议,急忙呼喊丈夫:“老公,你快来看,鬼在骗我,我不敢看了,你出来帮我看看。”
ซึ่งขณะที่ตะโกน..ก็เหมือนยิ่งตะโกนยิ่งยุ คือ ผักมันงอก..ผุดกันพึ่บพั่บแน่นแปลงไปหมดเลย และในที่สุดป้าและครอบครัวก็ช่วยกันเก็บผักไปขาย จนมีเงินมากพอสำหรับปลูกบ้านราคา 8,000 บาท (ราคาเมื่อ 75 ปีที่แล้ว) ได้สำเร็จแป็นอัศจรรย์จริง ๆ …
她老公看到后喊得更大声:“蔬菜长出来了,到处都是菜。”最后,老奶奶和家人一起收菜去卖,得到的收入刚好可以建一栋8000泰铢(75年前的价格)的房子。
ท่านศักดิ์สิทธิ์เกินไป
师父太神奇
เรื่องนี้..เป็นเรื่องของลุงเปล่ง..ซึ่งเป็นบุคคลต้นวิชชาที่ชอบมาเล่าเรื่องราวของหลวงปู่ให้หลวงพ่อธัมมชโยฟังบ่อยๆ อีกทั้งยังเคยมาวัดฟังธรรมตั้งแต่ครั้งยังเป็นทุ่งนาฟ้าโล่งอีกด้วย
这是一个关于贝老伯的故事,他经常来跟法胜大师讲祖师的故事,也曾在寺院还是一片荒田的时候来听闻佛法。
ลุงเปล่งเป็นทานบดีของวัดปากน้ำ..ที่ชอบมาถวายภัตตาหารกับหลวงปู่..พร้อมกับภรรยาอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลุงเปล่งคุ้นเคยกับหลวงปู่ แต่ทว่า..แม้คุ้นเคยกับหลวงปู่มากสักแค่ไหน ลุงเปล่งก็ไม่เคยจะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สักเท่าไรที่บอกอย่างนี้ไม่ใช่เพราะลุงเปล่งไม่เคารพหรือลบหลู่หลวงปู่ แต่เป็นเพราะลุงเปล่งไม่ค่อยเข้าใจและตามไม่ทันในเรื่องการทำวิชชาของหลวงปู่ โดยลุงเปล่งจะชอบพูดว่า “หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์เกินไป” อีกทั้งยังไม่ค่อยเชื่อในอานุภาพวิชชาธรรมกายอีกด้วย
贝老伯是北榄寺的施主,经常和妻子来寺院供养祖师膳食,所以和祖师很熟。虽然彼此很熟,可他却不太相信祖师的神奇,这样说并不代表他不尊重或亵渎祖师,而是他不理解或跟不上祖师的修行。他总喜欢说:“师父太神奇了”。此外,他对法身法门的威德力也是半信半疑。
ด้วยเหตุนี้….ลุงเปล่งจึงเป็นคนพิเศษเพียงคนเดียว ที่แม้ยังไม่เข้าถึงพระธรรมกาย แต่หลวงปู่ท่านก็เอ็นดู และอนุญาตให้เข้าไปในโรงงานทำวิชชาซึ่งก็คือกุฏิของท่าน เพื่อให้ลุงเปล่งได้ประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์ของพระธรรมกายด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ในสมัยนั้น ผู้ที่จะเข้าไปในโรงงานทำวิชชาได้ ต้องเป็นพวกที่เข้าถึงพระธรรมกายเท่านั้น แต่สำหรับลุงเปล่งแล้ว หลวงปู่จะพาท่านไปที่ประตูของโรงงานทำวิชชาแล้วบอกว่า “เปล่ง..เวลาเอ็งเข้ามาที่นี่ เอ็งเอามือล้วงข้างล่าง..แล้วดันไม้อย่างนี้นะ แล้วประตูมันจะเปิดเอง และถ้าเอ็งเข้าไปแล้ว..ก็ให้นั่งเฉยๆ นะ..อย่าส่งเสียงพูดอะไร เพราะเขากำลังทำวิชชากัน”
基于此因,贝老伯是唯一得到特殊照顾的人,就算他没有证得法身,祖师也慈悲允许他进入深修工厂,好让他可以亲眼目睹法身的神奇。当时,必须是证得法身的人才有资格进入深修工厂,只有贝老伯除外。祖师第一次把他带到深修工厂门口时嘱咐说:“阿贝,你进去时像这样推一下门,门自然会开,进去后安静地坐着不得喧哗,因为其他人在深修法门。”
ซึ่งพอลุงเปล่งลองเข้าไปจริงๆ ท่านก็ออกมาเล่าว่า “พอเข้าไปแล้ว..เราเหมือนคนบ้านะ เพราะไม่รู้เขาพูดอะไรกัน พูดกันอยู่ 2 คำ คือ ทำให้ละเอียด..ละเอียดลงไป ..ละเอียดหรือยัง ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงก็จะตอบหลวงปู่ว่า ละเอียดแล้วเจ้าค่ะ ถ้าเป็นพระก็จะตอบว่า ละเอียดแล้วครับ คือ ฟังแล้ว..ไม่เห็นจะมีอะไร มีแต่คำว่าละเอียด และพอหลวงปู่ถามพวกที่ทำวิชชาว่า สว่างหรือยัง เขาก็ตอบออกมาว่า สว่างแล้วเจ้าค่ะ..”
贝老伯进去出来后说:“进去之后,我就像傻子一样,不知道他们在说什么,一直重复两句话,要细腻,持续的细腻和细腻了吗?”随后,深修者答说:“已经细腻了。”听着感觉没什么,只是一直在强调细腻。当祖师问深修者:“光亮了吗?”他们就回答:“光亮了。”
จากนั้นหลวงปู่ก็บอกลุงเปล่งว่า “..เออ เปล่ง!! ไหนเอ็งลองออกไปดูสิ ท้องฟ้าสว่างหรือยัง” ซึ่งลุงเปล่งก็ได้ยินแต่ไม่เข้าใจ คือ ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกัน แต่พอเปิดประตูออกมาดูนอกโรงงานทำวิชชา ทันใดนั้น..ลุงเปล่งก็เห็นท้องฟ้าสว่างจ้าเลย แต่ลุงเปล่งก็แค่นึกในใจว่า “..เอ..!! ตอนเราเข้ามาวัดใหม่ ๆ ท้องฟ้ายังมืดตื้ออยู่เลย…มืดจนน่ากลัว เอ๊ะ..!! แต่ทำไมตอนนี้มันสว่างจ้าเลย..”
后来,祖师告诉贝老伯说:“阿贝,你去外面看一下,天晴了吗?”贝老伯听完不太明白,因为不知道他们在干什么。当他开门走出深修工厂,看见天上晴空万里,他只是在心里想:刚才进寺院时还乌云密布,感觉有些吓人,为何现在却放晴了呢?
จากนั้นก็กลับเข้ามารายงานหลวงปู่ทั้งๆ ที่ยังงงไม่หายว่า.. “สว่างแล้วครับ” ซึ่งพอหลวงปู่ฟังเสร็จ ท่านก็นิ่งๆ ต่อไปโดยไม่พูดอะไร จากนั้นลุงเปล่งก็คิดในใจว่า.. “เรานั่งมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไร มีแต่พูดคำว่าละเอียด..ออกไปดีกว่า..ขืนอยู่ในนี้ต่อไป..บ้ากันพอดี”
随后,贝老伯返回来报告祖师时还略有困惑地说:“已经晴朗了。”祖师听完沉默不语,不再说话。贝老伯则在心里默想:我坐了那么久,什么都没看见,就知道一直说细腻,还是出去为好,继续呆下去可能会发疯。
ในช่วงนั้น..นอกจากลุงเปล่งจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการทำวิชชาแล้ว ลุงเปล่งยังเชื่อและศรัทธาในวิชาโหราศาสตร์อีกด้วย เพราะในช่วงที่ลุงเปล่งหัดเป็นหมดดู ท่านจะชอบมาคุยอวดให้หลวงปู่ฟังว่าตำราโหราศาสตร์…มันดีอย่างนั้น..อย่างนี้ แม่นอย่างนั้น..อย่างนี้ ซึ่งพอหลวงปู่ฟังเสร็จ ท่านก็บอกว่า “..สู้ “สัมมา อะระหัง” ไม่ได้หรอกวะ เพราะเป็นทางมรรคผลนิพพาน” แต่ลุงเปล่งก็ยังไม่เข้าใจเท่าไร แถมยังยืนยันความเชื่อของตัวเองอยู่ดี คือ เมื่อลุงเปล่งมาหาหลวงปู่ทีไร ก็จะบอกแต่ว่าโหราศาสตร์แม่นอย่างนั้น..อย่างนี้..อยู่เรื่อย จนหลวงปู่รำคาญ จึงพูดกลับไปว่า.. “เปล่ง..ข้าให้เอ็งดูแม่นสัก 10 ปี คือ ในช่วง 10 ปีนี้..เอ็งจะแม่นมากทีเดียว แต่หลังจากนั้น ตอนท้ายของชีวิตนี่..เอ็งจะจำได้แค่ “สัมมา อะระหัง” วิชาอย่างอื่นเอ็งจะลืมหมดเลย..!!
当时,贝老伯不仅不了解深修法门之事,还沉迷于占星术。那段时期,他总喜欢向祖师吹嘘占星术如何好或如何准确。祖师听完一般会说:“比不上三玛阿罗汉,因为那是趣向涅槃之道。”但贝老伯还是不理解,依然坚持自己的信念。每次来拜访祖师,还总是说占星术如何准确。最后,祖师有些不耐烦地说:“阿贝,我让你占卜准确十年,在这十年你占卜准确无疑,但在这之后,晚年的你只记得“三玛阿罗汉,其他技艺全部忘完。”
ซึ่งตอนนั้น..ไม่ว่าหลวงปู่จะพูดยังไงลุงเปล่งก็ไม่เชื่อ หนำซ้ำยังไม่คิดจะเป็นไปได้เลย เพราะช่วงนั้นลุงเปล่งเป็นหมอดูที่แม่นมาก คือ แม่นในระดับเทพเรียกทวด เพราะไม่ว่าลุงเปล่งจะจับตำราเล่มไหนมาอ่าน ก็เข้าใจทะลุปรุโปร่งหมด แถมยังแตกฉานถึงขนาดเขียนตำราหมอดูเองได้ แต่หลังจาก 10 ปี ผ่านไปเท่านั้นเอง…ลุงเปล่ง..เกิดเป็นอะไรไปก็ไม่ทราบ ทายใครก็แค่เกือบถูก ซึ่งก็แปลว่าไม่ถูก แถมไม่แม่นเหมือนเก่า เพราะที่เคยศึกษามา มันลืมไปจริงๆ ซึ่งลุงเปล่งบอกว่า ที่พอจะจำได้บ้าง..ก็เป็นพวกคาถาอาคม และเมื่อเป็นอย่างนี้ ลุงเปล่งก็เลยเกิดอาการเสียเซลฟ์ (Self) เพราะอะไร..ทำไมมันดูไม่แม่น ซึ่งท่านก็ตอบลุงเปล่งไปว่า “..ก็มันครบ 10 ปี แล้วนี่หว่า”
那时候不管祖师怎么劝贝老伯,他都不信,觉得完全不可能,因为当时他不仅是占卜很准的算命先生,还精通各种占卜书籍,甚至还能编写算命的书。但十年之后,不知发生了什么,他的占卜就没有之前准了,而且学过的东西也几乎忘光,只记得一些经咒,最终他有些失去自我。他问祖师为何自己占卜不准了?祖师说:“因为十年期限已到。”
ซึ่งลุงเปล่งนับเวลาดู ท่านก็ต้องทึ่ง เพราะเมื่อนับเวลาดูแล้วมันเลย 10 ปีไปแค่ 1 วันเท่านั้นเอง ลุงเปล่งก็กลายเป็นหมอดูที่ดูไม่แม่นแล้ว และที่น่าทึ่งมากไปกว่านั้น คือ ในบั้นปลายชีวิตของลุงเปล่ง ก็เป็นไปตามที่หลวงปู่บอกไว้เป๊ะเลย คือ ลุงเปล่งบอกว่า..” เป็นไงก็ไม่รู้ คาถง..คาถา หมอดง..หมอดู อะไรที่เคยเรียนมามันลืมไปหมดเลย เหลือแต่ “สัมมา อะระหัง” อย่างเดียวจริงๆ ซึ่งทำไมมันลืมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่พยายามนึกๆ แล้ว แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก”
贝老伯算了一下时间,顿时惊讶不已,因为只超过十年期限一天的时间而已,他的占卜就不准了。此外,更令人惊讶的是他晚年确实如祖师所言,曾经学过的经咒、符咒、占卜等知识全部忘光,只记得“三玛阿罗汉”。也不知道怎么忘记的,努力想也想不起来。
ซึ่งภรรยาลุงเปล่งเล่าให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยฟังที่อาคารดาวดึงส์ “คุณเปล่งเขาจำอะไรไม่ได้เลย จริงอย่างที่หลวงพ่อพูดไว้ไม่มีผิด คือ ไม่รู้..คุณเปล่งแกเป็นอะไร เขาบอกจำอะไรไม่ค่อยได้เหลือแต่ “สัมมา อะระหัง” อย่างเดียวเท่านั้น”
贝老伯的妻子在忉利天禅堂旁告诉法胜大师:“阿贝真的如祖师所说什么都记不得了,也不知道怎么回事,就是全部忘光了,只记得三玛阿罗汉而已。”
จากการที่ลุงเปล่งไม่ค่อยเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่เลยทำให้มีคนไปถามลุงเปล่งว่า ทำไม..ถึงไม่ค่อยเชื่อหลวงพ่อ? ซึ่งลุงเปล่งก็จะตอบทันทีเลยว่า “ก็จะให้เชื่อได้ยังไง เพราะเคยเห็นเกจิอาจารย์แทบทุกคนเลย เวลาเขาจะทำของขลัง หรือทำอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไร เขาจะมีพิธีรีตอง จะต้องท่องคาถา ต้องเขียนเลขสักยันต์ หรือไม่ก็เสกเป่าอะไรเลยสักอย่าง คือ พอเราพูดหรือขออะไรเสร็จ..แป๊ปเดียว..ยังไม่ทันไรเลย..หลวงพ่อท่านก็พูดกลับมาว่า..เรียบร้อยแล้ว หรืออย่างขณะที่หลวงพ่อกำลังนั่งฉันอยู่ พอมีญาติโยมเข้ามาขอบารมีให้ท่านช่วยอะไรสักอย่าง ท่านก็ทำแค่ส่งเสียง อือๆ..แถม อือ..ไป..ฉันไปอีกต่างหาก..”
由于贝老伯一直不太相信祖师的神奇,于是就有人问他其中的原因。他说:“怎么相信嘛,因为几乎所有的师傅在做护身符或施法时都有一个仪式,需要念咒语、写符咒或作法等。可是当我向祖师说或求什么东西时,不一会儿他就说好了。或者有时他正在用膳,有居士来求他帮忙时,他只说已经解决,然后便让对方离开,自己继续用膳。”
อย่างมีอยู่ครั้งหนึ่ง ลุงเปล่งก็ขนเอาผ้าเช็ดหน้าที่พิมพ์รูปหลวงปู่ ที่ทำไว้แจกญาติโยมที่มาร่วมงานมุทิตาหลวงพ่อ ในครั้งที่ท่านได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นจำนวนร้อยๆ ฝืน.. มาให้หลวงปู่ช่วยทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งลุงเปล่งก็เอาไปวางไว้ข้างๆ สำรับอาหารของหลวงปู่ เพราะหลวงปู่ว่าให้วางไว้นั่น แล้วท่านก็นั่งฉันไปเรื่อยๆ และพอฉันเสร็จ ท่านก็บอกลุงเปล่งว่า “เสร็จเรียบร้อยแล้ว เอ็งยกออกไปได้เลย”
还有一次,贝老伯将几百条印有祖师像的手帕搬来给祖师加持,这些手帕将用来赠送庆祝祖师授封僧衔仪式的居士。他照祖师吩咐将手帕放在食物旁边,随后祖师静静地用膳。祖师用膳完后告诉贝老伯说:“已经好了,你可以搬走了。”
พอลุงเปล่งเห็นดังนั้น..แทนที่จะอะเลิร์ตดีอกดีใจ กลับขัดอกขัดใจมาก อีกทั้งยังรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพราะมองว่าหลวงปู่ไม่ยอมทำอะไรให้สักอย่าง คิดว่าหลวงปู่ท่านไม่ยอมเสกผ้าเช็ดหน้าให้ และเมื่อคิดดังนี้..ก็เลยเอาผ้าเช็ดหน้านั้น เที่ยวไล่แจกญาติโยมจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือเลยแม้แต่ผืนเดียว แถมไม่ยอมเก็บไว้เป็นของตัวเองเลยสักผืน เพราะมัวแต่คิดว่า ผ้าเช็ดหน้าทั้งชุดนี้..จะศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร เพราะหลวงปู่ท่านไม่ยอมเสกให้ แต่ที่ไหนได้…หลังจากที่ลุงเปล่งแจกเขาจนหมดแล้ว ไม่นานต่อมา ปรากฏว่ามีคนเจออานุภาพกันมากมาย อีกทั้งยังมาเล่าเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของผ้านั้นให้ลุงเปล่งฟัง ว่าเจออานุภาพอย่างนั้น..อย่างนี้ เช่น บางคนไปทดลองเอาปืนยิงผ้า ซึ่งปรากฎว่าปืนพังไปเลย คือ ยิงไม่ออก
贝老伯见此不但不高兴,反而有些难过,甚至感到沮丧。因为他看见祖师什么都没做,认为祖师不愿意念经作法加持这些手帕。随后,他将这些手帕全部赠与现场的居士大德,自己一片都没留。因为他认为祖师没有念经作法加持,手帕不神圣。可谁曾想贝老伯发完手帕后不久,就有许多人亲身体验到手帕的神奇。他们还将这些神奇的经历告诉贝老伯,例如有的人拿枪射手帕结果枪却坏了,子弹射不出来。
ด้วยเหตุนี้..เลยทำให้ลุงเปล่งนึกเสียดายขึ้นมาทันที จนพูดออกมาว่า “ตายแล้ว..ๆ ไม่มีแล้ว …แจกเขาไปหมดแล้ว” และพอลุงเปล่งมารู้ทีหลังว่า ผ้าเช็ดหน้านั้นศักดิ์สิทธิ์ ลุงเปล่งก็เกิดคาใจขึ้นมาว่า..อยู่ๆ ผ้าเช็ดหน้าเกิดศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อหลวงปู่ไม่ได้เสก ไม่ได้เป่าอะไรเลย!! ด้วยความคาใจอย่างแรงนี้เอง ลุงเปล่งก็เลยเข้าไปถามท่านว่า “หลวงพ่อ..ทำยังไงหรือครับ ไม่เห็นเสกเป่าอะไรกับเขาเลย แล้วทำไมเขาเอาไปยิงแล้ว..ยิงไม่ออก..”
所以,贝老伯十分后悔地说:“死了,没有了,全部送给别人了。”当贝老伯得知手帕的神奇后,心里非常疑惑,祖师既没念经也没作法,这些手帕如何能如此神奇呢?他基于内心的疑惑问祖师:“师父是怎么做到的?手帕既没念经也没作法,别人拿枪射击时子弹却射不出来。”
ซึ่งหลวงปุ่ก็ตอบแบบนิ่งๆ ว่า “ก็นึกๆ เอา..” ลุงเปล่งก็ถามต่ออีกว่า “นึกยังไง..??” หลวงปู่ก็ตอบเพิ่มว่า “ก็นึกในตำแหน่งที่นึกๆ แล้วมันสำเร็จสิ” ซึ่งก็คือศูนย์กลวงกายฐานที่ 7 นั่นเอง…
祖师平静地说:“通过意念。”贝老伯又问:“如何意念呢?”祖师答说:“在正确的位置意念就成功了。”其实这个位置就是身体中央第七处。
และนี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลุงเปล่งชอบพูดว่า “หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์เกินไป” คือ ดูภายนอกเหมือนหลวงปู่ท่านไม่ทำอะไร แต่จริงๆ ท่านทำงานภายในตลอดเวลา จนเป็นเรื่องปกติธรรมดาของท่าน จึงทำให้ท่านเป็นมหาปูชนียาจารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพอันไม่มีประมาณ..
这就是贝老伯为什么总是喜欢说“师父太神奇了”的原因之一,即表面上祖师好像什么都没做,可事实上祖师一直在做内在的工作,对他来说也只是一件稀疏平常的工作。最终,祖师不仅成为神圣的导师,还具足无量的威德力。
หรืออีกคราวหนึ่ง ลุงเปล่งและภรรยาได้ไปถวายภัตตาหารเพลกับหลวงปู่และคณะพระภิกษุสงฆ์ที่วัดปากน้ำ และพอหลวงปู่ฉันเสร็จ ท่านก็พูดกับลุงเปล่งว่า.. “เออ..! พระจะให้พรแล้วนะ เดี๋ยวพระพุทธเจ้าท่านเสด็จลงมานี่นะ เอ็ง..จะเอากี่องค์ ..เดี๋ยวให้ท่านมาให้พรเอ็งสักหมื่นองค์ ศักดิ์สิทธิ์นัก..อธิษฐานเอาเลยนะ เอ็งอธิษฐานเอา..ศักดิ์สิทธิ์ เดี๋ยวท่านมาหมื่นองค์” แถมท่านยังย้ำอีกว่า “มาแน่นอน..!!!”
此外,有一次贝老伯和妻子去北榄寺供养僧团午膳。祖师用完膳后对贝老伯说:“僧团要诵经祝福,等一下诸佛会莅临,你想让多少尊佛赐福?让万佛给你赐福吧,非常神圣,要好好发愿,自己发愿恭请万佛将无比神圣。”后来祖师还重申一遍:“一定会来的。”
พอลุงเปล่งฟังหลวงปู่พูดอย่างนี้..ก็เกิดอาการเป็นงง ไม่เข้าใจและคิดในใจว่า “เราคงบ้าแน่ ท่านพูดอะไรของท่านไม่รู้..พระพุทธเจ้าจะเสด็จลงมาให้พรได้ยังไง
贝老伯听完祖师的话有些不知所措,不理解其中含义,于是在心里想:我可能傻了,不知道师父说什么,诸佛怎么会莅临赐福呢?
ซึ่งการที่ลุงเปล่งคิดอย่างนี้ เนื่องจากลุงเปล่งไม่เข้าใจเรื่องการทำวิชชา ก็เลยไม่เข้าใจความหมายที่หลวงปู่พูด แต่ถ้าพวกที่ทำวิชชาเป็นได้มาฟัง ก็จะเข้าใจทันทีว่า การอาราธนาพระพุทธเจ้ามาแค่หมื่นองค์ เป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว หรือเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนอกจากลุงเปล่งจะไม่เข้าใจคำพูดที่หลวงปู่พูดแล้ว ลุงเปล่งก็ยังมีแนวร่วม คือ ภรรยาของลุงเปล่งที่มาด้วยกัน และไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูดเหมือนกัน ซึ่งภรรยาลุงเปล่งบอกว่า “ไม่รู้ว่าหลวงปู่ท่านพูดอะไรของท่าน เราก็เลยอธิษฐานส่งเดชไป เพราะตอนนั้น..ไม่คิดว่า..ท่านจะศักดิ์สิทธิ์จริง เพราะหลวงพ่อท่านก็แค่พูดนิ่งๆ เฉยๆ อีกทั้งยังไม่เห็นมีพิธีรีตองอะไร เราก็เลยนึกว่าไม่มีอะไร…”
贝老伯这样想是因为他不了解深修法身法门之事,所以很难明白祖师的话,如果是深修者听了会知道其实恭请万佛赐福是一件很容易的事。除了贝老伯不明白祖师的话以外,他的老婆也不明白。贝老伯的老婆曾说:“不明白祖师说什么,我便随意发愿,因为当时不知道祖师如此神奇,他只是平静地说,也没看见什么仪式,我以为没什么。”
และจากการที่ลุงเปล่งไม่ค่อยเข้าใจ และไม่ค่อยเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่นี่เอง ลุงเปล่งก็เลยไม่คิดที่จะอธิษฐานขออะไรที่มันใหญ่โตมาก คือ แทนที่ลุงเปล่งจะอธิษฐานขอให้เป็นมหาเศรษฐีระดับโลก มีกินมีใช้เหลือเฟือ จะได้ไม่ต้องทำมาหากินอีกแล้วไปจนกว่าบริษัทจะเจ๊ง ซึ่งนั่นหมายถึง ลุงเปล่งอยากจะทำงานไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากบริษัทบอร์เนียวเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงสูงมาก แต่แม้บริษัทบอร์เนียวจะมั่นคงแค่ไหน แต่สิ่งที่ไม่มั่นคงก็คือ สถานภาพของลุงเปล่ง เพราะลุงเปล่งทะเลาะกับหัวหน้าที่เป็นฝรั่งทุกวัน ท่านก็เลยกลัวว่า จะโดนไล่ออก เพราะคนที่ทะเลาะกับฝรั่งโดนไล่ออกไปกันหลายคนแล้ว
由于贝老伯既不理解也不相信祖师的神奇,所以在发愿时没有太大要求。他没有祈求成为亿万富翁,而是渴望衣食无忧,工作稳定,因为他所在的婆罗洲公司是一个稳定的公司,他想尽可能长时间留在公司工作。虽然这间公司很稳定,但他的职位却不太牢固,因为他经常和公司的老外主管吵架。他非常担心被主管解雇,因为之前跟主管吵架的几个人都被解雇了。
ส่วนคุณป้าที่เป็นภรรยาของลุงเปล่งก็พอกัน..สมกับเป็นภรรยาของลุงเปล่งจริง ๆ คือ แทนที่จะอธิษฐานขออะไรใหญ่ๆ โตๆ ก็อธิษฐานขอแค่ให้มีตึกสักหลัง แถมยังบอกว่า เอาไม่ต้องใหญ่ ขอหลังเล็กๆ ที่พอมีบริเวณสนามหญ้านิดหน่อย มีรั้วแค่นี้ก็พอแล้ว และพอลุงเปล่งและภรรยาอธิษฐานเสร็จ หลวงปู่ก็พูดย้ำเพิ่มความมั่นใจให้อีกว่า “ที่อธิษฐานนี่นะ..สำเร็จทุกอย่าง เอ้า..ให้ตั้งใจรับพร” ซึ่งพอท่านขึ้นยถาฯ ให้พรจนจบ ขณะที่ท่านลุกเดินเข้าโรงงานทำวิชชา ท่านก็ยังหันหน้าไปย้ำลุงเปล่งอีกว่า “เปล่งเอ๊ย…สิ่งที่เอ็งอธิษฐานน่ะ..สำเร็จ.!!!..”
贝老伯的老婆也差不多,真是不是一家人不进一家门。她发愿时也没有太大要求,只希望有一栋小楼房,无需太大,小间即可,前面有些草坪和篱笆便足够了。当贝老伯和老婆发愿完后,祖师还强调说:“此次发愿皆会如愿以偿,认真聆听僧团诵经祝福吧。”后来,祖师诵经祝福结束走进深修工厂前还特意对贝老伯说:“阿贝,你所发的愿都会如愿。”
แต่ลุงเปล่งก็ไม่ถึงกับเชื่อหลวงปู่ เพราะหลังจากนั้น ลุงเปล่งก็ยังมากราบเรียนหลวงปู่อยู่เรื่อยๆ ว่า “หลวงพ่อครับ เขาจะไล่ผมออกแล้วครับ เพราะผมทะเลาะกับฝรั่งหนักขึ้นทุกวัน ทำยังไงดีครับ..?”และพอหลวงปู่ฟังดังนั้น ท่านก็บอกว่า “เออ..เดี๋ยวข้าจะฝากเขาให้” ซึ่งทันทีลุงเปล่งได้ฟังประโยคนี้ ลุงเปล่งก็ยิ่งงงใหญ่เลยและเพื่อให้หายงง จึงรีบถามหลวงปู่กลับว่า “เขาไหนครับ ??” แต่ท่านก็นิ่ง ๆ ไม่ยอมตอบอะไร เพราะตอบไปลุงเปล่งก็ไม่รู้เรื่อง
可贝老伯还是不相信祖师,因为后来他还经常问祖师:“师父,老外可能要把我辞退了,因为我跟他争吵越来越严重,该如何是好呢?”祖师听完说:“等一下我委托给他。”贝老伯听后疑惑不已追问道:“他是谁?”可是祖师静默不语,因为说再多他也听不懂。
แต่เรื่องมันก็ไม่จบง่ายอย่างนั้นหรอก เพราะวันต่อๆ มาลุงเปล่งก็ร้อนรนมากราบเรียนหลวงปู่ใหม่อีกว่า “หลวงพ่อครับๆ ซองขาวมันใกล้เข้ามาแล้วนะหลวงพ่อ ผมทะเลาะกับฝรั่งหนักเลย” ซึ่งหลวงปู่ได้ยิน ท่านก็บอกอีกว่า “เออ..!! ไม่เป็นไรหรอกข้าฝากเขาไว้แล้ว” ซึ่งการที่หลวงปู่ตอบอย่างนี้ ทำให้ลุงเปล่งงงหนักเข้าไปอีก “เขาไหน..?? ใครคือเขา..!!” แต่พอลุงเปล่งพยายามถามหลวงปู่ทีไร ท่านก็ไม่ยอมตอบสักที ก็เลยทำให้ลุงเปล่งนึกถามตัวเองในใจว่า “เขานี่ คือ พวกอธิบดง..อธิบดี หรือปลัด กระทรง..กระทรวงอะไรรึเปล่า”
但事情不会这么简单的结束,后来贝老伯又急匆匆来找祖师说:“师父,辞退信就要来了,这次我和老外吵得不可开交。”祖师听完说:“嗯,没关系,我委托给他了。”祖师如此回答让贝老伯疑惑不已,他连忙问道:“他在哪?他是谁?”虽然贝老伯一直追问,可是祖师不愿再回答,他只好在心里想:这个人应该是位高权重的政府高层吧。
ต่อมาจนกระทั่งหลวงปู่มรณภาพไปแล้ว ลุงเปล่งก็ยังไม่รู้เลยว่า “เขา” ที่หลวงปู่ว่า คือ ใคร แต่ตอนหลังลุงเปล่งมารู้คำเฉลยว่าเขา..คือใคร ก็ตอนที่ได้มากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยและคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และหลังจากรู้แล้ว ลุงเปล่งก็เรียนถามคุณยายอาจารย์ฯ ใหญ่เลยว่า “ แล้วทำไมตอนนั้นหลวงปู่ท่านไม่บอกล่ะ ??” คุณยายท่านก็ตอบกลับว่า “ถ้าบอกไปตอนนั้น..คุณก็ไม่เชื่อ..!!!”
祖师圆寂后,贝老伯都不知道祖师所说的他是谁。直到后来贝老伯来拜见法胜大师和詹老奶奶时才知道祖师口中的他指的是谁。贝老伯急忙问奶奶:“为何当时祖师不直说呢?”奶奶说:“当时说了你也不信。”
ขอย้อนกลับมาเรื่องที่ลุงเปล่งทะเลาะกับฝรั่งต่อ..เพราะเรื่องนี้มันแปลกมาก อีกทั้งยังน่าอัศจรรย์ใจสุดๆ คือ หลังจากที่หลวงปู่ฝากเขาไว้แล้ว ไม่ว่าลุงเปล่งจะทะเลาะกับนายฝรั่งมากขนาดไหนก็ไม่โดนไล่ออกสักที ทั้งๆ พวกที่ทะเลาะกับฝรั่งน้อยกว่าลุงเปล่งตั้งเยอะ กลับถูกยื่นซองขาวให้ออกกันไปหมดแล้ว
回到贝老伯和老外吵架的事,因为这件事既奇怪又神奇。在祖师委托给他之后,无论贝老伯和老外吵得多凶都没被辞退,但那些和老外吵得没那么凶的人反而被辞退了。
และสุดท้าย..ก็เป็นไปตามที่ลุงเปล่งอธิษฐานไว้จริงๆ คือ ได้ทำงานอยู่ที่บริษัทบอร์เนียวนามสมใจอยาก เพราะนานจนกระทั่งบริษัทบอร์เนียวเปลี่ยนเจ้าของไปจริงๆ ส่วนคุณป้าที่เป็นภรรยาของลุงเปล่งก็เช่นกัน คือ สุดท้ายก็ได้บ้านตึกหลังเล็กๆ มีสนามหญ้าหน่อยๆ จริงๆ อยู่แถวเทเวศร์ ซึ่งคุณป้าก็พูดว่า “หากรู้ว่าหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้..รู้งี้..อธิษฐานขอบ้านให้มันใหญ่ๆ โตๆไปเลยดีกว่า..”
最终,果真如贝老伯所愿,就算公司更换老板,他依然还在婆罗洲公司工作。至于他老婆也是得偿所愿,在贴文区有一栋小楼房,门前有些草坪。后来他老婆还说:“早知道祖师如此神奇,当时我应该发愿要一套大别墅。”
ส่วนเรื่องที่น่าทึ่งอีกเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นตอนที่ลุงเปล่งพาภรรยามาถวายภัตตาหารเพลที่วัดปากน้ำ ซึ่งพอเลี้ยงพระเสร็จ หลวงปู่ท่านเห็นในที่ของท่านว่า จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับภรรยาของลุงเปล่ง ก็เลยทำให้หลวงปู่บอกภรรยาลุงเปล่งว่า “เดี๋ยวคอยเดี๋ยว..อย่าเพิ่งไปไหน !!!”
还有一件奇妙的事,当时贝老伯和妻子在北榄寺供养斋僧。午膳结束后,祖师预感贝老伯的妻子会出事,于是告诉她说:“等一下,先别离开。”
จากนั้นหลวงปู่ท่านก็หายเข้าไปในโรงงานทำวิชชาประมาณครึ่งชั่วโมง พอออกมา ท่านก็บอกว่า “ต่ออายุให้แล้ว!!!” ซึ่งพอภรรยาลุงเปล่งฟังดังนั้น ท่านก็งง และรำพึงว่า “เอ๊ะ..เราก็แข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บได้ป่วยอะไรเลย ทำไมหลวงพ่อมาบอกว่า ต่ออายุให้เรียบร้อยแล้ว !!!”
随后,祖师进入深修工厂大约半个小时,出来后说:“已经帮续命了。”贝老伯的妻子听后感觉很奇怪,在心里想:我身体健康,也没有任何疾病,为什么祖师说已经帮我续命了呢?
..และนี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ ที่ลุงเปล่งกับภรรยาได้ประจักษ์กับตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์เหนือความคาดหมาย ทำให้ท่านทั้งสองเกิดอาการคาดไม่ถึงแทบทุกเรื่อง จนท่านทั้งสองชอบพูดเน้นๆ ย้ำๆ อยู่บ่อย ๆ ว่า หลวงพ่อท่าน..ศักดิ์สิทธิ์เกินไป!!!
这就是贝老伯和妻子亲身感受到的祖师之神奇,常令他们意想不到。因此,他们经常喜欢说:“师父太神奇了。”
สยบกองทัพงู ณ วัดปากน้ำ
降服蛇窝
ในสมัยก่อน…ที่วัดปากน้ำ..มีงูชุกชุมมาก ซึ่งถ้าชุมแล้วต่างคนต่างอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่.!! เจ้างู..มันเล่นมากัดพระ กัดเณร กัดแม่ชีกันเยอะ ถึงขนาดกลายเป็นแรงบันดาลใจทำให้แม่ชีหลายคนต้องหัดจับงูให้เป็น อย่างเช่น แม่ชีปุก..ท่านจะมีบ่วงเอาไว้คล้องคองูโดยเฉพาะ ซึ่งพอคล้องได้ก็จะเอาไปปล่อย หรืออย่างแม่ชีนาค..ท่านก็โดนงูกัดเป็นอาชีพ จนเจ้าหน้าที่สถานเสาวภาจำหน้าท่านได้ เพราะต้องนั่งเรือไปฉีดเซรุ่มแก้พิษงูอยู่เป็นประจำ
以前,北榄寺内有许多蛇窝,若不侵扰人类应该相安无事,可是它们却隔三差五咬伤寺中的僧尼,逼得几位比丘尼不得不学会捕蛇的技能。例如阿布比丘尼就经常用绳索捕蛇,然后拿去放生。或者阿楠比丘尼常被蛇咬,需坐船去注射抗蛇毒血清,久而久之医院的工作人员都认识她了。
เรื่องก็มีอยู่ว่า แม่ชีนาค..ท่านเป็นแม่ชีที่ได้ธรรมกายมีญาณทัสสนะแม่นยำมาก เพราะท่านรักการปฏิบัติธรรม และมีอัธยาศัยชอบไปปักกลดอยู่ในป่าช้า ที่เขาเก็บศพยังไม่ได้เผาเอาไว้ เป็นป่าช้าที่อยู่ในวัดปากน้ำ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของตึกคณะเนกขัมม์) ซึ่งป่าช้าที่ว่านี้..มีหญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด ดังนั้นจึงเป็นที่ซ่องสุมของบรรดางูต่างๆ อย่างมากมาย แต่เนื่องจากป่าช้าเป็นสถานที่เงียบสงบ เย็นสบาย จึงทำให้แม่ชีนาคชอบไปมาก และพอไปทีไร..ก่อนจะเข้าที่นั่งสมาธิ(Meditation) ท่านจะสวดเจริญพระพุทธมนต์อิติปิโส 108 จบก่อน
阿楠比丘尼既证得法身又具足知见,因为她非常热衷打坐。当时,北榄寺内有一处存放尚未火化的尸体的坟地,她总喜欢在那里打坐。因为坟地僻静清凉,只是杂草丛生,是各种蛇类的聚居地,于是每次去打坐前她都会先念108遍佛经。
และที่น่าทึ่ง..ก็คือ ท่านจะสวดไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องมีลูกประคำมานั่งนับเลย ซึ่งโดยปกติเวลาคนทั่วไปสวดครบหนึ่งจบเขาจะเลื่อนลูกประคำเพื่อนับไปลูกหนึ่ง ซึ่งพอเลื่อนไปจนครบทั้งเส้น ก็เท่ากับสวดครบ 108 จบพอดี (เพราะสร้อยประคำเส้นหนึ่งมีลูกประคำอยู่ 108 ลูก) แต่เนื่องจากแม่ชีนาคมีวิชชาธรรมกายหลวงปู่สอน ท่านจึงไม่ต้องนับลูกประคำให้เสียเวลาคือ ท่านจะเข้ากลางสวดไปเรื่อยๆ พอครบ 108 จบ พระธรรมกายในตัวท่านจะบอกว่าครบพอดี โดยไม่ขาดไม่เกิน และนี่ก็คือ ความอัศจรรย์ของวิชชาธรรมกาย !!!
令人惊讶的是,她可以不间断地念经而无需通过念珠记数。一般人念经一次会滑一颗珠子,当滑完一整串念珠,相当于念了108遍经(通常一串念珠有108颗)。因为她精通法身法门,所以无需通过念珠记数。她会进入内在不间断地念108遍,够数后内在的法身会告知她,次数不多也不少,这就是法身法门的神奇之处。
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่แม่ชีนาคนั่งสมาธิอยู่ ท่านก็เห็นในญาณว่า..วันนี้ท่านจะโดนงูเห่ากัด แถมงูที่ว่านี้..จะยกพวกเลื้อยเข้าจู่โจมรุมกัดท่านที่แขนพร้อมกันทีเดียวถึง 3 ตัว!!! แถมท่านยังเห็นว่างูมันจะกัดท่านที่แขนในตำแหน่งไหนอีกด้วย ซึ่งเมื่อแม่ชีนาคเห็นดังนั้น ก็รีบบอกโยมแผ้วว่า.. “น้าๆ ฉันเห็นในญาณนะ.. ว่าวันนี้ฉันจะโดนงูกัดทีเดียว 3 ตัว” เมื่อโยมแผ้วได้ฟังดังนั้น ก็พากันไปเรียนให้หลวงปู่ทราบ ซึ่งแม่ชีนาคก็รายงานหลวงปู่ว่า “หลวงพ่อเจ้าคะ..ลูกเห็นในญาณว่า วันนี้ตอนไปเจริญพระพุทธมนต์ในป่าช้า จะโดนงูเห่ากัด 3 ตัว”
后来有一天,阿楠比丘尼在定境中看见自己将在当天被蛇咬伤,而且同时被三只眼镜蛇攻击手臂,连被咬的位置也一清二楚。她急忙告诉阿飘居士说:“舅舅,我在定境中看见自己会被三只眼镜蛇咬伤。”阿飘居士听完带她去见祖师,她如实告诉祖师说:“师父,弟子在定境中看见自己今天将在坟地那里被三只眼镜蛇咬伤。”
พอหลวงปู่ได้ฟังดังนั้น ท่านก็พูดว่า.. “มันจะทำได้เฉพาะเวลาทุ่มหนึ่ง ถ้าเลยทุ่มไปแล้วนี่ มันจะทำไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นนี่ก่อนเวลาทุ่มหนึ่ง เอ็งอย่าออกไปไหนเด็ดขาด..!! ” (ที่หลวงปู่ท่านห้ามออกไปเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่วิบากกรรมส่งผล ซึ่งถ้าช่วงนี้..เราอยู่ในที่ของเรา และก็อยู่ในธรรม วิบากกรรมมันก็จะผ่านไป)
祖师听完说:“它们只会在晚上七点时攻击你,超过七点就没有危险了,所以七点前你禁止外出。”(祖师禁止外出是因为那个时间段业障报应,若那时待在自己的住所安住于法,便可躲开此业障。)
แต่หลวงปู่ท่านก็เผื่อเหนียวไว้จึงสั่งให้โยมแผ้วไปเตรียมเรือ และให้เอาน้ำมันใส่เรือ ซึ่งโยมแผ้วก็ได้เตรียมเรือไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะสมัยนั้นต้องเดินทางกันทางน้ำ คือ ถ้าโดนงูกัด ก็จะได้รีบพาไปสถานเสาวภาได้ทันเวลา…
为了以防万一,祖师还是吩咐阿飘居士去备船,给船加满油,做好万全的准备。因为当时离开寺院的方式需经过水路,若真被蛇咬伤要立即送往医院救治。
แต่อนิจจา..เรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ก็เกิดขึ้นจนได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนแม่ชีนาคจะออกไปปักกลดเจริญพระพุทธมนต์ในป่าช้า ท่านก็พยายามดูนาฬิกาแล้วดูนาฬิกาอีก แต่ด้วยวิบากกรรมอย่างไรก็ไม่ทราบ ตาท่านลาย ทำให้มองเห็นเข็มนาฬิกาเลย 1 ทุ่มไปแล้ว ท่านถึงได้ตัดสินใจออกไป แต่จริงๆ แล้วขณะนั้นยังไม่ถึง 1 ทุ่มเลย และทันใดนั้นเองสักครู่เดียว..หลังจากที่แม่ชีนาคปักกลดเสร็จ อยู่ๆ แม่ชีนาคก็ตะโกนเสียงหลงขึ้นมาเลยว่า.. “น้าแผ้ว ๆ นี่ฉันโดนกัดแล้ว 3 ตัว !!!”
不希望发生的事情最终还是发生了,就算阿楠比丘尼在前往坟地打坐前曾仔细看过时间,但也不知道是何业障让她看走眼了。当时她以为时间已经超过晚上七点,便决定外出打坐,可事实上当时还未到晚上七点。她到了目的地后正准备坐下,却突然大声叫喊道:“阿飘舅舅,我被三只眼镜蛇咬了。”
จากนั้นจึงไม่รอช้า รีบพากันไปกราบหลวงปู่ ซึ่งสิ่งแรกที่หลวงปู่ทำก็คือ รีบมองดูนาฬิกา และก็พูดขึ้นทันทีว่า “นี่มันยังไม่ถึง 1 ทุ่มนี่” แล้วท่านก็หันไปบอกแม่ชีนาคว่า… “กูบอกมึงแล้วนะว่าให้เลยทุ่มก่อน นี่ยังไม่ถึงทุ่มเลย..!! จากนั้นหลวงปู่ก็สั่งโยมแผ้วให้ติดเครื่องพามาชีนาคใส่เรือไปส่งสถานเสาวภา
随后,他们立刻去拜见祖师,祖师抬头看了一下钟喃喃自语:“这还没到七点呢!”随后对阿楠比丘尼说:“我都告诉你过了七点再外出,现在都还没到七点!”随后,祖师派阿飘居士立刻送阿楠比丘尼去医院。
และมีอีกครั้งหนึ่งที่หลวงปู่ท่านได้เจอกับตัวเอง ในขณะที่ท่านกำลังขุดแก้วบรมจักร ซึ่งแก้วดวงนี้ หลวงปู่บอกว่า หากขุดขึ้นมาได้ จะสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งโลก โดยไม่ต้องทำมาหากิน และชาวโลกจะได้เอาเวลามาปฏิบัติธรรมอย่างเดียว ซึ่งในช่วงที่ขุดแก้วนั้น.. หลวงปู่ท่านนั่งอยู่ที่ปลายแคร่แบบหมิ่นๆ นั่งคุมพวกที่ได้ธรรมกายทำวิชชา เพื่อเรียกให้แก้วขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในนั้น.. ก็มีหลวงตาอยู่ท่านหนึ่ง ซึ่งเวลาทำวิชชาท่านก็จะตะบันหมากไปด้วยเคี้ยวไปด้วย หลวงปู่ท่านก็จะมักดุบ่อย ๆ ว่า “เดี๋ยววิชชาก็มาทันเขาหรอก” พอหลวงปู่ดุทีหนึ่ง ท่านก็หยุดตะบันทีหนึ่ง
还有一次,祖师在挖掘轮宝时也曾遇见过蛇。对于该轮宝,祖师说若能挖掘出来可以养活全世界的人,无需再为谋生犯愁,可将时间都用在修行上。当时,祖师就坐在竹床末端指挥深修者们挖掘宝轮。其中有位长老一边深修法门,一边敲捣和咀嚼槟榔,祖师经常训斥说:“等一下进度赶不上别人了。”祖师训斥一次,他就停下一次。
แต่อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ท่านนั่งตะบันหมากอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังตุ๊บ คือ มีงูเห่าตัวใหญ่ขนาดเท่าน่อง หล่นลงมาจากต้นข่อย จากนั้นเสียงตะบันหมากก็หยุดทันที หลวงปู่ท่านก็เลยสงสัยว่าทำไมวันนี้เสียงตะบันหมากหยุดไปนาน ท่านจึงหันไปดูซึ่งปรากฏว่า หลวงตาหยุดตะบันหมาก และกำลังจ้องไปที่ตางูเห่าตัวนั้น งูเห่าตัวนั้น..ก็จ้องกลับมาที่ตาของหลวงตา ซึ่งหลวงตาเล่าว่า “เราก็ตรึกอยู่ในธรรมกาย..แล้วก็จ้อง ..งูมันจะทำอะไรเราไม่ได้ แต่เราทำอะไรงูไม่ได้เหมือนกัน..”
有一天,正当这位长老在敲捣槟榔时,突然听见一声巨响,原来是一条如小腿一般粗的眼镜蛇从鹊肾树上掉下来,长老敲捣槟榔的声音也随之停止。祖师心生疑惑,心想为何今天敲捣槟榔的声音间隔很久,于是转过头去看发现长老停下手中的活,正目不转睛地盯着那条眼镜蛇的眼睛,眼镜蛇也盯着长老的眼睛。后来长老说:“我当时只能安住于法身凝视那条眼镜蛇,它无法伤害我,我也拿它没办法。”
แต่กับหลวงปู่.. ซึ่งมีวิชชาเชี่ยวชาญกว่ามาก… ทันทีที่หลวงปู่หันไปมองงู.. งูมันก็หันเปลี่ยนทิศมองมาที่หลวงปู่แทนและทันทีที่สายตาของหลวงปู่สบกับตางู โยมแผ้วก็ได้เห็นแสงสว่างพุ่งปร๊าดออกจากตาของหลวงปูเหมือนแสงจากลำไฟฉายพุ่งไปที่ตางูทันที จากนั้นงูก็ตกใจสุดขีดสะดุ้งพุ่งตัวข้ามรั้วสังกะสีหนีไปทันที
可祖师的道行更深,当他转头过去盯着眼镜蛇时,眼镜蛇也转过来盯着他。当四目相对之时,阿飘居士突然看见祖师的眼睛闪现一道光,犹如手电筒的光射向眼镜蛇的眼睛。随后,受惊的眼镜蛇立刻从铁皮栅栏仓皇逃窜。
จากนั้นหลวงปู่ท่านสั่งพวกที่ทำวิชชาว่า ให้เข้าที่ไปตามหัวหน้างู บอกหัวหน้างูไปเจรจากระจายข่าวบอกลูกน้องงูทั้งหลายว่า ให้อพยพไปจากวัดปากน้ำเสีย คือ ย้ายที่อยู่ไปเลย เพื่อขอเวนคืนที่ดินตรงนี้ให้พระ แม่ชี เขาปฏิบัติธรรมกัน นับจากวันนั้นงูก็ไม่มาอีกเลยเป็นอัศจรรย์…
后来,祖师吩咐深修者去告知领头的蛇,让它转告所有的蛇必须迁离北榄寺到别处生活,让北榄寺成为僧信修行的清净道场。自从那之后,蛇群果真神奇地消失了,不再侵扰寺中的修行者。
ขนาดลูกศิษย์รุ่นจิ๋วของหลวงปู่ยังทรงอภิญญา
สามเณรน้อย..ทำแผ่นดินไหว
小沙弥施展神通
สมัยที่หลวงปู่ยังมีชิวิตอยู่ มีคหบดีคนหนึ่ง ชื่อว่านายต่าง อยู่แถวตลาดพลู ซึ่งใกล้กับวัดปากน้ำ นายต่างคนนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิชาไสยเวทย์มาก เชี่ยวชาญถึงในระดับที่ว่า ถ้าอยากจะให้ใครมาหาที่บ้าน ก็แค่จุดธูปเรียกเท่านั้น เขาก็มาแล้ว โดยไม่ต้องโทรศัพท์ไปบอก หรือให้ใครไปตาม
祖师在世时,有位名叫阿丹的男施主,住在邻近北榄寺的菩鹿市场。他精通符咒法术,水平高到若想让别人来家里,只需点香即可,无需打电话或让人带话。
แต่อยู่วันหนึ่ง นายต่างเกิดคึกอะไรไม่ทราบ คือ อยากจะลองของ แกจึงนิมนต์หลวงปู่ไปฉันภัตตาหารที่บ้าน ซึ่งหลวงปู่ท่านก็รู้ด้วยญาณทัสสนะของท่านว่า นายต่างคิดอะไรกับท่าน ท่านจึงคิดจะปราบทิฐิมานะของนายต่างตลาดพลู และพวกที่มีทิฐิมานะมากนี้ จะต้องใช้ฤทธิ์ที่มากกว่าแสดงให้ดู เพื่อเป็นการสยบทิฐิมานะ แต่เนื่องจากการแสดงฤทธิ์เล็กๆ น้อยๆ แค่สยบทิฐิมานะของนายต่าง ไม่ต้องใช้ฝีมือถึงระดับหลวงปู่ก็เอาอยู่
有一天,他突然想炫耀自己的本领,于是邀请祖师到家中供养午膳。其实祖师早已知道其用意,但为了降服他的邪见而应邀前往。对付这种人必须要施展神通才能降服其根深蒂固的邪见。可是施展小神通以降服阿丹的邪见,其实根本不用祖师亲自出手。
ดังนั้นหลวงปู่ท่านจึงเอาแค่สามเณรตัวเล็กๆ ที่เข้าถึงพระธรรมกายไปกับท่านด้วยรูปหนึ่ง พอหลวงปู่ไปฉัน นายต่างก็เข้ามาคุยกับหลวงปู่ว่า “ผมเนี่ย!! คนอยู่ไกลๆ แค่จุดธูปเรียก ก็วิ่งอ้าวมาหาผมเลย และยิ่งไปกว่านั้นนะ.. หากเกิดไฟไหม้ ผมก็ไปยืนบนดาดฟ้า เอาธงอันเล็กๆ โบกไปโบกมา แป๊ปเดียวเท่านั้นไฟก็ดับได้…และหลวงพ่อละครับ เก่งทางไหน เก่งยังไงบ้าง ไหนแสดงอภินิหารให้ผมดูบ้างสิ เพราะผมได้ยินกิตติศัพท์หลวงพ่อมานานแล้ว”
后来,祖师带着一位证得法身的小沙弥前往。用完午膳后,阿丹在聊天中对祖师说:“住在很远的人,我只需点一炷香,他就会自动来找我。更厉害的是若发生火灾,我站在天台挥动一面小旗子,火立刻就熄灭。师父擅长哪方面呢?施展给我看一下吧!我早就听闻您的大名了。”
เมื่อนายต่างพูดจบ หลวงปู่ท่านจึงหันไปหาลูกศิษย์ตัวกระเปี๊ยกคือ สามเณรตัวเล็กๆ ที่พามาด้วย โดยบอกว่า… “เณร..นายต่างเขาอยากดูอภินิหาร เณรทำให้ดูหน่อย”จากนั้นเณรก็นั่งสมาธิไปแค่พักเดียว ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง อยู่ๆ บริเวณบ้านของนายต่างก็เกิดแผ่นดินไหว บ้านตึกที่แกอยู่ก็โคลงเคลง ส่วนกรงนกที่เขาแขวนเรียกกันอยู่ ก็แกว่งไปแกว่งมาชนกันก๊งๆ เก๊งๆ
阿丹刚说完,祖师就转身对随行的小沙弥说:“沙弥,阿丹居士想看神奇之事,你就给他展示一下吧!”随后,沙弥席地打坐,几分钟之后突然发生地震,阿丹的房子不停晃动,家里的东西也纷纷噼里啪啦地掉落地上。
ส่วนนายต่างก็ทรงตัวไม่อยู่ เซไปเซมา ต้องจับโน่นจับนี้ จนร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจว่า…”พอๆ ๆ พอได้แล้วครับ…หลวงพ่อ..!!” จากนั้นก็ก้มกราบหลวงปู่ กราบสามเณรก้นกระดกเลย (การทำแผ่นดินไหวของสามเณร เป็นการไหวเฉพาะจุด คือ ไหวเฉพาะบ้านนายต่างเท่านั้น คือไหวแบบไม่มีพิษ มีภัย ไหวเพื่อละทิฐิมานะของนายต่างตลาดพลู)
阿丹自己也站立不稳,身体东摇西摆,双手慌乱寻找扶手,紧接着惊叫道:“够了,够了,可以了师父。”随后,他恭敬地向祖师和沙弥三顶礼。(沙弥施展神通产生的地震只是局部的,即只有阿丹的房子发生震动,没有对周围产生任何危害,这样只是为了降伏阿丹的邪见。)
นับจากนั้นนายต่างก็ยอมสยบ ยอมลดทิฐิ ยอมรับและศรัทธาหลวงปู่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตอนหลังนายต่างก็ยอมมาปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิกับหลวงปู่ และกลายมาเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของวัดปากน้ำเลยทีเดียว เรื่องนี้..เป็นเรื่องที่นายต่างประทับใจและเล่าต่อๆ มาจนชั่วลูกชั่วหลานของนายต่าง เพราะหลานของนายต่างตลาดพลู ก็ได้มาเล่าเรื่องนี้ให้หลวงพ่อธัมมชโยฟัง
从此以后,阿丹不仅断除邪见,而且非常推崇和净信祖师。后来,他还跟祖师学习打坐,成为护持北榄寺的重要力量。他对这件事刻苦铭心,经常讲给子孙后代听。后来,他的孙子又将这件事转述法胜大师。
การทำแผ่นดินไหวเฉพาะจุดนี้ เป็นความสามารถเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกที่เชี่ยวชาญในวิชชาธรรมกาย ขนาดสามเณรน้อย ๆ ระดับลูกศิษย์ ยังทำได้ขนาดนี้แล้วหลวงปู่..ที่เป็นถึงระดับอาจารย์ จะมีความสามารถขนาดไหน ก็ลองคิดดูกันเอง !!!
让局部地区发生地震只是精通法身法门者的一个小本领,身为祖师弟子的小沙弥就有这般水平,那么作为导师之祖师的水平有多高大家可想而知。
สามเณรน้อย..ตาทิพย์
小沙弥的天眼
พระครูภาวนากิตติคุณ (วัดเกษมจิตตาราม จ.อุตรดิตถ์ ท่านเล่าว่า สามเณรประพัฒน์ (วัดปากน้ำ) ที่ได้ธรรมกายท่านเล่าให้สามเณรวัดตะเคียนฟังว่า ตัวเองได้ไปเรียนวิชากับหลวงปู่วัดปากน้ำ และได้ไปดูสวรรค์มา พอสามเณรวัดตะเคียนฟังเสร็จก็ไม่เชื่อ จึงพูดขึ้นว่า “กูไม่เชื่อมึงหรอก ว่ามึงจะได้วิชชาจริงรึเปล่า งั้นให้ลองดูซิว่า พระที่อยู่ในย่าม (ของสามเณรวัดตะเคียน) มีกี่องค์ในย่ามมีพระเยอะแต่ไม่เคยนับ”
程逸府格玛吉达兰寺的帕瓦那吉迪昆长老曾讲过一个故事:住在北榄寺证得法身的巴拉盼沙弥告诉住在达肯寺的沙弥说:“我跟随北榄寺祖师修习法门时曾游历过天界。”达肯寺的沙弥听完说:“我不相信你真的证得法身,不然你告诉我达肯寺的包包里面有多少位出家人尊佛牌,我从来没数过。”
และพอสามเณรประพัตน์เข้าสมาธิไปดูเสร็จ ก็ตอบว่า “ร้อยกับสององค์ จากนั้นจึงได้เทพระในย่ามออกมานับ ปรากฏว่า มีร้อยกับสององค์ ไม่ขาดไม่เกินจริง ๆ ซึ่งพอสามเณรเห็นกับตาตัวเองแบบนี้ ก็แทบจะกราบสามเณรประพัฒน์เลยที่เดียว จากนั้นสามเณรวัดตะเคียนก็พูดขึ้นว่า “นึกว่าวิชชาวิปัสสนาหมดไปแล้ว นึกว่าวิชชามรรคผลไม่มีใครเขาทำได้แล้ว” ด้วยเหตุนี้เอง สามเณรวัดตะเคียนก็เลยขอเดินทางไปเรียนวิชชาธรรมกายกับหลวงปู่ที่วัดปากน้ำบ้าง…
巴拉盼沙弥立刻打坐入定,然后说:“一百零二位”。后来证实不多不少正好是一百零二位出家人。至此,达肯寺的沙弥不得不由衷佩服并顶礼巴拉盼沙弥,随后说道:“我以为止观禅法已经消失,没有人再懂得趣向道果之法门。”后来,达肯寺的沙弥还常前往北榄寺随祖师修习法身法门。
แตงโม..ออกลูกพึ่บพั่บอัศจรรย์
神奇的西瓜
ครั้งหนึ่ง..มีชาวไร่คนหนึ่งขนแตงโมผลเล็ก ๆ จากไร่ของตัวเอง จาก จ.สุพรรณบุรี มาเลี้ยงพระที่วัดปากน้ำ พอมาถึงก็มากราบเรียนถามหลวงปู่ด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจว่า “แตงโมไร่ของกระผม มันไม่ค่อยออกลูกเลย” พอหลวงปู่ฟังเสร็จ ท่านก็บอกว่า “เออ..กลับไป จะขนกันไม่ไหวล่ะวะ”
有一次,素攀府的一位农民从自家农场运来一批小西瓜供养北榄寺的僧团。当他来到寺院便心急如焚地去拜见祖师说:“我地里种的西瓜苗很少结果。”祖师听完说:“嗯,那回去后会有搬不完的西瓜。”
พอได้ยินหลวงปู่พูดแบบนี้ ชาวไร่คนนั้นก็กราบเรียนถามด้วยความสงสัยว่า “แต่ผมดูแล้ว..มันไม่มีนะครับ มันไม่ออกลูกเลยมันไม่งาม ซึ่งถ้ามี..ลูกมันก็จิ๊ด ๆ คือ ลูกเล็กนิดเดียวเท่านั้นครับ”
他听到祖师如此回答,满脸疑惑地追问道:“但我看过了没有呀,西瓜苗不太结果,就算结果,果实也不大。”
แต่หลังจากวันนั้น พอชาวไร่กลับไปบ้าน และเดินออกไปดูที่ไร่ อยู่ ๆ แตงโมเกิดเป็นอะไรไม่รู้ คือ จากเดิมที่ไม่มีลูก มันก็ทยอยออกลูกกันอย่างไม่มีเหตุผล พอพลิกไปดูใต้ใบมีลูกติดใต้ใบเต็มไปหมด โดยออกผลแบบพึ่บพั่บ จนตอนหลังต้องขนแตงโมลูกใหญ่ ๆ ไปขายกันไม่หวาดไม่ไหวจริง ๆ อย่างที่หลวงปู่พูดไว้ทุกประการ จนชาวไร่แตงโมคนนั้นต้องกลับมากราบขอบคุณหลวงปู่ยกใหญ่ และรายงานให้ท่านฟังด้วยความร่าเริงเบิกบาน…
可是那天他回去后,来到农场看西瓜时却神奇地发现原本无缘无故不太结果的瓜苗,现在翻开瓜叶却是硕果累累,而且果实硕大。这一切皆如祖师所言,他种的西瓜果真大丰收,源源不断地运往市场卖。后来,他还专程来感谢祖师,兴奋地将事情一五一十地告知祖师。
สยบ..กองทับหนูทำลายนาข้าว
防治鼠害
ในสมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ มีเศรษฐีตระกูลหนึ่ง ชื่อ ตระกูลรุ่งแสง เป็นเจ้าของที่นา แถวบางนา กรุงเทพฯ ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากกองทัพหนูได้เข้ามากัดกินข้าวในนาจนเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก รวมทั้งเกษตรกรที่เป็นเจ้าของนาข้าวแถวนั้น ก็ได้รับความเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า จนทำให้ต่างคนต่างกำจัดหนู ฆ่าหนูด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา แต่ยิ่งฆ่าก็เหมือนยิ่งยุ คือผืนนาไหนที่มีคนทำร้ายหนูมาก หนูมันก็ยกพวกมารุมกินข้าวจนหมดแบบไม่เหลือเลย และด้วยเหตุนี้เอง เศรษฐีตระกูลรุ่งแสงผู้นี้ จึงมากราบเรียนปรึกษาหลวงปู่ เพราะไม่มีปัญญาจะจัดการกับหนูแล้ว ซึ่งท่านก็บอกกลับไปว่า“เอ็งอย่าไปฆ่าหนูนะ แต่เอ็งไปยืนอยู่ที่คันนา แล้วจุดธูปพูดกับมันดีๆ ว่า ให้แบ่งกันกิน..แล้วก็เหลือไว้บ้าง อย่ากินหมด จะได้เอาไว้เลี้ยงพระบ้าง เอาไว้ทำบุญบ้าง เอาไว้เลี้ยงชีวิตบ้าง แล้วก็เอาธูปปักไว้ตรงนั้น”
祖师在世时,有一个陆氏家族的富豪,在曼谷邦那区有一大片农田。但因老鼠偷吃稻谷而造成了严重的损失,包括当地农民的稻田也遭受很大的破坏,以至于他们不得不用尽各种手段捕杀老鼠。可惜适得其反,如果哪片田捕杀的老鼠越多,那片田就被老鼠糟蹋越严重,田里的稻谷被吃得一干二净。那位陆氏家族的富豪觉得自己已无能为力,只好来求助祖师。可是祖师说:“你无需捕杀老鼠,只需站在田埂上点香,然后对老鼠说应该要相互分享,留下一些稻谷不要全部吃光,因为要拿一些去供养出家人和修功德,还有留下一些过日子,最后将香插在田埂上。”
จากนั้นหลวงปู่ท่านก็เข้าไปสั่งงานในโรงงานทำวิชชาว่า “ให้ไปตามหัวหน้าหนู แล้วสั่งหัวหน้าหนูให้กระจายข่าวออกไปถึงบรรดาลูกน้องหนูด้วยว่า ที่นาตระกูลรุ่งแสงให้กินแค่นิดหน่อยพอ อย่าไปทำลายนาข้าวของเขา ให้เหลือไว้ให้เจ้าของเค้าทำบุญ เอาไว้ให้เขาขายเลี้ยงชีพบ้าง”
随后,祖师进入深修工厂告诉深修者去找老鼠的头领,让它告知所有老鼠不要再去破坏富豪的稻田,吃一点稻谷就好,留一些给富翁拿去修功德和过日子。
นับจากนั้น ก็มีเรื่องประหลาดสุดๆ เกิดขึ้นจริงๆ เพราะนาข้าวแถวย่านบางนาทั้งหมด โดยกองทัพหนูบุกทำลายกัดกินข้าวจนเหี้ยนเตียนแทบไม่เหลือเลย ยกเว้นนาข้าวของเศรษฐีตระกูลรุ่งแสง ที่โดนกองทัพหนูกัดกินไปแค่ 1 งานเท่านั้น
之后,不可思议的事情发生了,邦那区当地农民种的稻谷全部被老鼠吃精光,唯独那位富翁的稻谷损失最低,只被老鼠吃掉400平方米的稻田。
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ปีนั้นเศรษฐีตระกูลรุ่งแสงคนนี้ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากนาข้าวส่วนที่ไม่ถูกหนูกินได้มาก และกลายเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ ที่มีข้าวขายเป็นจำนวนมากอยู่เจ้าเดียวในช่วงนั้น จนทำให้เงินทองไหลมาเทมาร่ำรวยขึ้นไปอีก และเศรษฐีตระกูลรุ่งแสงคนนี้ ก็ได้มาทำบุญเลี้ยงพระที่วัดปากน้ำ และเป็นอุปัฏฐากคนสำคัญคนหนึ่งของหลวงปู่วัดปากน้ำในสมัยนั้น…
基于此因,那年富翁种的稻田大丰收,收获了许多稻谷,并通过出售稻谷得到了一笔可观的财富。后来,这位富翁常来北榄寺供养斋僧,成为当时北榄寺很重要的护法。
แปลงร่างเป็นยักษ์กับเรียนวิชชาแปลงเพศ
变幻术
เรื่องนี้..เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับญาณทัสสนะที่หลวงปู่สามารถหยั่งรู้ได้อย่างเหลือเชื่อว่า ลูกศิษย์ของท่านไปทำอะไร..ที่ไหน..อย่างไร…!! อย่างเรื่องของ คุณยายทองสุข สำแดงปั้น ซึ่งท่านเป็นแม่ชีที่ทำวิชชาปราบมารกับหลวงปู่ อีกทั้งยังเป็นมือเผยแผ่วิชชาธรรมกายมือหนึ่งของหลวงปู่อีกด้วย
这个故事主要是讲祖师的知见,真令人难以置信,无论弟子去哪里做什么事,他都了如指掌。譬如通素奶奶,她既随祖师修习降魔法门,也是弘扬法身法门的重要弟子。
เรื่องราวต่อไปนี้..เป็นเรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่คุณยายทองสุขเข้าถึงธรรมแล้ว และเริ่มเรียนวิชชาธรรมกายกับหลวงปู่ใหม่ๆ ซึ่งคุณยายทองสุขถึงกับพูดว่า “ช่วงนั้น..มันช่างอยากรู้อยากเห็นไปเสียทั้งนั้น..!!!”
接下来这个故事是通素奶奶在证法后发生的事情,其实通素奶奶在随祖师深修法门初期对一切都无比好奇。
ด้วยความอยากรู้อยากลองของคุณยายทองสุขนี้เอง ท่านจึงมักแอบหลวงปู่ไปเที่ยว และการไปเที่ยวของท่านก็ไม่ได้ใช้กายมนุษย์หยาบไปหรอก แต่ท่านไปด้วยสมาธิ(Meditation)ญาณของท่าน และปกปิดไม่ให้หลวงปู่รู้ เพราะกลัวหลวงปู่ดุ..หาว่าไม่ตั้งใจแก้ทุกข์ภัยมนุษย์ ในขณะที่อยู่เวรในโรงงานทำวิชชา แต่ที่ไหนได้..แม้คุณยายทองสุขจะแอบไปอย่างแนบเนียนมากขนาดไหน หลวงปู่ก็จับได้ทุกทีเพราะหลวงปู่สามารถรู้ได้ด้วยญาณทัสสนะของท่าน
基于好奇心,通素奶奶经常偷溜出去玩。但她游玩的方式不是透过色身去游山玩水,而是通过入定的方式去游玩,且不想让祖师知道,因为担心祖师骂她不专心为人类消除疾苦。可无论她用什么方式偷偷出去玩,祖师皆可以透过知见了知一切。
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นหลวงปู่ท่านกำลังคิดจะสร้างโรงเรียนพระปริยัติ ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ทำให้คุณยายทองสุขเป็นกังวลแทนหลวงปู่ว่าจะไปหาเงินมาจากไหน แต่หลวงปู่ท่านก็บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกไอ้สุข..โคตรทองยังมี..เอ็งยังไม่เคยเห็น..!!!”
有一次,祖师打算建一座巴利文学校,需要筹集一大笔资金。通素奶奶担心筹不到钱,可祖师却说:“阿素,没关系,还有一块大金块,只是你没见过。”
พอหลวงปู่พูดประโยคนี้ออกมาเท่านั้นเอง คุณยายทองสุขอยากรู้อยากเห็นมาอย่างแรงว่า..โคตรทอง..อยู่ไหน..หน้าตาเป็นยังไง!!! จากนั้นท่านก็ไม่รอช้า แอบไปตามหาโคตรทองในสมาธิญาณของท่านอยู่หลายครั้ง แต่หาเท่าไรก็หาไม่พบ จนสุดท้ายท่านหมดปัญญา จึงแอบไปถามม้าแก้ว ถึงได้รู้ว่า โคตรทองอยู่ในถ้ำ..ทางทิศตะวันออก.!!!
祖师刚说完,通素奶奶就好奇的想知道大金块在哪儿,长什么样?后来,她多次入定去寻找大金块却没有找到。她实在没办法只好偷偷问宝马,最后知道大金块就在东边的洞穴里。
จากนั้นคุณยายทองสุขก็ให้ม้าแก้วช่วยไปหาถ้ำของยักษ์แต่หาเท่าไร..ก็หาไม่เจอสักที แต่สิ่งที่เจอก็คือ พระภูมิเจ้าที่ขี่เสือ คุณยายทองสุขท่านก็เลยถามพระภูมิว่า “ถ้ำที่มีโคตรทองอยู่ตรงไหน.?” ซึ่งพอพระภูมิเจ้าที่ชี้ทางให้ คุณยายทองสุขก็ไม่รอช้ารีบขี่ม้าแก้วเหาะไปตามทางนั้น
随后,通素奶奶让宝马带她去寻找那个有夜叉守卫的洞穴,但怎么也找不到,却巧遇骑着老虎的土地神。通素奶奶问土地神:“藏着大金块的洞穴在哪儿?”土地神给她指了一条路,随后她就骑上宝马一路飞奔而去。
และทันใดนั้นเอง !!! ท่านก็ได้มาเจอปากถ้ำยักษ์จนได้จากนั้นท่านก็รอให้ยักษ์หน้าโฉด 2 ตน เดินออกไปที่อื่นก่อน และพอยักษ์ออกไปแล้ว ท่านก็ฉวยโอกาสเข้าไปผลักประตู เพื่อจะบุกเข้าไปในถ้ำทันที แต่อนิจจา..โชคไม่เข้าข้าง..เนื่องจากประตูล็อค แต่จู่ๆ ..ก็มีเสียงเจ้าลิงจ๋อ..โผล่มาจากไหนก็ไม่ทราบ คุณยายทองสุขก็เลยถามเจ้าลิงจ๋อตัวนั้นว่า “กุญแจอยู่ที่ไหน..ช่วยหยิบให้หน่อยเถอะพ่อลิง..!!” และพอเจ้าลิงเอากุญแจมาให้ ท่านก็เลยไขบุกเข้าไปในถ้ำนั้นได้ โดยเดินเข้าไปถึงถ้ำในชั้นที่ 3
不久,通素奶奶找到了洞穴的大门,静等两个看上去好像有点愚笨的夜叉先离开洞穴。当两个夜叉离开后,她伺机推开门想闯入洞穴中,可惜门锁住了。这时候,不知道从哪儿冒出一只猴子,通素奶奶便问猴子:“小猴,钥匙在哪?请帮我拿一下。”随后,猴子取来钥匙,通素奶奶用钥匙打开大门,一路走到洞穴的第三层。
และทันใดนั้นเอง..ท่านก็ไปเจอที่เก็บโคตรทองจริงๆ ซึ่งโคตรทองก้อนนี้..ใหญ่โคตรๆ เลย ใหญ่ขนาดเท่าสุ่มไก่ และรอบๆ โคตรทองนั้น ก็รายล้อมไปด้วยทองก้อนขนาดเท่าบาตรบ้าง ขนาดเท่าขันบ้าง ขนาดเท่ากำปั้นบ้าง เรียงรายกันอย่างมากมาย โดยแข่งกันเปล่งประกายวาววับจับตา จนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคุณยายทองสุขแบบสุดๆ และเป็นที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ แต่ละก้อนจะมีชื่อติดอยู่ทั้งหมด แต่เนื่องจากคุณยายทองสุขท่านอ่านหนังสือไม่ออก ท่านจึงไม่รู้ว่าเขาเขียนว่าอะไร แต่ท่านก็ไม่สนใจ หยิบทองขึ้นมาพิจารณา พร้อมกับปิ๊งไอเดียขึ้นมาแบบฉุกละหุกว่า “ทองนี้..อยู่ที่นี่เฉยๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ควรจะเอาไปขายเพื่อเอามาช่วยหลวงพ่อวัดปากน้ำสร้างโรงเรียน”
随后,通素奶奶果真看见一块硕大的金块,就像鸡笼罩一般大。周围还散落着许多大小不一的金块,有的大如僧钵或水勺,有的小如拳头,闪闪发光,令她大开眼界。值得注意的是,所有金块上都印有名字,只是通素奶奶不识字,不知道是什么意思。但她也没有在意,一边拿起金块,一边心想:这些金块放在这也没用,不如拿回去供养师父修建巴利文学校。
และเมื่อคิดดังนั้น..คุณยายทองสุขก็ไม่รอช้า ตะโกนถามมาทันทีว่า “ทองของใคร ๆ ๆ ??” ซึ่งท่านก็ตะโกนถามถึง 3 ครั้ง เมื่อไม่มีเสียงตอบ ท่านจึงทำการอุกอาจหยิบทองก้อนที่พอเหมาะ ขนาดเท่าขันล้างหน้า ที่ท่านคิดว่าหากขายแล้วจะพอเอามาสร้างโรงเรียน จากนั้นก็ออกมาจากถ้ำ เพื่อขี่ม้าแก้วเหาะกลับไป..
如此想后,她便大声问道:“这是谁的金块。”连续问三遍也无人应答后,她拾起一块如水勺般大小的金块,打算带回去卖了拿钱建学校。随后,她想赶忙走出洞穴骑宝马离开。
แต่เรื่องมันไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งอย่างนั้นหรอก เพราะจู่ๆ ..ก็มีเสียงยักษ์ตะโกนโวยวายไล่หลังมาว่า “ขโมยๆ หยุดก่อน..!!” จากนั้นก็เกิดการถกเถียงกันยกใหญ่ โดยคุณยายทองสุขท่านก็ตอบปฏิเสธไปว่า “ฉันไม่ได้ขโมยนะ..เพราะฉันตะโกนถามแล้วไม่เห็นมีใครเป็นเจ้าของ ก็เลยจะเอาไปขายเพื่อเอาเงินมาสร้างโรงเรียนกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ”
可事情没有那么顺利,后面传来了夜叉地叫喊声:“小偷,停下来。”双方争论起来,通素奶奶否认说:“我不是小偷,因为我大声问了没人应答,便想带回去卖了拿钱供养师父修建学校。”
ซึ่งยักษ์ก็ตอบว่า “ก้อนนี้..มันไม่ใช่ก่อนที่จะเอาไปทำบุญกับหลวงพ่อ เค้ามีชื่อติดไว้..ไม่เห็นรึ.?” คุณยายทองสุขท่านจึงบอกว่า “ก็ฉันอ่านไม่ออกนี่..” ยักษ์ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับว่า “ฉันต้องรักษาทองพวกนี้ไว้ เพื่อรอเจ้าของ เพราะทองเหล่านี้เป็นทองที่เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ใจบุญเขาทำบุญสั่งสมเอาไว้ทีละเล็กละน้อย…”
夜叉说:“这块不是供养师父的金块,上面贴有名字,没看见吗?”通素奶奶答说:“我不识字。”夜叉听完说:“我要保护这些黄金等待它的主人,因为这些黄金是其主人一点一滴累积善业的果报。”
ขณะที่กำลังเถียงกันนั่นเอง จู่ๆ ..ก็มียักษ์ตัวใหญ่หน้าโฉดรุ่นเดอะ..ที่เป็นหัวหน้ายักษ์วิ่งไล่ตามมา แล้วก็ตะโกนลั่นว่า “เอาให้ตายเลย..ๆ!!!”
在双方争论之际,突然有个身材魁梧的夜叉头领追赶过来,并大声叫道:“把她弄死。”
จากนั้นก็วิ่งเอาตะบองไล่ฟาด ก็มีเสียงดังลั่นที่ทรงพลานุภาพแบบสุด ๆ จากไหนก็ไม่ทราบตะโกนขึ้นมาว่า “หยุด!!!” และด้วยเสียงนี้ทำให้ยักษ์หยุดฟาดทันที..จากนั้นคุณยายทองสุขก็รีบขี่ม้าแก้วกลับเข้าร่างที่อยู่ในท่าสมาธิอย่างบัดดล
当夜叉紧追不舍时,不知从哪里传出震耳欲聋地呐喊声:“停住”。这个声音当下镇住了夜叉,通素奶奶随即骑上宝马进入入定的色身。
ทันใดนั่นเอง อยู่ ๆ ..หลวงปู่ท่านก็ดุขึ้นขณะที่นั่งทำวิชชาว่า “ไอ้สุข..เอ็งไปไหนมา??” เอ็งชักจะเหลวไหลมากไปแล้วนะ..ไปลักทองเค้ามา เอ็งคิดว่าพ่อไม่รู้รึ..!! เจ้าของเค้ามาฟ้อง.. นี่ถ้าพ่อไม่ช่วยไว้ ป่านนี้เอ็งหัวบี้แบนไปแล้ว ซุกซนไม่เข้าเรื่อง..” และจากการที่คุณยายทองสุขโดนหลวงปู่ดุเสียยกใหญ่ บวกกับรู้สึกเจ็บใจที่ยักษ์มาฟ้อง หนำซ้ำยังพลาดท่าโดนยักษ์ไล่ฟาดมาเสียสะบักสะบอมถีงเพียงนี้ ท่านจึงคิดว่าจะแอบหลวงปู่กลับไปจัดการกับยักษ์ใหม่
这时,深修者们正在安静地打坐,祖师却突然严厉地问道:“阿素,你去哪儿了。你胡闹,去偷别人的金块,你以为我不知道吗?对方来告状,如果不是我出手相助,现在你可能已经身首异处了,真是糊涂呀!”通素奶奶被祖师痛斥一番,加上被夜叉告状和追袭,所以她想满过祖师再去找夜叉报仇。
แต่คราวนี้…คุณยายทองสุขท่านไปโดยไม่ใช้กายละเอียดที่เป็นร่างมนุษย์เหมือนครั้งก่อน เพราะม้าแก้วนำเสนอท่านว่า ให้แปลงเป็นยักษ์ จะได้ดูโหดๆ หรือดูน่ากลัวๆ หน่อย จะได้สู้กับเขาได้จากนั้นท่านก็นึกแปลงร่างอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่น่ากลัวสักทีเพราะก่อนแปลงท่านไปนึกมโนภาพเป็นยักษ์ที่อยู่ในหนังสือพรหมชาติ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายท่านก็เปลี่ยนมานึกถึงยักษ์จอมโหด..ตัวที่ไล่ตะเพิดเอาตะบองฟาดท่านมา
这次通素奶奶不像此前将细人身化身为人身,因为宝马建议她化身为夜叉,那样看起来比较凶狠和吓人,才能战胜对方。后来,她多次试图化身为夜叉的模样,但外表看起来不太吓人。最后一次,她化身为上次追袭自己的那个夜叉头领的模样。
พอนึกเสร็จ ทันใดนั้น..กายละเอียดของคุณยายทองสุขเปลี่ยนเป็นยักษ์ผู้ชาย หน้าตาโหด – โฉด – เหี้ยมทันที จากนั้นท่านก็ขี่ม้าแก้วเหาะไปยังปากถ้ำที่เป็นเป้าหมาย เมื่อไปถึงก็ไม่รอช้ารีบยกตะบองเคาะประตูถ้ำดังตูมๆ !!! โดยคิดในใจว่า ถ้าเจ้ายักษ์ตัวที่ไล่ฟาดเราเปิดประตูออกมา เราจะเอาตะบองที่ถืออยู่ในมือฟาดเพื่อแก้แค้นทันที แต่ก็ผิดคาด เพราะผู้ที่เปิดประตูกลับเป็นภรรยาแสนสวยของยักษ์ ที่กำลังอุ้มลูกยักษ์..ผู้น่ารักน่าเอ็นดู ออกมาพร้อมกับการแสดงอาการดีใจ แล้วบอกลูกที่อุ้มอยู่ว่า “ลูกจ๊ะ..พ่อหนูกลับมาแล้ว ๆ ..” และเพื่อให้แนบเนียน คุณยายทองสุขจึงสวมรอยทำตัวประดุจเป็นสามีของนางยักษ์ ที่คอยปรนนิบัติเอาอกเอาใจคุณยายทองสุขเป็นอย่างดีนี้เอง ก็เลยทำให้ท่านเกิดรู้สึกหวั่นไหว นึกหลงรักนางยักษ์ขึ้นมานิดๆ แต่เนื่องด้วยภารกิจที่เป็นเป้าหมายหลักที่อยู่ในใจท่านก็เลยใช้กุศโลบายพูดให้นางยักษ์พาไปดูที่เก็บโคตรทอง และถามถึงความเป็นมาของทองทั้งหมด
在意念瞬间,通素奶奶的细人身化身为身材魁梧外表凶残的男夜叉。随后,她骑上宝马向洞穴飞奔而去。到达目的地后,她一边拿出铁棒猛敲洞穴的大门,一边心想:若是夜叉头领开门,必用手中的铁棒报仇雪恨。但出乎意料的是开门的却是夜叉头领的美丽妻子,手里还抱着小夜叉。相见那一刻,女夜叉十分高兴,对怀里的小夜叉说:“孩子,你父亲回来了。”为了不暴露身份,通素奶奶只好假装迎合女夜叉。对方的殷勤使通素奶奶内心有些动摇,感觉有点怜惜对方。但为了顺利完成此行的任务,她随即利用法术迷惑女夜叉,让其带去收藏金块的地方并问及所有金块的由来。
ซึ่งสรุปได้ว่า..โคตรทองอันใหญ่สุดนั้น..เป็นของหลวงปู่วัดปากน้ำ คือ เมื่อชาติก่อน ๆ ท่านเคยทำบุญเป็นจำนวนมากไว้กับลูกศิษย์ ซึ่งพอรวมๆ กันเข้าก็กลายเป็นทองก้อนใหญ่ คือ เมื่อท่านทำบุญแล้ว..สายสมบัติเก่าก็จะไปเชื่อมกับสายสมบัติใหม่ ซึ่งคนที่ช่วยหลวงปู่ท่านทำบุญ ก็จะรวยขึ้น..มีเงินทำบุญต่อไปอีก
后来通素奶奶得知,最大那块金块是北榄寺祖师累世勤修功德的果报,经过一点一滴地累积才形成这样的大金块。当祖师修功德后,新功德自然会连接旧功德,而随祖师修功德的人也会越来越富裕,有更多的钱修功德。
ขณะที่กำลังถามถึงความเป็นมาเรื่องทองอย่างเพลิดเพลินอยู่นั่นเอง ก็มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกจนได้..เพราะอยู่ๆ ม้าแก้วที่รออยู่หน้าถ้ำก็ร้องดังขึ้น และด้วยเสียงนี้..คุณยายทองสุขจึงรีบขอนางยักษ์ออกไปดูหน้าถ้ำเพียงลำพัง ซึ่งก็ปรากฏว่า ยักษ์ผู้เป็นสามีตัวจริงและเพื่อนยักษ์ 3 -4 ตน ได้แห่กันกลับมาแล้ว!!!
在问及金块的来龙去脉时,突然发生了意想不到的事,守在洞口的宝马突然大叫起来。随着叫喊声地传来,通素奶奶立刻赶往洞口一探究竟。结果她发现女夜叉的丈夫带着三四个手下回来了。
เมื่อคุณยายทองสุขเห็นดังนั้น ก็ตกใจ รีบกระโดดขี่ม้าแก้วและเหาะกลับด่วนที่สุด พร้อมกับยังรู้สึกผูกพันอาลัยอาวรณ์นางยักษ์และลูกน้อยประดุจการจากภรรยาของตัวเองมาจริงๆ ซึ่งพอกลับมาถึง หลวงปู่ท่านก็รู้ในที่ จึงรีบดุขึ้นทันทีว่า “ไอ้สุข..เอาอีกแล้ว…เอ็งไปเป็นชู้เมียเขามารึ???”
面对此情形,通素奶奶内心有点惊慌,立刻骑上宝马离开,可是却对女夜叉和怀中的孩子有点不舍,仿佛是自己的亲人一般。安全回来后,祖师痛斥道:“阿素,又来了,你去招惹他人的妻子吗?”
คุณยายทองสุขจึงรีบแก้ตัวด้วยเสียงอ้ำอึ้งว่า “เปล่า..เจ้าค่ะ..ลูกเปล่าจริงๆ” จากนั้นหลวงปู่ท่านก็หัวเราะและนึกสนุก..ถามขึ้นใหม่ว่า “ไอ้สุข..เอ็งเป็นผู้ชายไหมล่ะ!!!” คุณยายทองสุขรีบตอบด้วยความดีใจว่า “อยากเจ้าค่ะ..ลูกอยากเป็นผู้ชายเจ้าค่ะ..”
通素奶奶立刻低声地辩解说:“没有,师父,我真的没有。”随后,祖师笑着问道:“阿素,你想成为男人吗?”通素奶奶兴奋地说:“是的师父,我想成为男儿身。”
จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ให้เข้าที่สาวไปหาเหตุจนเจอเครื่องที่ทำให้กลายเป็นผู้หญิง แล้วท่านก็บอกวิธีการในการแปลงเพศว่า “งั้น..เอ็งเดินเครื่องเข้าสิไอ้สุข เก็บให้หมดเลย..” (คือ ถ้าเข้าถึงพระธรรมกาย แล้วได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย จะเห็นว่าเครื่องที่ทำให้เป็นผู้หญิงอย่างหนึ่ง เครื่องที่ทำให้เป็นผู้ชายอย่างหนึ่ง..เครื่องจะหมุนไปคนละอย่าง โดยรอบของการหมุนจะไม่เท่ากัน
随后,祖师让她入定探索成为女人的原因,并告知转变性别的方法:“阿素,你入定进去将所有导致成为女人的业力全部清除。”(证入法身后,可透过深修法身法门得知转变成男人或女人的不同方式,譬如转向的次数各不相同。)
จากนั้นคุณยายทองสุขก็เดินเครื่องกลับให้กลายเป็นผู้ชายซึ่งท่านทำอยู่นานถึง 3 เดือน ในระหว่างนั้น หลวงปู่ก็คอยถามอยู่เสมอว่า “ไอ้สุข..เปลี่ยนรึยังวะ” และพอใกล้ๆ จะสำเร็จคุณยายทองสุขก็บอกว่าหลวงปู่ว่า “เกือบแล้วเจ้าค่ะ”
后来,通素奶奶历经三个月地精进修习,终于如愿以偿转变为男人。在此期间,祖师常问道:“阿素,转变了吗?”在即将成功时,通素奶奶说:“师父,快成功了。”
จนในที่สุด..รุ่งเช้าวันหนึ่ง คุณยายทองสุขก็รีบมาเล่าให้คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฟังว่า “อีก้างเอ้ย กูเป็นอยู่คืนหนึ่งว่ะ..เป็นจริง ๆ แต่กูไม่คุ้น กูเลยทำกลับมาเหมือนเดิม…”
后来的一天清晨,通素奶奶告诉詹老奶奶说:“小詹,我成功转变了性别,只是不习惯,所以又变回来了。”
นี่แหละ คือ ความมหัศจรรย์ของวิชชาธรรมกาย ที่หลวงปู่ท่านสอนคุณยายทองสุข อีกทั้งวิชชาอื่น ๆ ที่คุณยายทองสุขเรียนมาจากหลวงปู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำวิชชาปราบมาร การไปนรกสวรรค์วิชชาแปลงเพศ การแปลงร่างเป็นยักษ์ ดับดาว ทำจันทรคราสก็เลยทำให้คุณยายทองสุขถึงกับพูดเอาไว้ว่า“เกิดมาชาตินี้..จะหาครูบาอาจารย์ได้อย่างเจ้าคุณหลวงพ่อไม่มีอีกแล้ว ท่านเป็นสงฆ์ที่เหนือธรรมดา เพราะท่านสามารถนับเม็ดทรายได้ สามารถเดินฌานสมาบัติในเม็ดทราย เดินฌานสมาบัติในกระจก เดินฌานสมาบัติในหิน เข้านิโรธแทรกในหินได้ นับเม็ดฝน ที่ตกลงมาในอากาศได้ ซึ่งครูบาอาจารย์ที่สอนวิชชาเหล่านี้ได้ก็เห็นจะไม่มีอีกแล้วในทั่วราชอาณาจักรไทย คงไม่มีพระสงฆ์องค์ใดที่จะสั่งสอนวิชชาเหล่านี้ได้ จะให้ไปเรียนที่อินเดีย พม่า หรือ เขมร..ก็ไม่มี..”
这就是祖师传授通素奶奶法身法门的神奇之处。此外,她还通达其他法门,譬如降魔法门、入地狱天界法门、转变性别法门、化身夜叉法门以及熄灭星星和制造月食的法门。所以,通素奶奶不由发自内心地说:“今世再难遇到像师父这样的老师,他是一位超乎寻常的高僧,他可以数尽沙粒,在沙粒、镜子、岩石上行禅,可以进入岩石里,可以数清雨滴,在泰国很难再找到传授此类法门的老师了。就算寻遍印度、缅甸或柬埔寨,也找不到能传授此类法门的老师。”
อีกทั้งคุณยายทองสุขยังเล่าอีกว่า ท่านได้เห็นปาฏิหาริย์หลวงปู่ด้วยตาเนื้อแบบจะๆ ในครั้งที่ฝนตก ซึ่งท่านเล่าว่า “ในวันที่ฝนตก เจ้าคุณพ่อท่านยืนกวาดเม็ดฝนอยู่กุฏิ โดยเท้าของท่านยืนอยู่บนดอกบัวข้างละดอก อีกทั้งยังมีแสงสว่างลุกโชติช่วงน่าอัศจรรย์มาก..”
此外,通素奶奶还说她亲眼看见过祖师显神通,在下雨时,师父曾在寮房外扫雨滴,他的双脚分别站立在两片莲叶上,前面还有一道神奇的金光。