สุเมธดาบส (Th Ch En)

สุเมธดาบสได้รับพยากรณ์ จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ในพระชาติที่พระองค์ ได้ไปบังเกิดเป็นสุเมธดาบส และได้รับพุทธพยากรณ์จากพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องก็มีอยู่ว่า…ในพระชาตินั้น พระองค์ได้ไปบังเกิดอยู่ในตระกูลพราหมณ์ที่มีฐานะร่ำรวยเป็นอย่างมาก เป็นสุขุมาลชาติ นอกจากจะร่ำรวยแล้ว พระองค์ยังเป็นบุคคลผู้คงแก่เรียน กล่าวคือ เรียนจบศาสตร์ต่างๆหลายแขนง เมื่อโตเป็นหนุ่ม บิดามารดาของพระองค์ก็ได้ถึงแก่กรรม พระองค์จึงได้รับมรดกทั้งหมดที่บิดาและมารดาของพระองค์ได้สั่งสมมาตลอดเจ็ดชั่วโคตร ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินหลายร้อยโกฏิ หลังจากที่พระองค์ได้รับมรดกมาแล้ว พระองค์ได้มีความคิดว่า “คนในตระกูลของเราสั่งสมทรัพย์ไว้มากมาย แต่เมื่อตายไปแล้ว…ทรัพย์แม้กหาปณะหนึ่งก็เอาติดตัวไปไม่ได้ เราควรกระทำเหตุให้ทรัพย์นี้ติดตัวเราข้ามภพข้ามชาติไปได้” พร้อมกันนั้น พระองค์ก็ได้เห็นการเกิด การแก่ การเจ็บ และการตาย ว่ามันเป็นทุกข์แสนสาหัส พระองค์จึงมีความปรารถนาที่จะออกไปจากภพ กล่าวคือ เลิกการเวียนเกิดเวียนตายเสียที จากนั้นพระองค์ก็ได้คิดต่ออีกว่า “เมื่อทุกข์มี…สุขก็ต้องมีฉันใด เมื่อมีภพ…ก็ต้องมีทางออกจากภพได้ฉันนั้น” ดังนั้น พระองค์จึงตัดสินใจสละทรัพย์สมบัติทั้งหมดออกบวชเป็นดาบสหรือฤษี เมื่อออกบวชเป็นดาบสแล้ว พระองค์ก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียร จนสามารถบรรลุอภิญญา 5 สมาบัติ 8 และมีความสุขอยู่ในฌานสมาบัติที่พระองค์ได้เข้าถึง และในกาลนั้นเอง…ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับพระองค์ ในกาลนั้นเอง…พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า “ทีปังกร” พร้อมกับเหล่าพระอรหันต์ขีณาสพ ได้เสด็จมาที่รัมมนคร และเสด็จประทับอยู่ ณ สุทัสสนมหาวิหาร เมื่อชาวเมืองทราบข่าว ต่างก็ดีอกดีใจที่พระพุทธองค์พร้อมกับเหล่าพระอรหันต์ขีณาสพ ได้เสด็จเดินทางผ่านมาที่เมืองของพวกตน ด้วยเหตุนี้…

พระเถระโปรดเจ้าปายาสิให้พ้นจากมิจฉาทิฏฐิ

พระเถระโปรดเจ้าปายาสิให้พ้นจากมิจฉาทิฏฐิ เรื่องที่พระเถระทรมานเจ้าปายาสิ ปรากฏอยู่ในปายาสิราชัญญสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรที่มีความสำคัญอีกสูตรหนึ่งเกี่ยวกับ ความเห็นผิดว่า ชาติหน้าไม่มี ผลบุญบาปกรรมไม่มี ฯ เป็นพระสูตรที่พระเถระใช้วิธีแต่งนิทานอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบให้เข้าใจ ซึ่งวิธีดังกล่าวได้เป็นแบบอย่างให้แก่พระอรรถกถาจารย์ในรุ่นหลัง ได้นำแบบอย่างมาใช้ขยายความในพระสูตรในกาลต่อมา เช่น ในมิลินท์ปัญหา เป็นต้นฯ พระสูตรนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักชื่อสูตรเท่าไร แต่มีความสำคัญน่าศึกษาเป็นอย่างมาก ซึ่งกล่าวถึงพระกุมารกัสสปได้แสดงแก่พระเจ้าปายาสิซึ่งครองเสตัพยนคร ดังมีความย่อดังนี้ สมัยหนึ่ง ท่านพระกุมารกัสสปเที่ยวจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป เมื่อถึงนครแห่งชาวโกศลชื่อเสตัพยะ ท่านพระกุมารกัสสปก็ได้พักอยู่ ณ ป่าไม้สีเสียดด้านเหนือนครเสตัพยะ ก็สมัยนั้น เจ้าปายาสิ ผู้ครองเสตัพยนครซึ่งคับคั่งด้วยประชาชน และหมู่สัตว์ สมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ซึ่งเป็นราชสมบัติอันพระเจ้าปเสนทิโกศล พระราชทานปูนบำเหน็จให้ เจ้าปายาสินั้นมีความเห็นอันผิด ๆ ว่า โลกหน้าไม่มี เหล่าสัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี ผลวิบากของกรรมที่สัตว์ทำดี ทำชั่วไม่มี ฯ พราหมณ์และคฤหบดีชาวนครเสตัพยะ ซึ่งเคยได้ยินกิตติศัพท์อันงามของท่านกุมารกัสสปองค์นั้นว่า เป็นบัณฑิต เฉียบแหลม มีปัญญา เป็นพหูสูต มีถ้อยคำอันวิจิตร มีปฏิภาณดี เป็นพระอรหันต์ เมื่อได้ทราบข่าวว่า ท่านพระกุมารกัสสปะ สาวกของพระสมณโคดม เที่ยวจาริกมาถึงนครเสตัพยะพักอยู่…

มาณพหนุ่มช่างทอง (Th Ch En)

มาณพหนุ่มช่างทอง ครั้งหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลช่างทอง เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีความเฉลียวฉลาด ฝึกฝนจนเป็นช่างทองฝีมือเยี่ยม มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือตั้งแต่วัยหนุ่ม เศรษฐีใหญ่ในเมือง ถึงกับว่าจ้างให้มาทำเครื่องประดับแก่ธิดาของตนเป็นพิเศษ เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับบุตรของเศรษฐีผู้มีตระกูลเสมอกัน เมื่อเศรษฐีได้เห็นลักษณะอันงามชวนหลงใหลของช่างทอง ก็เกรงว่าธิดาคนสวยของตน จะไปหลงรักช่างทองผู้มีตระกูลต่ำกว่า ไม่คู่ควรกัน เศรษฐีจึงสั่งให้คนงาน กั้นฝาผนังระหว่างคนทั้งสอง เจาะช่องเพียงให้มือและเท้าลอดไปได้เท่านั้น ธิดาเศรษฐีเกิดความสงสัย จึงลอบมองออกไปตามช่องไม้ เมื่อได้เห็นรูปอันงามของช่างทองก็หลงใหลรักใคร่ ลงมือเขียนจดหมายทิ้งลงเบื้องหน้าชายหนุ่ม ความว่า “ช่างทองผู้เป็นที่รัก หากท่านมีใจรักใคร่ในตัวเรา ขอจงมาพบเราที่ต้นไม้ใหญ่หลังบ้านในคืนวันนี้เถิด” ช่างทองอ่านจดหมายด้วยความยินดี เขารอจนเวลาค่ำลอบมานั่งรออยู่บนต้นไม้ใหญ่นั้น แต่ด้วยความตรากตรำกรำงานมาทั้งวัน จึงเกิดอาการง่วงนอน เผลอตัวเอนหลับไปกับกิ่งไม้นั่นเอง เมื่อคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว ธิดาเศรษฐีจึงแอบจัดอาหารแล้วออกมาพบกับช่างทอง นางเห็นเขาหลับสนิท จะปลุกให้ตื่นก็เกรงต่อความเชื่อที่ว่า ผู้ใดปลุกคนอื่นให้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับ ผู้นั้นจะได้รับบาปตกนรกนานถึงหนึ่งกัป เมื่อนางรออยู่ครู่ใหญ่ ชายหนุ่มก็ยังหลับสนิทเช่นเดิม นางได้แต่วางขันทองไว้ตรงหน้าเขาแล้วหันหลังกลับไป วันต่อมาธิดาเศรษฐีแอบทิ้งจดหมายนัดพบอีก พร้อมกับย้ำให้เขาอดทน อย่าหลับใหลเหมือนเมื่อวาน ช่างทองได้ไปรอที่เดิม แต่กลับเผลอหลับไปอีก ธิดาเศรษฐีก็ได้แต่วางอาหารไว้ให้ แล้วเดินกลับไป วันที่สามเหตุการณ์ยังเป็นเช่นเดิม ธิดาเศรษฐีเสียใจที่มิได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก คิดปลงว่ามิได้สร้างสมบุญร่วมกันมา จึงต้องแคล้วคลาดกันเช่นนี้ ฝ่ายชายหนุ่มก็แค้นเคืองตนเองที่เผลอสติหลับไปถึงสามครั้ง เขาเดินกลับด้วยความเสียดายโอกาสยิ่งนัก เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อถึงกำหนดแต่งงานของธิดาเศรษฐี ช่างทองยังคงเฝ้าคิดถึงนางอย่างผูกพันไม่คลาย จึงคิดหาอุบายจัดทำเครื่องประดับอันงดงามประณีตไปถวายพระมหาอุปราช…